ไอศกรีมรสวนิลาถูกคนไปคนมาจนแทบจะกลายเป็นน้ำ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของมือเรียวจะไม่สนใจเท่าไหร่นักจน “นริศ” ชายหนุ่มหน้าหวานเจ้าของร้าน “หวานใจ” ส่ายหน้าไปมาแล้วแกล้งโบกมือผ่านหน้าหญิงสาวเพื่อเรียกสติ
“ทำหน้าเครียดอะไรหนักหนาคุณหนูใบเมี่ยง”
มาริสาเหลือบตามองเพื่อนรุ่นพี่ก่อนปัดมือที่โบกไปมาตรงหน้าเธอ “ก็รู้อยู่แล้วยังจะถามอีก”
“ก็แค่พี่หม่อนมาหาไม่เห็นต้องทำหน้าเหมือนจะถูกฆ่าเลยนี่” นริศหัวเราะอารมณ์ดี
“นี่พี่นริศเห็นความทุกข์ของฉันเป็นเรื่องสนุกเหรอ” มาริสาแหวใส่อย่างหงุดหงิดก่อนยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นดูเวลา “ยัยหนูนากับหมวยเล็กยังไม่มาอีก”
“คนเขามีงานประจำทำก็ต้องออกมาช้าเป็นธรรมดา” นริศแย้งขึ้นพร้อมรอยยิ้มแม้ว่าเขาจะเป็นรุ่นพี่ถึงสองปีแต่ก็ไม่เคยถือโทษโกรธอะไรรุ่นน้องคนนี้เลย
“พี่นริศนี่...พูดแบบนี้ด่ากันเลยดีไหม” มาริสาถลึงตาใส่
นริศกลับหัวเราะมากขึ้นกว่าเดิมที่เห็นท่าทางของเพื่อนสนิทแบบนี้ เสียงกรุ๋งกริ๋งที่ประตูดังขึ้นทำให้เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นทักทายลูกค้า แต่เมื่อเห็นสองสาวต่างบุคลิกเดินเข้ามาก็ทำให้เขาโบกมือเรียกทันที สาวหนึ่งดูมาดมั่นด้วยผมซอยสั้นประบ่าและสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางยีนสีเข้มเข้ากับรองเท้าหนังหุ้มข้อ อีกสาวดูเปรี้ยวและโฉบเฉียวผมดัดเป็นลอนสีน้ำตาลประกายทองแม้จะรูปร่างเล็กแต่เมื่อสวมเดรสสั้นเหนือเข่าก็ทำให้ดูช่วงขายาวขึ้นเข้ากับรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่
“หนูนา! หมวยเล็ก!!ทางนี้”
“คนว่างงานนี่มาถึงเร็วจัง”
“หนูนา” หรือ”ช้องนาง”สาวร่างเพรียวลมเอ่ยแซวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักของ “หมวยเล็ก” หรือ “เปมิกา” สาวเปรี้ยวรูปร่างเล็กแล้วทั้งคู่ก็เดินตรงมาทางโต๊ะที่มาริสานั่งอยู่
“มาอีกคนแล้วพูดจาแบบนี้” มาริสาทำหน้าบูดใส่แทนที่จะดีใจที่เพื่อนซี้มาถึงเสียที
“สาวๆ รับอะไรดีครับ” นริศถามเมื่อเห็นว่าทั้งสามสาวนั่งกันเรียบร้อยแล้ว
“หมวยขอน้ำผลไม้ปั่นก่อนดีกว่าค่ะ” เปมิกายิ้มจนตาเรียวหยีเล็กลงแล้วหันไปทางเพื่อน “หนูนาเอากาแฟเย็นเหมือนเคยใช่ป่ะ”
“จ๊ะ! ใส่วิปครีมให้ด้วยนะ ขอเยอะๆ เลยนะพี่นริศ” ช้องนางพยักหน้ารับแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่ง
“ได้ครับคุณผู้หญิง...แล้วใบเมี่ยงละจะเอาอะไรเพิ่มไหม”
“ไม่เอาแล้ว” มาริสาย่นจมูก
