หญิงสาวระบายลมหายใจออกทางปากเมื่อการประชุมเสร็จสิ้นลงด้วยดี ผู้เข้าร่วมประชุมท่านอื่นทยอยออกจากห้องประชุมแล้ว ชายหนุ่มวัยสามสิบจึงหันมาแตะไหล่รุ่นน้องสาวที่นั่งข้างๆ เบาๆ
“วันนี้พรีเซนต์งานได้เยี่ยมมากเลยเมี่ยง” เอกราชเอ่ยชมอย่างจริงใจในผลงานของรุ่นน้องสาวคนนี้ “ทำงานกับราชการไม่ค่อยมีใครอยากมาช่วยพี่สักเท่าไหร่”
“มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกค่ะพี่เอก” มาริสาพูดยิ้มๆ แล้วเก็บเอกสารตรงหน้าใส่กระเป๋าแล้วตามด้วยโน้ตบุ๊ก “งานราชการได้เงินช้าแต่มั่นคงแล้วก็ได้ชื่ออีกด้วย”
“เมื่อไหร่เราจะมาทำงานให้พี่แบบเต็มตัวสักทีละ” เอกราชช่วยมาริสายกกระเป๋าโน้ตบุ๊กแล้วพาเดินออกมาจากห้องประชุม “ไม่เสียดายเหรอ เราหน่ะเคยได้รางวัลประกวดออกแบบเวบไซต์ตั้งเยอะ”
“ช่วยเป็นจ็อบๆ แบบนี้ดีแล้วค่ะพี่เอก” มาริสาหัวเราะระรื่น “ใบเมี่ยงยังไม่อยากตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อตื่นมาทำงานตอกบัตรหรอกค่ะ”
“ถ้าไม่อยากทำงานประจำ ทำไมเราไม่คิดจะเรียนต่อโทละ ทางบ้านของเมี่ยงก็ส่งให้เรียนได้สบายๆ อยู่แล้ว”
“พี่เอกพูดเหมือนพี่ชายเมี่ยงเลย” หญิงสาวเบ้ปากน้อยๆ แล้วกดปุ่มที่ลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่าง “เมี่ยงเพิ่งเรียนจบไม่ถึงปีจะให้เรียนต่ออีกแล้วเหรอคะ ใบเมี่ยงยังอยากเที่ยวอยู่เลย”
“เที่ยว?”
“หมายถึงเดินทางนะคะ ไม่ใช่ไปเที่ยวกลางคืนอะไรทำนองนั้น” มาริสาหยิบแว่นตากรองแสงมาสวม “เมี่ยงอยากไปเดินทางท่องเที่ยว อยากเห็นอะไรๆ มากกว่านี้”
“ก็ดีนะ แต่พี่เคยได้ยินว่าคนอยากเดินทางนี่เค้าต้องเก็บเงินเก็บทองเพื่อเดินทางไม่ใช่เหรอทำไมเราช้อปฯ กระจายซะขนาดนี้”
ใบหน้าหวานหุบยิ้มแล้วตวัดสายตามองรุ่นพี่อย่างไม่เกรงใจ “ใครคาบข่าวมาบอกพี่เอกหรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้องให้มีใครบอกพี่ก็รู้ได้เองแหละ” เอกราชมองรุ่นน้องตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หญิงสาวรูปร่างเพรียวลมสวมชุดเดรสสีน้ำตาลเข้ากับสร้อยเส้นโตและเข็มขัดที่รัดอยู่ใต้ฐานอกสีเดียวกับกระเป๋าหนังมันวาวที่เธอคล้องไหล่อยู่ ช่างดูหรูเลิศไฮโซผิดกับเขาที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มกับกางเกงเข้าชุดกันมันช่างดูเรียบเสียจนไม่น่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทเล็กๆ ส่วนมาริสาซึ่งเป็นรุ่นน้องฝีมือด้านการออกแบบเวบไซต์นั้น ถ้าพูดว่าเธอเป็นเจ้าของบริษัทหรือเป็นเจ้านายเขาคงมีคงเชื่ออย่างไม่สงสัยแน่ๆ
“เราแยกกันตรงนี้นะคะ เมี่ยงนัดเพื่อนไว้แถวๆ นี้” มาริสาเอ่ยบอกเมื่อทั้งคู่ก้าวออกมาจากลิฟต์แล้ว
“เอางั้นก็ได้” เอกราชพยักหน้ารับแล้วยื่นกระเป๋าโน้ตบุ๊กส่งคืนให้ “นึกว่าจะได้เลี้ยงข้าวเที่ยงเมี่ยงซะแล้ว”
“โอกาสหน้าก็ได้ค่ะ” มาริสาหัวเราะในลำคอ
“จะมีโปรเจคชุดใหม่วันจันทร์หน้า เมี่ยงจะเข้ามาช่วยพี่ไหม”
“คงไม่ได้ละคะ เพราะพี่หม่อน เอ่อ...พี่ชายเมี่ยงเอางานมาให้เมี่ยงทำชุดหนึ่งเหมือนกัน”
“เอ๊ะ! จะขยันเกินไปหรือเปล่า ปกติไม่ค่อยรับงานนี่” เอกราชเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“พี่เอกเห็นใบเมี่ยงเป็นคนยังไงเนี่ย” มาริสาลากเสียงยาวทำหน้าน้อยใจ “เดี๋ยวใบเมี่ยงก็ไม่ช่วยงานพี่เอกหรอก”
“โอเคๆ พี่ไม่ยุ่งเรื่องของเมี่ยงแล้ว” เอกราชหัวเราะแล้วยกมือขึ้นจะลูบศีรษะของรุ่นน้องแต่มาริสาเบี่ยงตัวหลบได้ทัน
“อย่ามาหลอกเช็ดมือหน่อยเลยเมี่ยงรู้ทันหรอกน่ะ...” เธอแลบลิ้นใส่เขา
ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะและจนคำพูดจะโต้ตอบ รอยยิ้มน่ารักสดใสของมาริสาตรึงสายตาของเอกราชให้จับจ้องได้อย่างไม่วางตา แต่หญิงสาวคงไม่เคยรับรู้ความรู้สึกในดวงตาของเขาแต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเคืองโกรธอะไรเพราะเป็นเขาเองที่อยากเก็บความรู้สึกดีๆ นี่ไว้ฝ่ายเดียว
“มีอะไรพี่จะโทรหาก็แล้วกัน ส่วนค่าแรงพี่จะโอนเข้าบัญชีให้เหมือนเดิมนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่เอก” หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วเดินแยกออกไปอีกทางโดยไม่ได้หันกลับมามองสายตาที่มองอย่างห่วงใยของชายรุ่นพี่
มาริสาเดินเลี้ยวออกมาด้านหนึ่งของตึกซึ่งมีร้านกาแฟน่ารักๆ ตั้งอยู่ เธอเลือกมุมดีๆ ได้ก็ทรุดตัวนั่งลง มือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องบางเฉียบรุ่นล่าสุดออกมากดหมายเลขปลายทางอย่างคุ้นเคย
“งานฉันเสร็จแล้วนะหมวยเล็ก” เธอกรอกเสียงไปทันทีที่เพื่อนซี้รับสาย
“ทำไมเสร็จแล้วจัง ของฉันยังไม่เรียบร้อยเลย” เสียงโอดครวญของเปมิกาปนมากับเสียงวุ่นวายรอบข้าง “ดาราใหม่อ่ะ เทคหลายรอบแล้วยังไม่ผ่านเลย”
“แกทำงานของแกไปเถอะ พอดีฉันได้ร้านกาแฟน่ารักๆ นั่งเล่นแล้ว เดี๋ยวแกเสร็จธุระแล้วโทรหาฉันก็แล้วกัน”
“โอเคเพื่อน! ห้ามหนีกลับก่อนละ”
“จ้า!”
มาริสาปิดปุ่มโทรศัพท์มือถือแล้วหันไปเปิดเมนูเครื่องดื่ม เมื่อเช้ากลัวจะเข้ามาเสนองานไม่ทันยังไม่ได้ดื่มกาแฟเลยสักแก้ว จะดื่มตั้งแต่ในห้องประชุมก็ลืมเพราะมัวแต่ยุ่งกับการตอบปัญหาและอธิบายรายละเอียดโครงสร้างของเวบไซต์ที่เธอทำให้ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐรับทราบ เพื่อนหลายคนของเธอไม่ค่อยชอบทำงานกับรัฐเพราะไม่สามารถแสดงลูกเล่นอะไรได้แพรวพราวนักราวกับทุกกระทรวงหรือหน่วยงานจะมีหน้าตาเวบไซต์คล้ายๆ กันหมด แถมการจ่ายเงินก็ยุ่งยากแบ่งเป็นหลายงวดตรวจงานกันหลายรอบแต่การทำงานให้กับหน่วยงานรัฐมักได้เครดิตดีกว่าทำให้เกิดความน่าเชื่อถือกับคนทำงานเอง แต่สำหรับเธอซึ่งเคยช่วยงานพี่หม่อนเล็กๆ น้อยๆ ก็พอเข้าใจระบบบ้างเลยไม่รู้สึกเป็นเรื่องลำบากใจอะไร
“ขอคาปูบิโนเย็นแก้วหนึ่งแล้วก็ชีสเค้กชิ้นหนึ่งค่ะ” มาริสาสั่งของหวานมรองท้อง “ที่นี่ใช้wi-fi ฟรีใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ” พนักงานสาวพยักหน้ารับและทวนรายการที่มาริสาสั่นก่อนหันหลังเดินออกไป
มาริสาหยิบโน้ตบุ๊กสีแดงสดใสออกมาวางแล้วเปิดดูอีเมล์ต่างๆ ของเธอเอง ใบหน้าหวานมีแววตื่นเต้นที่เห็นโฆษณาสินค้าลดราคา30-70% ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแถมโปรโมชั่นลดกระหน่ำเครื่องสำอางจากปารีส เธอต้องจำใจกดปุ่มดีลีททิ้งเพราะว่า....
