“ทำไมมึงเป็นผัวมันหรือไง” ตาแก่อ้วนพุงพลุ้ยพูดขึ้นอีกครั้ง
“เออกูเป็นผัว มึงปล่อยเมียกูได้ยังไอ้แก่” และด้วยความที่ผมทนไม่ไหวผมจึงพูดออกไปแบบไม่คิด
“หึ มีผัวแล้วสิดีกูชอบ” แต่เหมือนตาแก่อ้วนนี่มันจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร ผมจึงใช้ตีนถีบพุงย้วยๆ ของมัน
ผลัก !
ตุบ !
“มึง...ไอ้สัส” ตาแก่อ้วนที่นอนล้มคะมำไปกับพื้นชี้หน้าผมขึ้นทันที
“อย่ายุ่งกับคนของกู” ผมพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมคว้าข้อมือตัวน่ารำคาญออกมา
“ขะ…ขอบคุณค่ะ” ตัวน่ารำคาญพูดขึ้นเมื่อเราทั้งคู่เดินมาถึงนอกร้าน
“ทำยังไงมันถึงอยากได้ตัวเธอขนาดนั้น” ผมถามขึ้นอย่างหงุดหงิด
ไม่รู้เหมือนกันว่าหงุดหงิดอะไรแต่แค่คิดมันก็หงุดหงิดแล้ว
“หนูเปล่าหนูไม่ได้ทำอะไร”
“เหอะ” ผมไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยืนเฉยๆ ปล่อยให้เธอสงบสติอารมณ์ตัวเอง ไม่มีการปลอบหรือให้กำลังใจใดๆ เพราะการที่เธอเลือกมาทำงานแบบนี้เธอต้องเตรียมใจมาแล้วบ้าง
“ขาเจ็บจะมาทำงานเพื่ออะไร” ผมถามออกไปอีกครั้งไม่รู้ตัวน่ารำคาญคิดอะไรอยู่ถึงต้องมาทำงาน
“เป็นห่วงหรอคะ” เออ ! เป็นห่วง
ผมไม่ตอบเพียงแต่มองหน้าตัวน่ารำคาญนิ่งๆ เป็นการบ่งบอกว่าผมไม่เล่นแต่ผมจริงจัง
“หนูสมัครไว้ตั้งแต่ก่อนร้านจะเปิด วันนี้เปิดวันแรกยังไงก็ต้องมา เอ๊ะ...พูดถึงทำงานหนูต้องกลับเข้าไป” ตัวน่ารำคาญพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมทำท่าจะหันตัวกลับไป
ผมจึงคว้าข้อมือเธอไว้ทันที
“ลาออก” ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดออกไป
“ลาออกแล้วหนูจะเอาอะไรกิน” สุดท้ายผมก็ปล่อยมือเธอออกแต่ในหัวยังมีความคิดที่จะทำให้ตัวน่ารำคาญลาออกจากงาน
“มึงชอบน้องเขาหรอวะ ถึงขั้นจะให้น้องเขาลาออกจากงาน” ผมหันหน้าไปตามเสียงของไอ้เรย์ที่ทักขึ้น
มันตามผมออกมาหรอวะ
“เปล่า” ผมตอบกลับไปทันที
ผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่เชื่อเรื่องความรัก ไม่คิดอยากจะมีความรักแล้วทำไมผมต้องชอบตัวน่ารำคาญ
“แต่การกระทำมึงมันบอกว่าชอบ” ไอ้เรย์พูดขึ้นอีกครั้ง
“อย่ามารู้ดีกว่าตัวกู” พูดจบผมก็เดินกลับเข้าไปในร้านไม่รู้ว่าตัวน่ารำคาญเข้าไปจะโดนอะไรไหมตาแก่อ้วนนั่นก็ยังอยู่
“ห่วงขนาดนี้ชอบก็บอกว่าชอบเหอะวะ” ไอ้เรย์ที่เดินเข้ามาพูดขึ้นอีกครั้ง
ไอ้เวรนี่แม่มันให้กินเผือกหรือไงวะ
“อย่าเสือก” ผมพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมมองไปด้านล่าง ที่ตัวน่ารำคาญกำลังคุยกับใครสักคน
“น้องเขากำลังคุยกับเจ้าของร้าน”
“เรื่อง”
“มีเรื่องไง มีเรื่องตั้งแต่ร้านเปิดวันแรก”
“ไม่ลงไปคุยหน่อยหรอมึงตัวเปิดเลยนะ”
