บทที่1. ทำหน้าเครียด

1699 Words
ไอศกรีมรสวนิลาถูกคนไปคนมาจนแทบจะกลายเป็นน้ำ       แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของมือเรียวจะไม่สนใจเท่าไหร่นักจน “นริศ” ชายหนุ่มหน้าหวานเจ้าของร้าน “หวานใจ” ส่ายหน้าไปมาแล้วแกล้งโบกมือผ่านหน้าหญิงสาวเพื่อเรียกสติ             “ทำหน้าเครียดอะไรหนักหนาคุณหนูใบเมี่ยง”             มาริสาเหลือบตามองเพื่อนรุ่นพี่ก่อนปัดมือที่โบกไปมาตรงหน้าเธอ “ก็รู้อยู่แล้วยังจะถามอีก”             “ก็แค่พี่หม่อนมาหาไม่เห็นต้องทำหน้าเหมือนจะถูกฆ่าเลยนี่” นริศหัวเราะอารมณ์ดี             “นี่พี่นริศเห็นความทุกข์ของฉันเป็นเรื่องสนุกเหรอ”   มาริสาแหวใส่อย่างหงุดหงิดก่อนยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นดูเวลา “ยัยหนูนากับหมวยเล็กยังไม่มาอีก”             “คนเขามีงานประจำทำก็ต้องออกมาช้าเป็นธรรมดา”           นริศแย้งขึ้นพร้อมรอยยิ้มแม้ว่าเขาจะเป็นรุ่นพี่ถึงสองปีแต่ก็ไม่เคยถือโทษโกรธอะไรรุ่นน้องคนนี้เลย             “พี่นริศนี่...พูดแบบนี้ด่ากันเลยดีไหม”         มาริสาถลึงตาใส่ นริศกลับหัวเราะมากขึ้นกว่าเดิมที่เห็นท่าทางของเพื่อนสนิทแบบนี้     เสียงกรุ๋งกริ๋งที่ประตูดังขึ้นทำให้เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นทักทายลูกค้า       แต่เมื่อเห็นสองสาวต่างบุคลิกเดินเข้ามาก็ทำให้เขาโบกมือเรียกทันที สาวหนึ่งดูมาดมั่นด้วยผมซอยสั้นประบ่าและสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางยีนสีเข้มเข้ากับรองเท้าหนังหุ้มข้อ      อีกสาวดูเปรี้ยวและโฉบเฉียวผมดัดเป็นลอนสีน้ำตาลประกายทองแม้จะรูปร่างเล็กแต่เมื่อสวมเดรสสั้นเหนือเข่าก็ทำให้ดูช่วงขายาวขึ้นเข้ากับรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ “หนูนา! หมวยเล็ก!!ทางนี้”           “คนว่างงานนี่มาถึงเร็วจัง”            “หนูนา” หรือ”ช้องนาง”สาวร่างเพรียวลมเอ่ยแซวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักของ “หมวยเล็ก” หรือ “เปมิกา” สาวเปรี้ยวรูปร่างเล็กแล้วทั้งคู่ก็เดินตรงมาทางโต๊ะที่มาริสานั่งอยู่ “มาอีกคนแล้วพูดจาแบบนี้” มาริสาทำหน้าบูดใส่แทนที่จะดีใจที่เพื่อนซี้มาถึงเสียที “สาวๆ รับอะไรดีครับ”      นริศถามเมื่อเห็นว่าทั้งสามสาวนั่งกันเรียบร้อยแล้ว “หมวยขอน้ำผลไม้ปั่นก่อนดีกว่าค่ะ”          เปมิกายิ้มจนตาเรียวหยีเล็กลงแล้วหันไปทางเพื่อน “หนูนาเอากาแฟเย็นเหมือนเคยใช่ป่ะ” “จ๊ะ! ใส่วิปครีมให้ด้วยนะ ขอเยอะๆ เลยนะพี่นริศ” ช้องนางพยักหน้ารับแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่ง “ได้ครับคุณผู้หญิง...