บอลมีน #2
:: ทนได้ก็ทนไป ::
“โอ้โห นี่บ้านกูหรือบ่อทิ้งขยะวะเนี่ย!” ผมเท้าเอวอยู่ตรงตีนบันได เมื่อมองเห็นพวกพ้องเพื่อนที่มาปาร์ตี้กันเมื่อคืน นอนตายเกลื่อนจนผมเดินลงมาแทบจะไม่ได้ จำต้องเหยียบหัว เหยียบตัวเพื่อให้พ้นจากห้องรับแขกและไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารที่วันนี้อาหารก็หน้าตาน่ากินเหมือนเดิม
“แล้วคนทำหายไปไหนล่ะป้านิ่ม?”
“คุณมีน อ่อ มาพอดีเลยค่ะ” ร่างบอบบางเดินออกมาพร้อมกับแก้วน้ำ เธอชะงักเล็กน้อยที่เห็นผม หากแต่ว่าเมื่อคืนคงจะไม่ได้โดนเลียจริงๆ หรอกนะ
“เมื่อคืนเป็นไงบ้าง โดนเลียสนุกมะ”
“ไม่ค่ะ หนูไม่ได้โดนทำอะไรแบบนั้น”
“งั้นเหรอ เอาตัวรอดเก่งนะ” เธอวางแก้วลงก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายมาพาดไหล่จนผมมองตามอย่างมึนงง เธอหันไปมองป้านิ่มที่ส่งกระดาษอะไรให้สักอย่าง
“คุณมีนแน่ใจนะคะว่าไปถูก”
“ค่ะ ป้านิ่มเขียนแผนที่ให้แบบนี้ เดี๋ยวหนูให้แท็กซี่ดูเขาก็คงพาไปถูกแน่ๆ” ผมตักข้าวต้มเข้าปากเมื่อมองร่างเล็กเดินออกจากบ้านไป โดยไม่หันมามองผมสักนิด
“เด็กนั่นจะไปไหนป้านิ่ม?”
“อ๋อ คุณมีนจะไปห้างน่ะค่ะ เห็นบอกว่าจะไปซื้ออุปกรณ์เขียนๆ อะไรสักอย่างเนี่ยล่ะค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบจากป้านิ่มผมก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นหยิบน้ำขึ้นดื่มและขับรถออกจากบ้านเห็นร่างของมีนเดินอยู่ตรงฟุตบาท ผมบีบแตรและลดกระจกรถลง
“ขึ้นรถ”
“พี่บอล...”
“ขึ้นรถสิวะ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง!” เธอตกใจนิดหน่อยแต่ก็ยอมขึ้นรถมากับผม เมื่อรถออกเราสองคนก็ต่างคนต่างเงียบใส่กัน เธอหันหน้าออกไปมองด้านนอกตื่นเต้นราวกับไม่เคยเห็น
“ไม่เคยเห็นตึกหรือไง ที่เมืองนอกไม่มีให้ดู?”
“เปล่าค่ะ หนูจากที่นี่ตั้งแต่เด็ก ก็เลยไม่รู้ว่าที่นี่พัฒนามากขนาดนี้” เธอตอบคำถาม โดยที่ผมถึงกับผุดขำออกมาจนเธอหันมามองสบตากับผมที่ชำเลืองมองเธอแค่แปบเดียว แน่นอนว่าเธอคงจะงุนงงเมื่อผมยิ้มพร้อมหัวเราะ
“ทำตัวเป็นบ้านนอกเข้ากรุงไปได้” มีนไม่ตอบอะไรแต่กลับมองตรงออกไปนอกรถพลางหันมาถามผมอีกครั้งโดยไม่สนใจคำพูดของผมก่อนหน้านี้
“แต่พี่บอลจะพาหนูไปไหนเหรอคะ?”