สุดท้ายผมก็ลุกจากโซฟาตัวยาวลงไปด้านล่างทันที
“จะเอายังไงเสี่ยพิชัยเป็นผู้ถือหุ้นที่นี่ สร้างเรื่องตั้งแต่วันแรกเลยนะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นดังจนผมได้ยิน
“หนูขอโทษค่ะแต่เขาจะซื้อหนูนะคะ หนูไม่ได้ขายตัว” ตัวน่ารำคาญยกมือไหว้พร้อมพูดอย่างรนๆ
“ถ้ายอมเสี่ยพิชัยไปมันจะเป็นอะไร ที่มาทำงานเพราะต้องการเงินไม่ใช่หรอ แล้วยังทำร้ายเสี่ยพิชัยอีก จะเอายังไงรับผิดชอบยังไงพูดมา”
“ผมรับผิดชอบเอง” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว ตัวน่ารำคาญไม่ได้ผิดแต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงพยายามยัดเยียดความผิดให้เพียงเพราะตาแก่นั่นถือหุ้นที่นี่
“มึงมีปัญญารับผิดชอบกูหรือไงไอ้เด็กเมื่อวานซืน” ตาแก่พูดขึ้นอีกครั้งจากที่นั่งเงียบอยู่นาน
“ถ้าอยากแก่ตายก็หุบปากเน่าๆ ของมึง” ผมพูดขึ้น พร้อมหันไปมองหน้าตาแก่อ้วนนิ่งๆ
“ผมจะจ่ายค่าเสียหายทุกบาททุกสตางค์” ผมพูด พร้อมกับส่งนามบัตรให้กับผู้หญิงคนที่ดูท่าจะเป็นเจ้าของร้าน
“อย่างมึงจะมีปัญญาอะไรรับผิดชอบ”
“ระวังปากหน่อยก็ดี ไม่งั้นธุรกิจซ่องเน่าๆ ของมึงจะไม่เหลืออะไร” ผมพอรู้มาบ้างว่าธุรกิจเหี้ยๆ ของมันคืออะไร คนในวงการนี้มันรู้กันครับแต่ใช่ว่าผมจะทำแบบมันนะครับผมก็แค่รู้
“มึง” มันกำหนัดแน่นพร้อมหันมามองหน้า
“แล้วอย่าหาว่ากูไม่เตือน”
“กลับ” ผมพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับคว้าข้อมือตัวน่ารำคาญ
“กลับแล้วใครจะทำงานคิดว่าจะรับผิดชอบแล้วทุกอย่างมันจะโอเคหรือไง” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นต่อ
“งั้นก็ลาออกแล้วเรื่องเงินอยากได้เท่าไหร่ก็ติดต่อมา แล้วช่วยพูดดีๆ ด้วยเพราะผมสามารถปิดคลับคุณได้” ผมพูดอีกครั้งพร้อมลากตัวน่ารำคาญออกมาทันที
“พี่พายุปล่อยหนู” ตัวน่ารำคาญขัดขืนกับการกระทำของผมเธอพยายามแกะมือผมออก
“จะกลับเข้าไปให้มันเอาเปรียบหรือไง” ผมพูดขึ้นอย่างเหลืออดนี่ผมช่วยแท้ๆ
“หนูต้องทำงานถ้าไม่ทำงานหนูก็ไม่มีเงิน”
“ไปหาทำที่อื่น”
“คิดว่างานหาง่ายหรอคะกว่าหนูจะได้งานนี้มันไม่ง่ายนะคะ”
“ก็ดีกว่าทำที่นี่แล้วกัน” ทำไมผมต้องดูเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่ผมช่วยยัยนี่ไว้ด้วย
เหอะ กูเคยทำอะไรกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้วะ
ก็ไม่เคย
โมจิ
ตอนที่พี่พายุมาช่วยฉัน ฉันก็ดีใจอยู่หรอกเพราะฉันคิดว่าฉันจะต้องโดนไอ้เสี่ยคนนั้นลากไปแล้วแต่ตอนนี้ฉันกำลังจะแย่เพราะฉันต้องออกจากงานเพราะเขาและกว่าฉันจะหางานได้มันไม่ง่ายเลย
“ถ้าเธออยากทำงานก็ไปทำกับฉัน” พี่พายุพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เงียบอยู่นาน เพราะประโยคสุดท้ายคือประโยคที่เขาพูดออกมาฉันไม่ตอบอะไรกลับไป