‘นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่จะจำกัดการใช้เงินของเมี่ยงพี่จะโอนเข้าบัญชีให้แค่เดือนละหนึ่งหมื่นบาทเท่านั้น’
“เงินหมื่นหนึ่งซื้อชุดทรีตเมนต์เพื่อการดูแลพิเศษของลังโคมคงได้แต่กินมาม่าแน่ๆ”
หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบาๆ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเครื่องสำอางที่เธอเก็บไว้ในตู้เย็นก็ยังไม่หมดจะว่าไปน่าจะใช้ได้อีกสักครึ่งปีสบายๆ เลยก็ว่าได้ ตู้เย็นที่คอนโดไม่ค่อยมีอาหารอะไรเก็บไว้หรอกนอกจากน้ำดื่มกับน้ำผลไม้นอกนั้นก็พวกครีมบำรุงผิวต่างๆ นั้นแหละ มาริสาเปิดไฟล์งานที่พี่หม่อนให้มาอย่างเหนื่อยใจ แต่ละครั้งที่รับงานก็เพราะเป็นคำขอร้องของเพื่อนสนิทหรือรุ่นพี่ แต่ตอนนี้แรงจูงใจในการทำงานต่ำไม่อยากขยับตัวทำอะไรเลย เงินที่จะได้จากงานเมื่อครู่คงอีกสองสัปดาห์เป็นขั้นต่ำเพราะคงต้องรอเซ็นอนุมัติ เมื่อเช้าเติมน้ำมันเต็มถังเงินก็พร่องไปตั้งเยอะ ตอนนี้รู้สึกอยากเอาหัวโคกเสาให้หายมึนยังไงไม่รู้
คาปูบิโนเย็นแก้วหนึ่งและก็ชีสเค้กชิ้นน่ารักถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า มาริสาตัดขนมเค้กกินแล้วยิ้มออกมาได้ เวลาเครียดๆ ได้ของหวานมากินทำให้อารมณ์เธอดีขึ้นในพริบตา
‘เอาเถอะ ถ้าเงินหมดจริงๆ เดี๋ยวค่อยหาทางให้แม่โอนเงินให้ ถ้าไม่ได้จากแม่ก็ไปขอพี่เมฆหรือพี่หมอก อ้อ! ยังมีพี่โมนอีกคน’
มาริสาอ่านรายละเอียดของงานเวบไซต์ที่พี่ชายสุดเฮี้ยบส่งมาให้ มีภาพตัวอย่างซึ่งเป็นภาพที่ใช้จัดแสดงในนิทรรศการซึ่งคงต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลเยอะพอสมควร แต่ข้อดีของงานนี้คือเป็นเวบไซต์แสดงงานศิลปะที่เธอสามารถใส่ลูกเล่นแพรวพราวได้ แต่ต้องห้ามโหลดช้าเป็นเด็ดขาด มาริสาถอดแว่นกรองแสงออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นแว่นสายตาเพื่ออ่านรายละเอียดของงานเพิ่มขึ้น มือเรียวเปิดสมุดงานแล้วเขียนโครงสร้างคราวๆ ของหน้าตาเวบไซต์
“รายชื่อคณะกรรมการ รายชื่อผู้สนับสนุน...ฮืม …ท่าทางจะงานใหญ่มียศนำหน้าชื่อมาเพียบเลย ทำงานกับพวกเจ้าพวกนายอีกแล้วซิยัยเมี่ยง”
หญิงสาวบ่นพึมพำคนเดียวในขณะที่อีกมือก็ตัดชีสเค้กเข้าปาก แต่สายตายังจับจ้องที่โน้ตบุ๊ก เหมือนกับจะรู้ตัวว่ามุมปากเลอะแต่แทนที่จะหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดปากเธอกลับตวัดลิ้นเลียแต่เมื่อไม่แน่ใจว่ามันเกลี้ยงก็ยกนิ้วโป้งป้ายแล้วดูดกลับเข้าไป