“แล้วเธอจะไปไหน ฉันก็พาไปที่นั่นล่ะ” เอาความจริงผมอยากจะรู้ว่าเธอซื้ออะไรต่างหาก เพิ่งจะมาได้ไม่กี่วัน แถมยังไม่รู้ทางแต่อยากออกมาซื้อของ แสดงว่ามันต้องสำคัญมากแน่ๆ และนั่นอาจจะเป็นจุดตายที่ทำให้ผมไล่เธอไปเร็ววันก็ได้ ใครจะไปรู้
รถของผมมาจอดที่ห้างสรรพสินค้า ผมเดินนำร่างเล็กไปตามทางแต่ไม่รู้ว่าเธอจะมาซื้ออะไร จำต้องหันไปมองเธอที่กวาดสายตามองไปทั่ว เฮ้ย เมืองนอกไม่ได้มีห้างแบบนี้หรือไงวะ!
“นี่ ตกลงเธอจะมาซื้ออะไร?”
“หนูอยากไปซื้ออุปกรณ์วาดภาพน่ะค่ะ”
“วาดภาพ? เธอเนี่ยนะ” ผมชี้นิ้วไปหาเธอที่พยักหน้ารับ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายัยเด็กที่ผมด่าว่าแรด อยากมีผัวจนตัวสั่น จะอยากวาดรูปเนี่ยนะ แต่ก็ช่างเหอะ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหล่อนมากมายนักจำต้องพาไปยังโซนขายอุปกรณ์เครื่องเขียน แน่นอนว่าผมเพิ่งจะเห็นรอยยิ้มของเธอยามเลือกซื้ออุปกรณ์วาดภาพ
ยิ้มแล้วดูน่ารักขึ้นนะ ดีกว่าทำหน้านิ่งแล้วดูหยิ่งจนผมหมั่นไส้!
เธอเดินเลือกดูดินสอ กระดาษวาดภาพและอุปกรณ์การลงสีน้ำที่ผมพอจะรู้จัก ใบหน้าสวยหวานยิ้มมุมปากนิดๆ ราวกับว่าของตรงหน้าคือสิ่งที่เธอชื่นชอบ โดยมีผมที่ยืนกอดอกมองดูอยู่ไม่ห่าง กระทั่งเธอหันมามองผมที่จับจ้องเธออยู่
“คือพี่บอลจะไปธุระก็ได้นะคะ หนูขอบคุณที่พี่มาส่ง”
“ทำไม ที่รีบไล่ฉันนี่คือนัดตัวผู้ไว้หรือไง?”
“เปล่านะคะ หนูเพิ่งมาที่นี่จะให้มีผู้ชายได้ไงล่ะคะ” ผมยักไหล่เมื่อเธอเถียง ก่อนจะทำหน้าไม่พอใจหันหลังหนีเดินไปยังมุมที่เป็นโซนกระดาษวาดภาพ ไม่ชอบท่าทางของยัยเด็กนั่นเวลาเมินผมเลยแหะ มันหยามกันชัดๆ นะเห้ย!
สองเท้าก้าวตรงไปหาเธอที่กำลังยืนดูกระดาษวาดเขียน หากแต่ผมกลับดันร่างบางให้ชิดกับมุมชั้นกระดาษจนมีนตกใจยันอกผมไว้ไม่ให้เข้าใกล้จนเกินไป
“พี่บอล!”
“ทำไม ขึ้นเสียงเหรอ?”
“พี่จะทำอะไรล่ะคะ ถอยสิ”
“ฉันไม่ถอย เธอจะทำไม” ว่าเสร็จก็โน้มใบหน้าลงไปจนกวาดสายตามองใบหน้าสวย แน่นอนว่าผมยอมรับตรงนี้และเห็นด้วยกับไอ้พวกนั้นว่ามีนเป็นเด็กที่สวยเกินวัย แต่ไม่ใช่ว่าสวยจนแก่นะ เธอสวยแต่ก็ยังคงความเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดได้ดี เอาจริงนะคืออ่อนกว่ายัยบูมน้องสาวผมอะ
เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองผม เพราะนั่นหมายถึงการที่เราสองคนจะจูบกันทันที และพอนึกไปถึงตอนนั้น ตอนที่ผมลงโทษเธอด้วยจูบที่ร้อนแรง ไม่คิดว่าจูบของเธอจะทำให้ผมรู้สึกดีมาก รสหวานในโพรงปากของเธอ สำคัญคือจูบแรกที่ผมได้มันช่างหอมหวนจนอยากได้มันอีกซ้ำๆ
การที่จะหาทางไล่เธอไปจากชีวิต มันก็มีหลายวิธีนะ... หึ
“รีบๆ เลือกของ ฉันจะรออยู่ที่หน้าร้าน”
“แต่พี่บอลไม่ต้องรอ หนูกลับเองก็ได้นะคะ”
“กล้าขัดคำสั่งฉัน เอาสิ ฉันสามารถเคี้ยวเธอได้ตอนนี้ มุมนี้ และเดี๋ยวนี้!” มีนเบิกตากว้างก่อนจะผลักอกผมให้ถอยห่าง รีบไปเลือกซื้อของตามที่ตัวเองต้องการจนผมแสยะยิ้ม
คิดอะไรดีๆ ออกแล้วล่ะ
เมื่อรอสักพัก ร่างบอบบางก็เดินออกมายืนเคียงข้างผม สองมือมีถุงของถือไว้แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ช่วยแม้แต่นิดเดียว ทำไมล่ะ? ซื้อได้ก็ต้องถือเองได้สิ ผมไม่ใช่ผู้ชายสุภาพบุรุษอะไรขนาดนั้นหรอกนะ
“เฮ้ยไอ้บอล!”
