“ทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันเอง ผิดตั้งแต่มาแต่งงานกับคุณไอศูรย์” กานดาฮึดฮัดขัดใจ ถึงเธอจะสงบลงมากแต่อารมณ์ความเอาแต่ใจยังคงอยู่ เธอเดินจากไปอย่างเครียดจัด ไม่อยากจะสนทนาอะไรกับใครอีก
กานดาหยิบยาคลายเครียดขึ้นมาทานก่อนที่จะนอนที่เตียงอย่างอ่อนแรง
“คุณกินยาอีกแล้วเหรอ”
อดิศรถามภรรยา ตามเข้ามาในห้องอย่างเป็นห่วง
“ฉันขออยู่คนเดียวนะคะ” กานดาหลับตาไม่อยากสนทนากับสามีอีก อดิศรเห็นดังนั้นจึงเลี่ยงออกไป เขากำลังเป็นห่วงลูกสาวอย่างหนัก หากวิธาดายังทำตัวแบบนี้ต่อไป มีแต่แย่กับแย่ ทั้งเที่ยวเตร่กินเหล้า ยังดีที่มีเพื่อนอย่างชลันธรคอยตามดูแล เพราะเขาขอร้อง แต่ถ้าวันไหนไม่มีคนดูแลล่ะ จะเป็นเช่นไร
อดิศรกำลังคิดถึงสิงหรัตน์ เด็กหนุ่มคนนั้นทำให้เขากลับเนื้อกลับตัวได้ แล้วจะมีใครทำให้วิธาดาบุตรสาวที่รักของเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้บ้างนะ
ธัญญ์กราบบนตักของพยัคฆ์และขวัญภิรมย์ ทั้งสองโอบกอดหลานรักแนบแน่นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“กลับมาบ้านเราเสียทีนะ” พยัคฆ์พูดด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มที่หลานชายยอมกลับมาจากต่างประเทศเสียที เขาไม่เคยขอให้ธัญญ์กลับมา แถมยังส่งเงินให้ทุกเดือนไม่เคยขาด แม้จะเรียนจบแล้ว คิดว่าสักวันหลานชายต้องกลับมาอย่างแน่นอน
ธัญญ์เดินไปนั่งที่โซฟาอีกด้าน เขายกมือไหว้สิงหรัตน์และสาวิกา ก่อนจะหันไปสบตากับพิณทิรา พี่ชายสุดหวงของหนุ่มนักเรียนนอกกระแอมเบาๆ จนธัญญ์ต้องอมยิ้มให้พี่ชายเล็กน้อย กี่ปีๆ พี่ชายยังหวงภรรยาเหมือนเดิม
เขารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย คิดว่าตัวเองจะเศร้าใจกว่านี้เมื่อได้เห็นพิณทิราหญิงสาวที่เขาหลงรัก แต่เขากลับรู้สึกอิ่มเอมใจเมื่อเห็นเธอมีความสุขกับพี่ชายที่เขารักเช่นนี้
ถ้าเป็นแบบนี้เขาน่าจะกลับมาตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนตอนเรียนจบใหม่ๆ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของพยัคฆ์ที่ต้องส่งเงินไปให้เขาอยู่ทุกเดือน เพราะถึงปฏิเสธ... ลุงของเขาก็ไม่ยอม
เขาจึงเก็บเงินจำนวนนั้นเอาไว้ และใช้จ่ายเฉพาะเงินเดือนจากงานที่เขาทำตอนอยู่ต่างประเทศเท่านั้น