นริศรับออเดอแล้วเดินจากไปครู่หนึ่งก็ให้พนักงานยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟส่วนตัวเองก็ดูแลลูกค้าคนอื่นต่อไป โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของช้องนางชะเง้อมองอยู่ ทำเอาเปมิกาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เห็นมองนริศมาตั้งแต่ปีสองจนเรียนจบก็ยังไม่มีอะไรก้าวหน้าสักอย่าง” เปมิกาบ่นเพื่อนซี้ในก๊วนสาวโสด ทั้งสามสาวก็หน้าตาดีไม่น้อยแต่ยังไม่มีใครมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยสักคนอาจเพราะยังสนุกสนานกับการใช้ชีวิตในรูปแบบของตัวเองก็ได้
ช้องนางทำบริษัททัวร์เล็กๆ ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว แต่เธอก็มีความคิดที่จะขยายให้มันครอบคลุมและกว้างมากขึ้น โดยตอนนี้เธอเริ่มมีเวบไซต์บริษัททัวร์ของตัวด้วยฝีมือของนักออกแบบและพัฒนาเวบไซต์คนเก่งแถมสาวและสวยอย่างมาริสา ทำให้บริษัททัวร์เล็กๆ กลายเป็นที่สนใจของเหล่านักเดินทางในโลกอินเตอร์ ภาพการแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ จากฝีมือกดชัตเตอร์ของเปมิกา ซึ่งไม่ค่อยจะมีใครเชื่อนักว่าสาวเปรี้ยวคนนี้ถ่ายภาพได้สวยไม่แพ้หน้าตาหมวยๆ ของเธอเลย
มาริสาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้อยู่กับเพื่อนรักทั้งสอทำให้ความสบายใจมาเยือนเสมอสามสาวเรียนต่างคณะแต่สนิทสนมกันตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะในวิชาพื้นฐานได้เรียนด้วยกัน ทั้งที่ตอนแรกมาริสารู้สึกว่าเปมิกาออกจะเป็นสวยเริดเชิดหยิ่ง แต่พอรู้จักกันไปถึงได้รู้ว่า “คอเดียวกัน” ส่วนช้องนางสาวมาดมั่นแต่เรื่องหัวใจหน่ะตรงข้ามเพราะแอบหลงรัก “นริศ” รุ่นพี่ปีสี่ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ปีสอง แต่ช้องนางเก็บความรักไว้ไม่ให้รุ่นพี่รู้แต่คนรอบข้างนะเหรอ? รู้ถึงไส้ถึงพุงหมดแล้ว
‘ก็มีใครสักคนไว้แอบรัก แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้วยะ’
นั่นแหละ! เหตุผลของช้องนางเขาหล่ะ
“ฉันแค่แอบรักแบบนี้ก็มีความสุขพอแล้วยะ” ช้องนางยักไหล่แล้วจิบน้ำผลไม้ของตัวเอง
“แล้วแกส่งสัญญาณ SOS มาทำไมยะ ยัยเมี่ยง! งานฉันเยอะอยู่นะเนี่ย” เสียงเปมิกาเรียกสติของมาริสาพลางหยิบโน้ตบุ๊กสีชมพูหวานแหววขึ้นมาเปิดดูงานของตัวเองทันที
“ก็เรื่องพี่หม่อนนะซิ” มาริสาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“บอกให้ไปหางานทำอีกแล้วเหรอ” ช้องนางถามเพราะถ้าพูดถึงเรื่อง ‘พี่หม่อน’ ก็คงไม่พ้นเรื่องเดิม “ทำไมไม่บอกไปล่ะว่าแกพาลูกทัวร์ฉันไปเที่ยวสิงคโปร์”
“ยังไม่ได้พูดอะไรเลย...พี่หม่อนจะบินมากรุงเทพฯ ฉันเลยหนีออกมาหาพวกแกก่อน” มาริสาทำหน้าแหย เธอกลัวพี่ชายคนโตมากกว่าพ่อกับแม่เสียอีก
“คราวนี้ไปทำอะไรไว้ละ” เปมิกาทำตาโตทั้งที่มันไม่สามารถโตไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ตั้งแต่รู้จักกันมา มีใครทำให้มาริสาต้อง ‘ลี้ภัย’ ได้นอกจากพี่หม่อน-พี่ชายสุดหล่อมาดเข้มที่ยังครองความเป็นโสดอยู่
“ก็แค่ใช้เงินเกลี้ยงบัญชีแล้วโทรไปให้แม่โอนเงินให้ แต่พี่หมอนไม่ยอมก็เลย...”