“เหี้ยอาร์ มาทำไรวะ?”
“พาคุณดาวเหนือมาซื้อเค้กไข่ แล้วมึง... หือ!” ไอ้อาร์หรี่สายตามองคนข้างกายผม โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย มันก็รับรู้ได้ว่ามีนคือใคร ไอ้อาร์หัวเราะออกมาเดินมากอดคอผม
“มึง ไหนว่านมยังไม่ตั้งเต้า?”
“สัด อย่าซ้ำเติมกูได้มะ”
“น้องคนนี้เป็นใครเหรอบอล” ดาวเหนือเมียไอ้อาร์ถามขึ้นเมื่อยัยเด็กมีนยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ผมไม่ตอบอะไรเลยแต่เบือนหน้าหนีเพราะไม่จำเป็นต้องแนะนำให้เพื่อนรู้จัก
“คือน้องคนนี้เขาเป็นว่าที่คู่หมั้นของไอ้บอลน่ะครับ”
“ห๊า! จริงอะบอล ทำไมไม่แนะนำให้รู้จักกันมั้งล่ะเนี่ย น้องน่ารักขนาดนี้” ผมถอนหายใจมองดาวเหนือที่เดินยิ้มมาพูดคุยกับยัยเด็กมีนที่ยังคงสีหน้านิ่งเฉย แต่ก็ดีหน่อยที่ไม่ทำให้ผมขายหน้าคือการอ่อนน้อมถ่อมตน
“ไม่จำเป็นนี่ครับดาว ผมไม่ได้อยากแต่งงานกับยัยเด็กที่แรดอยากจะมีผัวจนตัวสั่น”
“บอล” ดาวเหนือมองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก หากแต่ว่าผมสนเหรอ? เปล่าเลยสักนิด อาร์จับมือดาวเหนือให้ถอยห่างมีน เพราะมันรู้ดีว่าผมกำลังคิดหรือทำอะไร แต่บอกแล้วไง ไม่ต้องมายุ่งเพราะผมจะจัดการเรื่องนี้เอง
“เออๆ งั้นกูไปก่อนแล้วกัน”
“อืม” ผมมองไอ้อาร์ที่ลากดาวเหนือออกไป คงจะรีบพาเมียกลับไม่งั้นผมเองก็หวั่นใจว่าจะโดนดาวเหนือซ้อมเพราะทำให้เธอไม่พอใจกับคำพูดเหี้ยๆ ของตัวเอง ผมหรี่สายตามองคนข้างกายที่ไม่พูดอะไร แต่กลับเดินเคียงข้างผมไปยังรถคันโปรด เมื่อรถออกจากห้างสรรพสินค้า ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะบ่ายแล้ว สิ่งที่ผมคิดจะทำก็ผุดขึ้นมาเมื่อเลี้ยวรถไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางกลับบ้าน
สายตาจับจ้องมองไปยังป้ายที่มีลูกศรชี้เลี้ยวเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง ผมหันไปมองคนข้างกาย มีนหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ ผมรู้ว่าเธอต้องรู้สิ เธอน่ะฉลาดไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่โง่จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“พี่บอล...”