“อาธัญญ์” สดายุและสขิลาโผเข้ากอดผู้เป็นอา เหตุที่เด็กทั้งสองมีท่าทีสนิทสนมกับธัญญ์เช่นนี้เพราะอาหนุ่มมักส่งรูปตอนอยู่ต่างประเทศมาให้ตลอด ทุกเทศกาลจะส่งของขวัญและโพสการ์ดมาให้ไม่เคยขาด แถมยังโทรทางไกลมาคุยด้วยอยู่เสมอๆ
“โอ้... หลานอาหล่อจัง” ธัญญ์หอมแก้มป่องๆ ของหลานชายคนโต ก่อนที่สขิลาจะยกมือสองข้างขึ้นอย่างอ้อนๆ
“หลานสาวคนนี้โตขึ้นจะต้องสวยแน่เลย สวยเหมือนแม่ พี่สิงห์คงต้องไว้หนวด ทำหน้าดุๆ ถือปืนเอาไว้ไม่ขาดมือ หัวกระไดบ้านคงไม่แห้ง” ธัญญ์เอ่ยชมสขิลาหอมแก้มแดงเรื่อนั้นฟอดใหญ่ไม่แพ้หลานชายคนโต ก่อนหันไปกระเซ้าพี่ชายที่นั่งหน้าขรึมอยู่อีกด้าน
“หนูขิมสวยเหมือนคุณแม่เหรอคะ” สขิลาเอ่ยถาม
“ใช่ครับ สวยเหมือนคุณแม่” ธัญญ์ตอบแต่สายตามองพิณทิราไม่วาง พิณทิราขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของสามีจอมหวง ที่หนวดกระดิกเข้าให้แล้ว
“อะ... แฮ่ม” สิงหรัตน์กระแอมเสียหลายครั้งเหมือนข่มขวัญน้องชาย มือหนากุมไหล่ภรรยาเอาไว้อย่างหวงแหน
“ธัญญ์กลับมาทั้งทีต้องฉลองกันหน่อย สิงห์กับพิณอย่าเพิ่งกลับนะลูก”
“ผมว่าจะกลับอยู่พอดี งานอะไรก็เคลียร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว”
สิงหรัตน์ออกตัวแม้รู้ว่าบิดาจะมีงานเลี้ยงต้อนรับน้องชาย แต่เห็นสายตาวิบวับของพ่อตัวดีแล้วไม่อยากอยู่ต่อเลยจริงๆ
“จะรีบไปไหนเจ้าสิงห์ เกาะไม่หายไปไหนหรอกน่า”
พยัคฆ์แหย่ลูกชาย รู้ดีว่าทำไมสิงหรัตน์จึงอยากรีบกลับ
“ใช่ครับ เปิดเทอมแบบนี้ขลุ่ยคิดถึงคุณแม่”
สดายุเข้าไปอ้อนมารดา ยังไม่อยากให้ท่านกลับ
“หนูขิมก็คิดถึงคุณพ่อค่ะ” สขิลาไปนั่งเบียดบิดาอีกด้าน กอดคอหนาเอาไว้และหอมแก้มอย่างอ้อนๆ ไม่แพ้พี่ชาย
สิงหรัตน์อมยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงใสๆ ของลูกชายและลูกสาวทั้งสอง
“ก็ได้... เห็นแก่ลูกหรอกนะ” คนพูดแสร้งทำเสียงแข็งๆ ใส่น้องชายที่อมยิ้มล้อเลียนอยู่อีกด้าน แต่ไม่ได้ทำให้ใครๆ กลัวเลย กลับยิ้มไม่หุบกันอย่างถ้วนหน้า
“เย้... ดีใจจังเลย” เด็กทั้งสองไชโยกันใหญ่ที่ได้อยู่กับบิดามารดาต่ออีก
พิณทิราหันไปยิ้มเอ็นดูลูกๆ ไม่ต่างจากสามี ธัญญ์ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะตัดใจจากพี่สะใภ้ไม่ได้ แต่เขามีความสุขเมื่อเห็นเธอมีความสุข
เขาต้องการเห็นคนที่รักทั้งสองมีความสุขแบบนี้ตลอดไป เขาขอแค่ยืนมองก็พอ...
อดิศรกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เขายอมรับว่าไม่ใช่พ่อที่ดีนักในสายตาของวิธาดา แต่อยากทำอะไรให้บุตรสาวบ้าง ตอนนี้คนเดียวที่บุตรสาวพอจะเชื่อฟังอยู่บ้างคือไอศูรย์ เรื่องนี้เขาจึงจำต้องขอร้องพี่ชายให้ช่วยเหลือ
บางทีการให้วิธาดาไปทำงานที่บริษัท บุตรสาวอาจจะคิดอะไรได้ และทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้
“พี่ไอศูรย์ครับ”
“อ้าว... มีอะไรหรือเปล่า” ไอศูรย์มองหน้าน้องชายด้วยรอยยิ้ม
“ผมมีเรื่องจะขอร้องให้พี่ช่วยหน่อยครับ...” อดิศรเล่ารายละเอียดให้พี่ชายฟัง ไอศูรย์นิ่งคิดรับฟังนิ่ง กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก แม้วิธาดาจะเชื่อฟังตนมากกว่าใคร แต่ยังดื้อรั้นเช่นเดิม การที่จะทำให้หลานสาวคนนี้ยอมไปทำงานด้วย มันเป็นเรื่องที่ยากพอๆ กับให้เธอเลิกเที่ยวเตร่อย่างปัจจุบันที่เป็นอยู่
อดิศรนึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขาโดนจับคาบ่อน สิงหรัตน์เป็นคนไปประกันตัวเขาออกมา แต่ไม่ยอมปล่อยตัวเป็นอิสระ เขารู้ดีว่าพิณทิราเป็นคนขอร้องให้ช่วย
จากนั้นสิงหรัตน์พาตัวเขาไปอยู่บนเกาะ คราแรกเขาโวยวายลั่น แต่ไม่มีใครสนใจเลยสักคน ไม่มีใครสนใจจะหาข้าว หาน้ำ หรืออะไรมาให้ ไม่มีใครพูดกับเขาเลย เมื่อทนความหิวไม่ไหวก็ต้องอ่อนลงเริ่มขออาหารจากคนอื่นกิน แต่กว่าเขาจะได้กินข้าวแต่ละมื้อ ต้องทำงานแลก คนบนเกาะอยู่กันอย่างสมถะ นอนตื่นเช้า ขยันทำมาหากิน กว่าจะได้เงินแต่ละบาท ต้องเก็บสะสม รู้จักอดออม แล้วทุกคนก็รักครอบครัว
เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นานเกือบปี โดยไม่มีโอกาสพบเจอกับพิณทิราเลยสักครั้ง ส่วนสิงหรัตน์นั้น เขาเจอแค่เดือนละครั้ง ดูเหมือนทุกคนจะสกัดกั้นให้เขาอยู่ในที่ส่วนตัว
การใช้ชีวิตอย่างสามัญชน การทำงาน การรู้คุณค่าของเงิน และน้ำใจที่หายากยิ่งในสังคมเมือง ทำให้เขาค่อยๆ ปรับตัวและค่อยๆ คิดถึงชีวิตที่ผ่านมา ความเงียบสงบทำให้เขาหายฟุ้งซ่าน
เขายังเคยทำตัวเหลวไหลยิ่งกว่าบุตรสาว ดังนั้นจึงไม่อยากให้วิธาดาดำเนินรอยตาม ถ้าจะมีใครช่วย คงต้องเป็นพี่ชาย เพราะกว่าบุตรสาวจะเรียนจบ ใช้เวลานานกว่าคนอื่น และเพิ่งเรียนจบมาอย่างทุลักทุเลเต็มที แต่นั่นก็สร้างความโล่งอกให้ทุกคนเมื่อวิธาดาสำเร็จการศึกษาจนได้ ก่อนจะถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย
เย็นวันนั้นไอศูรย์จึงเรียกพบวิธาดาก่อนที่เธอจะออกไปข้างนอกเหมือนอย่างเคย
“คุณพ่อมีอะไรกับวิคะ” วิธาดาทรุดตัวลงนั่งหน้าโต๊ะทำงานของท่าน ถึงแม้ไอศูรย์จะกลายเป็นลุงแทนที่พ่อ แต่เธอยังเรียกท่านว่าพ่อเหมือนเดิม เพราะเธอรักท่านไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“วิเรียนจบมานานแล้ว น่าจะเข้าไปช่วยงานพ่อที่บริษัทบ้างนะ” ไอศูรย์เอ่ยถึง ลอบสังเกตท่าทางของหลานสาว แม้จะเคยเอ่ยเรื่องนี้เมื่อหลายเดือนก่อน แต่ได้รับคำปฏิเสธ
วิธาดาบอกว่ายังอยากเที่ยวพักผ่อนอีกระยะหนึ่ง เขาไม่อยากเร่งรัดอะไรมาก ยิ่งบีบบังคับหรือกดดัน วิธาดาจะยิ่งต่อต้าน เขารู้นิสัยของหลานสาวคนนี้ดี
“คุณพ่อมาขอร้อง หรือคุณแม่มาขอร้องล่ะคะคราวนี้”
เธอดักคออย่างรู้ทัน