แล้วใบเมี่ยงละจะเอาอะไรเพิ่มไหม” “ไม่เอาแล้ว”       มาริสาย่นจมูก นริศรับออเดอแล้วเดินจากไปครู่หนึ่งก็ให้พนักงานยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟส่วนตัวเองก็ดูแลลูกค้าคนอื่นต่อไป โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของช้องนางชะเง้อมองอยู่            ทำเอาเปมิกาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เห็นมองนริศมาตั้งแต่ปีสองจนเรียนจบก็ยังไม่มีอะไรก้าวหน้าสักอย่าง” เปมิกาบ่นเพื่อนซี้ในก๊วนสาวโสด         ทั้งสามสาวก็หน้าตาดีไม่น้อยแต่ยังไม่มีใครมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยสักคนอาจเพราะยังสนุกสนานกับการใช้ชีวิตในรูปแบบของตัวเองก็ได้ ช้องนางทำบริษัททัวร์เล็กๆ ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว แต่เธอก็มีความคิดที่จะขยายให้มันครอบคลุมและกว้างมากขึ้น โดยตอนนี้เธอเริ่มมีเวบไซต์บริษัททัวร์ของตัวด้วยฝีมือของนักออกแบบและพัฒนาเวบไซต์คนเก่งแถมสาวและสวยอย่างมาริสา   ทำให้บริษัททัวร์เล็กๆ กลายเป็นที่สนใจของเหล่านักเดินทางในโลกอินเตอร์  ภาพการแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ จากฝีมือกดชัตเตอร์ของเปมิกา      ซึ่งไม่ค่อยจะมีใครเชื่อนักว่าสาวเปรี้ยวคนนี้ถ่ายภาพได้สวยไม่แพ้หน้าตาหมวยๆ ของเธอเลย มาริสาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้อยู่กับเพื่อนรักทั้งสอทำให้ความสบายใจมาเยือนเสมอสามสาวเรียนต่างคณะแต่สนิทสนมกันตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะในวิชาพื้นฐานได้เรียนด้วยกัน            ทั้งที่ตอนแรกมาริสารู้สึกว่าเปมิกาออกจะเป็นสวยเริดเชิดหยิ่ง แต่พอรู้จักกันไปถึงได้รู้ว่า “คอเดียวกัน” ส่วนช้องนางสาวมาดมั่นแต่เรื่องหัวใจหน่ะตรงข้ามเพราะแอบหลงรัก “นริศ” รุ่นพี่ปีสี่ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ปีสอง  แต่ช้องนางเก็บความรักไว้ไม่ให้รุ่นพี่รู้แต่คนรอบข้างนะเหรอ? รู้ถึงไส้ถึงพุงหมดแล้ว ‘ก็มีใครสักคนไว้แอบรัก แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้วยะ’ นั่นแหละ! เหตุผลของช้องนางเขาหล่ะ “ฉันแค่แอบรักแบบนี้ก็มีความสุขพอแล้วยะ” ช้องนางยักไหล่แล้วจิบน้ำผลไม้ของตัวเอง “แล้วแกส่งสัญญาณ SOS มาทำไมยะ ยัยเมี่ยง! งานฉันเยอะอยู่นะเนี่ย”       เสียงเปมิกาเรียกสติของมาริสาพลางหยิบโน้ตบุ๊กสีชมพูหวานแหววขึ้นมาเปิดดูงานของตัวเองทันที           “ก็เรื่องพี่หม่อนนะซิ”        มาริสาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “บอกให้ไปหางานทำอีกแล้วเหรอ” ช้องนางถามเพราะถ้าพูดถึงเรื่อง ‘พี่หม่อน’ ก็คงไม่พ้นเรื่องเดิม “ทำไมไม่บอกไปล่ะว่าแกพาลูกทัวร์ฉันไปเที่ยวสิงคโปร์” “ยังไม่ได้พูดอะไรเลย...พี่หม่อนจะบินมากรุงเทพฯ ฉันเลยหนีออกมาหาพวกแกก่อน”   มาริสาทำหน้าแหย เธอกลัวพี่ชายคนโตมากกว่าพ่อกับแม่เสียอีก “คราวนี้ไปทำอะไรไว้ละ”   เปมิกาทำตาโตทั้งที่มันไม่สามารถโตไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ตั้งแต่รู้จักกันมา มีใครทำให้มาริสาต้อง ‘ลี้ภัย’ ได้นอกจากพี่หม่อน-พี่ชายสุดหล่อมาดเข้มที่ยังครองความเป็นโสดอยู่        “ก็แค่ใช้เงินเกลี้ยงบัญชีแล้วโทรไปให้แม่โอนเงินให้   แต่พี่หมอนไม่ยอมก็เลย...” เปมิกาถึงปล่อยเสียงหัวเราะไม่เกรงใจใคร  ในขณะที่ช้องนางก็พยายามจะกลั้นหัวเราะแต่ทำไม่สำเร็จ    อาการของเพื่อนซี้ทำให้มาริสาหงุดหงิดขึ้นมาทันที “นี่พวกแกมันเห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกหรือไงยะ”          “ถ้าเป็นคนอื่นฉันสมน้ำหน้าไปแล้วยะ” เปมิกายกมือเช็ดน้ำตาที่หางตา “มันก็สมควรอยู่หรอก แกช้อปฯ แต่ละทีอย่างกับจะไปเปิดร้านขายของ” “พวกแกก็เป็นเหมือนกันอย่ามาทำเป็นพูดดีเลย”     มาริสาเสียงดังใส่เพื่อน “เพราะเธอนั้นแหละ หนูนา! ดันให้ฉันไปกับลูกทัวร์บ้าช้อปฯ ฉันก็เลยอดใจไม่ไหว” “ก็ฉันหวังดีอยากให้แกมีรายได้พิเศษ...