เปมิกาถึงปล่อยเสียงหัวเราะไม่เกรงใจใคร ในขณะที่ช้องนางก็พยายามจะกลั้นหัวเราะแต่ทำไม่สำเร็จ อาการของเพื่อนซี้ทำให้มาริสาหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“นี่พวกแกมันเห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกหรือไงยะ”
“ถ้าเป็นคนอื่นฉันสมน้ำหน้าไปแล้วยะ” เปมิกายกมือเช็ดน้ำตาที่หางตา “มันก็สมควรอยู่หรอก แกช้อปฯ แต่ละทีอย่างกับจะไปเปิดร้านขายของ”
“พวกแกก็เป็นเหมือนกันอย่ามาทำเป็นพูดดีเลย” มาริสาเสียงดังใส่เพื่อน “เพราะเธอนั้นแหละ หนูนา! ดันให้ฉันไปกับลูกทัวร์บ้าช้อปฯ ฉันก็เลยอดใจไม่ไหว”
“ก็ฉันหวังดีอยากให้แกมีรายได้พิเศษ...นี่ฉันเอาค่าเหนื่อยมาให้ด้วยนะ” ช้องนางหยิบซองสีขาวจากกระเป๋าสะพายส่งให้มาริสา เพื่อนสาวรับมาเปิดดูแล้วถอนหายใจเบาๆ
“คงต่ออายุแกได้อีก2-3วันมั้ง” สาวหมวยแซวขึ้น “แล้วเรื่องพี่หม่อนว่าไงละ”
“ก็จะว่ายังไงซะอีก...เมื่อเช้าโทรคุยกันบอกว่าจะบินมาหา ฉันก็เลยรีบเผ่นออกจากบ้านมาหาพวกแกนี่แหละ”
“พี่หม่อนก็ขู่แบบนี้ทุกทีไม่ใช่เหรอ” ช้องนางขมวดคิ้ว จะว่าไปก็ได้ยินเพื่อนบ่นแบบนี้บ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“แต่คราวนี้ไม่ได้แค่ขู่แล้วไง ท่าทางเอาจริงด้วย ขนาดไม่ยอมให้พ่อกับแม่โอนเงินเข้าบัญชีฉันเลย” มาริสาทำถอนหายใจครั้งที่ล้านแปดแล้วละมั้ง
“ถ้าจริงป่านนี้พี่หม่อนคงมาถึงตั้งนานแล้วมั้ง” เปมิกาพยักหน้ารับ
“ก็อาจจะมาถึงแล้ว...แล้วก็คงพักที่คอนโดของพี่หมอนนั้นแหละ” มาริสาทำหน้ามุ่ยแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ “งานนี้ฉันต้องตายแน่ๆ เลย”
“ปัญหามันไม่ได้มีไว้ให้หนีนะ มันมีให้เผชิญหน้าเพราะฉะนั้นจะไปกลัวอะไรกับเรื่องแค่นี้ล่ะ” ช้องนางให้กำลังใจเพื่อน “แกก็เอาซองเงินที่ฉันให้ไปให้พี่หม่อนดูก็ได้”
“แล้วพี่หม่อนจะได้พูดว่า ‘อยู่บ้านเฉยๆ อย่าขยับตัวให้เสียเงินดีกว่า’ นะซิ” เปมิกาชิงพูดขึ้นก่อน
“รู้งี้ฉันไม่ส่งSMS ตามพวกแกมาทับถมฉันหรอก” มาริสายกมือขึ้นเขกหัวสาวหมวยเล็กทันที แต่เพื่อนซี้รู้ทันหลบได้ก่อนจะเจ็บตัว
“ยังไงแกก็ต้องโดนพี่หม่อนด่าอยู่ดี ทำใจเถอะเพื่อนถึงยังไงพี่แกคงไม่หักคอแกจิ้มน้ำพริกหนุ่มกินหรอก”
“จริงอย่างที่หมวยเล็กพูดนะยัยใบเมี่ยง” ช้องนางพยักหน้ารับ แล้วยกมือลูบหลังเพื่อนเบาๆ “แกกลับบ้านไปทำหน้าสำนึกผิดหน่อยเดี๋ยวพี่หม่อนก็หายโกรธเองแหละ”
“พวกแกไม่ได้โดนกับตัวเองจะพูดยังไงก็พูดได้ซิ” มาริสาทำหน้าเศร้าพลางเป่าลมหายใจออกทางปาก”หนีไม่พ้นแล้วซินะ”
“ทำใจยอมรับความจริงซะเถอะแก” เปมิกาให้กำลังใจเพื่อน นิ้วเรียวที่ทาเล็บสีสดใสกดปุ่มบนคีย์บอร์ดแล้วยิ้มออกมาก่อนที่เลื่อนโน้ตบุ๊กหันไปทางสองสาว “ยัยใบเมี่ยงมาช่วยทำฉันโปรเจคชุดนี้ดีกว่าไปนั่งกลุ้มเรื่องพี่หม่อนนะยะ”
“ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้นแหละ” มาริสาลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าสะพ่ายขึ้นคล้องไหล่ไม่สนใจดวงตาของเพื่อนซี้ที่มองมาอย่างตกใจ
“แกจะไปไหน” เปมิกาถามเสียงแหลมทันที
“อ้าว! ก็พวกแกให้ฉันไปเผชิญหน้ากับความจริงไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะกลับบ้านไปเจอพี่หม่อนนะซิ”
มาริสาถอนหายใจอีกครั้งแล้วเดินออกมาอย่างเงียบๆ ไม่สนใจเสียงเรียกของสองสาวเลยสักนิดจนนริศเดินกลับมาดูที่โต๊ะด้วยความแปลกใจ