“ทำอะไรคะ” ฉันรีบตอบทันทีเพราะชีวิตฉันต้องใช้เงิน
ฉันต้องทำงานฉันไม่ใช่คนรวยไม่มีพ่อแม่คอยซัพพอร์ตและฉันต้องเลี้ยงตัวเอง
“เธอทำอะไรได้บ้าง”
“ได้ทุกอย่างค่ะ” ฉันไม่ปฏิเสธและไม่เลือกเพราะฉันสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ
“งานบ้าน”
“ได้ค่ะ”
“งั้นก็ไปเป็นแม่บ้านที่คอนโดฉัน” พี่พายุพูดขึ้นทันที
“พรุ่งนี้เริ่มงานห้าโมงเย็น”
“คะ” ไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบอะไรกลับไป พี่พายุก็เดินออกมาไปทันที
นี่คือฉันได้งานใหม่แล้วใช่ไหมและที่สำคัญฉันได้ทำงานที่คอนโดของเขา
อยากจะกรี๊ดและอยากขอโทษที่ฉันว่าเขาเมื่อกี้
แต่ทุกคนจำตอนที่พี่พายุไฟท์กับไอ้เสี่ยพิชัยอะไรนั่นได้ไหมเขาบอกว่า
“เออกูเป็นผัว มึงปล่อยเมียกูได้ยังไอ้แก่”
เขาบอกว่าเขาเป็นผัวฉัน โมจิคนนี้หัวใจจะวายจากที่ชอบอยู่แล้วตอนนี้ฉันยิ่งชอบเขามากกว่าเดิม
วันต่อมา
“เย็นนี้นี่นะ” แพรพูดขึ้นทันทีเมื่อฉันเล่าเรื่องทั้งหมดของเมื่อคืนให้ฟัง
“เย็นนี้ห้าโมง” ฉันตอบไปทันที
“แล้วมึงมีที่อยู่เบอร์โทรพี่พายุหรือไง” น้ำขิงพูดขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ว่ะ” ฉันลืมขอเพราะฉันมัวแต่ดีใจอยู่
“แล้วจะทำยังไง” นั่นสิ ฉันจะทำยังไง
~ไลน์~
Bhayu ส่งตำแหน่งที่ตั้ง
“พี่พายุส่งโลเคชั่นมาให้กู” ฉันพูดขึ้นพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพราะเสียงการแจ้งเตือน
ว่าแต่พี่พายุมีไลน์ฉันได้ยังไงนะเพราะเท่าที่จำได้มีแค่เฟสบุ๊คนั่นแหละที่เขาพึ่งจะบล็อกฉันไปหมาดๆ
“ส่งมาแล้วก็ไปค่ะชะนีมึงดูเวลาด้วย ไปเป็นคนทำงานบ้านนะคะไม่ใช่แฟนเจ้าของบ้าน” แพรพูดขึ้นอีกครั้งจนฉันต้องหันไปยู่หน้าใส่มัน
“กูไปแล้วนะเจอกันพรุ่งนี้ กูจะไปทำความสะอาดห้องให้แฟน” ฉันพูดขึ้นและไม่ลืมโบกมือบ๊ายบ่ายพวกมันแล้วเดินออกมาทันที
“โคตรหรู โคตรใหญ่” ฉันพึมพำพูดขึ้นอยู่คนเดียวเมื่อมาถึงคอนโดของพี่พายุ โชคดีคอนโดนี้ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ฉันจึงไม่ต้องจ่ายค่าเดินทาง
Moji ถึงแล้วค่ะ
Bhayu บอกพนักงานว่ามาหาฉัน
Moji ค่ะ
ฉันเดินตรงไปยังพนักงานต้อนรับทันที
“สวัสดีค่ะ พอดีมาหาคุณพายุ” ฉันพูดขึ้นทันทีเพราะพี่พายุเขาก็ใช้ชื่อจริงว่าพายุนี่แหละ เนอะ
“คุณพายุแจ้งไว้แล้วค่ะ คุณผู้หญิงขึ้นลิฟต์ด้านหลังทางนี้นะคะขึ้นตรงชั้นสามสิบห้าเลยค่ะ”
“ห้องไหนหรอคะ”
“มีห้องเดียวค่ะ”
หลังจากนั้นฉันก็ตรงไปที่ลิฟต์ทันที เมื่อลิฟต์เปิดที่ชั้นสามสิบห้าก็พบกับห้องขนาดใหญ่ที่มีทุกอย่างครบครันเหมือนบ้านหลังหนึ่ง
ทุกคนเคยดูหนังเรื่องดับเบิ้ลยูไหมคะ คอนโดพี่พายุก็อารมณ์แบบนั้นเลย
“เธอมาช้า” ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาพี่พายุก็ทักขึ้น
“พอดีหนูไม่ค่อยได้มาแถวนี้ค่ะ พี่พายุจะให้ทำอะไรบ้างคะ” ฉันถามขึ้นพร้อมกับถือวิสาสะวางของลงโซฟากลางห้อง
“ก็เก็บกวาดห้อง”
“แล้วค่าจ้างเท่าไหร่คะ” แน่นอนว่าเรื่องเงินคือเรื่องใหญ่สำหรับฉัน ฉันจึงต้องถามไว้ก่อน
“วันละห้าพัน เวลาห้าโมงเย็นถึงสองทุ่ม”
“ห่ะ” ฉันร้องอุทานขึ้นทันทีด้วยความตกใจแค่เก็บกวาดทำความสะอาดในเวลาสามชั่วโมง เขาให้ฉันมากขนาดนี้เลยหรอ
“น้อยไปหรอ” พี่พายุหันมาถามฉันอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ คือห้าพันเยอะไปปกติงานพาร์ทไทม์ชั่วโมงละห้าสิบบาทเองค่ะ” ฉันตอบกลับไปทันที
“หรอ”
“ค่ะ”
“ทำอาหารเป็นไหม” พี่พายุนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถามฉันขึ้นต่ออีกทั้งเขายังเมินคำพูดที่ฉันพูดไปด้วย
“ทำได้ค่ะ พอกินได้” ฉันตอบเพราะฉันทำได้แต่อร่อยไหมฉันไม่รู้
“ถ้าเธอคิดว่าห้าพันเยอะไปเธอก็ทำอาหารเย็นให้ฉัน เพราะยังไงเธอก็ต้องมาทำความสะอาดที่นี่ทุกวัน”
“ทุกวันเลยหรอคะ” รักสะอาดขนาดไหนถึงให้คนมาทำความสะอาดทุกวัน
“ถ้าไม่โอเคก็กลับ”
“โอเคค่ะ หนูโอเคมากเลยค่ะ” ฉันรีบตอบกลับทันที วันละห้าพันหาจากไหนได้บ้าง ถ้าเขาจะให้ฉันก็ไม่ขัด
ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่เงินนะคะแต่ชีวิตลำบาก
อะไรทำได้ฉันก็จะทำ
“เริ่มจากอะไรดีคะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเพราะสำรวจไปทั่วๆ แล้วที่นี่ก็ใหญ่เอาการ
“หน้าที่เธออย่าถามฉัน” ทันทีที่ได้ยินคำตอบเขา ฉันก็ถือวิสาสะเดินรอบๆ ห้อง มองหาไม้กวาดไม้ถู อุปกรณ์ทำความสะอาดทันทีแต่ดูไปดูมาห้องเขาไม่มีอะไรที่ต้องทำเลยสักนิด
“พี่พายุคะ หนูคิดว่าห้องพี่พายุไม่เห็นจะมีอะไรให้หนูทำเลยมันสะอาดอยู่แล้ว” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งเพราะดูจากพื้นห้องข้าวของต่างๆ ที่ถูกจัดไว้ ดูก็รู้ว่ามีการทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ
“งั้นเธอก็ทำอาหารให้ฉัน”
“ขออนุญาตเปิดตู้เย็นนะคะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมตรงเข้าไปในครัว
จะให้ทำอาหารให้กินแต่ในตู้เย็นไม่มีแม้แต่ไข่
ให้ตายเถอะ !
“จะกินอะไรคะ แอลกอฮอล์ต้มผัดแกงหรือทอด” เพราะในตู้เย็นที่แสนใหญ่โตของเขามีเพียงเบียร์น้ำเปล่า ถัดไปข้างๆ ก็เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครบชุด ทั้งเหล้าเบียร์ไวน์และอีกหลายๆ อย่าง
มีครบทุกอย่างยกเว้นของสดและผัก
“ปกติพี่พายุกินอะไรคะ”
“สั่ง”
“วันนี้ไม่มีของสด”
“กินหนูแทนก่อนไหมคะสดเหมือนกัน”
❤️