นี่ฉันเอาค่าเหนื่อยมาให้ด้วยนะ”         ช้องนางหยิบซองสีขาวจากกระเป๋าสะพายส่งให้มาริสา        เพื่อนสาวรับมาเปิดดูแล้วถอนหายใจเบาๆ “คงต่ออายุแกได้อีก2-3วันมั้ง”       สาวหมวยแซวขึ้น “แล้วเรื่องพี่หม่อนว่าไงละ” “ก็จะว่ายังไงซะอีก...เมื่อเช้าโทรคุยกันบอกว่าจะบินมาหา ฉันก็เลยรีบเผ่นออกจากบ้านมาหาพวกแกนี่แหละ” “พี่หม่อนก็ขู่แบบนี้ทุกทีไม่ใช่เหรอ” ช้องนางขมวดคิ้ว จะว่าไปก็ได้ยินเพื่อนบ่นแบบนี้บ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว “แต่คราวนี้ไม่ได้แค่ขู่แล้วไง ท่าทางเอาจริงด้วย ขนาดไม่ยอมให้พ่อกับแม่โอนเงินเข้าบัญชีฉันเลย” มาริสาทำถอนหายใจครั้งที่ล้านแปดแล้วละมั้ง “ถ้าจริงป่านนี้พี่หม่อนคงมาถึงตั้งนานแล้วมั้ง” เปมิกาพยักหน้ารับ “ก็อาจจะมาถึงแล้ว...แล้วก็คงพักที่คอนโดของพี่หมอนนั้นแหละ” มาริสาทำหน้ามุ่ยแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ “งานนี้ฉันต้องตายแน่ๆ เลย” “ปัญหามันไม่ได้มีไว้ให้หนีนะ        มันมีให้เผชิญหน้าเพราะฉะนั้นจะไปกลัวอะไรกับเรื่องแค่นี้ล่ะ” ช้องนางให้กำลังใจเพื่อน “แกก็เอาซองเงินที่ฉันให้ไปให้พี่หม่อนดูก็ได้” “แล้วพี่หม่อนจะได้พูดว่า ‘อยู่บ้านเฉยๆ อย่าขยับตัวให้เสียเงินดีกว่า’ นะซิ”    เปมิกาชิงพูดขึ้นก่อน “รู้งี้ฉันไม่ส่งSMS ตามพวกแกมาทับถมฉันหรอก” มาริสายกมือขึ้นเขกหัวสาวหมวยเล็กทันที แต่เพื่อนซี้รู้ทันหลบได้ก่อนจะเจ็บตัว “ยังไงแกก็ต้องโดนพี่หม่อนด่าอยู่ดี ทำใจเถอะเพื่อนถึงยังไงพี่แกคงไม่หักคอแกจิ้มน้ำพริกหนุ่มกินหรอก” “จริงอย่างที่หมวยเล็กพูดนะยัยใบเมี่ยง” ช้องนางพยักหน้ารับ แล้วยกมือลูบหลังเพื่อนเบาๆ “แกกลับบ้านไปทำหน้าสำนึกผิดหน่อยเดี๋ยวพี่หม่อนก็หายโกรธเองแหละ” “พวกแกไม่ได้โดนกับตัวเองจะพูดยังไงก็พูดได้ซิ” มาริสาทำหน้าเศร้าพลางเป่าลมหายใจออกทางปาก”หนีไม่พ้นแล้วซินะ” “ทำใจยอมรับความจริงซะเถอะแก”            เปมิกาให้กำลังใจเพื่อน    นิ้วเรียวที่ทาเล็บสีสดใสกดปุ่มบนคีย์บอร์ดแล้วยิ้มออกมาก่อนที่เลื่อนโน้ตบุ๊กหันไปทางสองสาว “ยัยใบเมี่ยงมาช่วยทำฉันโปรเจคชุดนี้ดีกว่าไปนั่งกลุ้มเรื่องพี่หม่อนนะยะ” “ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้นแหละ” มาริสาลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าสะพ่ายขึ้นคล้องไหล่ไม่สนใจดวงตาของเพื่อนซี้ที่มองมาอย่างตกใจ “แกจะไปไหน”    เปมิกาถามเสียงแหลมทันที “อ้าว! ก็พวกแกให้ฉันไปเผชิญหน้ากับความจริงไม่ใช่เหรอ    ฉันก็จะกลับบ้านไปเจอพี่หม่อนนะซิ” มาริสาถอนหายใจอีกครั้งแล้วเดินออกมาอย่างเงียบๆ ไม่สนใจเสียงเรียกของสองสาวเลยสักนิดจนนริศเดินกลับมาดูที่โต๊ะด้วยความแปลกใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD