สวนผักนางซิน
ผู้คนที่สัญจรไปมา หากไม่ใช่คนในพื้นที่มักจะเหลียวหลังเพื่อหันกลับมาอ่านป้ายไม้สี่เหลี่ยมหน้าสวนผักขนาดยี่สิบไร่ อย่างนึกเดาไม่ถูก ว่าเหตุใดเจ้าของไร่ถึงตั้งชื่อว่า
‘สวนผักนางซิน’
ทว่า ‘ซอ หรือ ศศิกาญจน์’ หญิงสาววัยยี่สิบสองปี ที่เพิ่งผ่านรั้วมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังในจังหวัดมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์นั้นรู้ที่มาที่ไปเรื่องนี้ดี เพราะ ‘ศรีนวล’ มารดาที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน เล่าให้ฟังว่าตอนที่ท่านกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ได้ฝันว่า ขณะกำลังเก็บกวางตุ้งและผักคะน้าบนพื้นที่กว่าห้าไร่ เพื่อรอส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่เข้ามารับซื้อถึงในไร่ แต่กลับมีรองเท้าแก้วข้างหนึ่งตกลงมากลางสวนผัก ปรากฏแสงระยิบระยับราวกับรองเท้าแก้วของนางซิน นิทานที่ศรีนวลมักจะเล่าให้ลูกน้อยในครรภ์ฟังก่อนนอน นางจึงเก็บรองเท้าแก้วนั้นขึ้นมา
เมื่อตื่นจากความฝัน ศรีนวลนำไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง ได้รับการตีความว่า นางจะได้บุตรสาวที่นำโชคมาให้ ศรีนวลที่ไม่คุ้นเคยกับการพนัน มีนิสัยประหยัด มัธยัสถ์ จึงยอมเจียดเงินส่วนหนึ่งไปซื้อหวยรัฐบาลหนึ่งใบ แล้วก็แทบช็อกเมื่อพบว่าตนเองถูกรางวัลที่หนึ่ง
ทำให้พื้นที่ปลูกผักเลี้ยงชีพจำนวนห้าไร่เศษที่ได้รับมาเป็นมรดกถูกพัฒนากลายเป็นพื้นที่ปลูกผักกว่ายี่สิบไร่จากเงินก้อนนั้น ส่วนที่เหลือ ศรีนวลและสามีได้ฝากเข้าธนาคารเอาไว้เป็นทุนการศึกษาให้แก่บุตรในครรภ์ที่มั่นใจว่าจะต้องเป็นลูกสาว และก็เป็นจริงอย่างที่คาดไว้
ช่วงวัยเด็ก ศศิกาญจน์มีความสุขมากที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูกในบ้านสวนสไตล์วิลเทจที่แวดล้อมไปด้วยผักกว่ายี่สิบชนิด จนกระทั่งสามปีก่อน ความสุขของเธอก็เริ่มจางหายกลายเป็นความอึดอัดใจเข้ามาแทนที่ เมื่อแม่ของเธอเสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และบิดาของเธอก็ได้พบรักใหม่กับ ‘นวลปราง’ แม่หม้ายสาวสวยที่มีลูกติดหล่อเหลา
และเวลานี้ ‘นายณรงค์’ ผู้เป็นบิดาพาสองคนแม่ลูกเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวเดียวกันกับเธอได้ราวหกเดือนเศษแล้ว เป็นหกเดือนที่ศศิกาญจน์รู้สึกอึดอัดใจ
เช้านี้ก็เช่นกัน บัวแดงบานชูช่อรอรับแสงแดดยามเช้าตรู่ พื้นที่หน้าบ้านราวสองงานเศษมีแปลงผักคะน้า ผักกวางตุ้ง และพืชผักสวนครัวพื้นบ้านอีกหลากหลายชนิด ซึ่งมีผลผลิตเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงทุกชีวิตและกำลังจะกลายเป็นรายได้หลักของครอบครัว ทดแทนเงินเดือนเกษตรอำเภอของผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่จะเกษียณในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เสียงร้องกะต๊ากๆ จากกรงไก่พันธุ์ไข่ที่กำลังออกไข่และรอคอยอาหารดังมาจากหลังบ้าน เป็นสัญญาณว่าบุตรสาวคนเดียวของครอบครัวได้เข้ามาเก็บไข่และให้อาหารพวกมันเหมือนทุกๆ วันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หญิงสาววางตะกร้าไม้ไผ่สานใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยไข่ไก่ขนาดมาตรฐานลง ข้างๆ กันมีบรรดาพืชผักสวนครัวอีกหลายตะกร้าที่เธอเก็บมาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อจัดเตรียมไว้รอพ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อถึงหน้าสวน ผักที่สวนนางซินนั้นนอกจากปลอดสารพิษแล้วยังสวย เพราะได้รับการดูแลอย่างดี พ่อค้านำไปส่งที่ตลาดไทและสี่มุมเมืองเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย
ไม่นานนัก บิดาของเธอก็เดินออกมาพร้อมกับภรรยาใหม่ที่ควงแขนเดินขนาบข้างเขาไม่ห่าง
“เหนื่อยไหมซอ พ่อบอกแล้วไง งานพวกนี้เป็นหน้าที่ของคนงาน ซอไม่จำเป็นต้องทำก็ได้นะลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย ถึงจะมีภรรยาใหม่ แต่ความรักที่มีต่อลูกสาวคนเดียวอันเกิดจากภรรยาคนแรกก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย
“ค่ะพ่อ วันนี้ ผักงามมาก และคนงานก็ยุ่งจนไม่ได้พักเลย เพราะพ่อค้าที่มารับผักเพิ่มออเดอร์ผักคะน้ากับผักกวางตุ้ง มากกว่าเดิมถึงสามเท่า คงเป็นเพราะใกล้ตรุษจีนค่ะ” เครื่องหน้างดงามสวยหวานที่เลือกจะรับสิ่งดีๆ จากบิดาและมารดาไปรวมไว้ที่ตนจนหมดหันมายิ้มอ่อนกับบิดา ขณะที่กำลังนั่งจัดแจงพืชผักใส่ถุงอย่างเป็นระเบียบอย่างชำนาญ
“ดีจ้ะหนูซอ หัดขยันเอาไว้ ผักสวยแบบนี้เราต้องได้ราคาดีแน่เลย” แม่เลี้ยงกล่าวยกยอลูกเลี้ยงคนสวยอย่างเอาใจ ซึ่งแตกต่างกับเวลาที่พ่อของเธอนั้นไม่อยู่อย่างสิ้นเชิง
“ค่ะน้าปราง” เสียงตอบรับสั้นๆ เป็นการรักษามารยาท ทั้งที่ความจริงไม่อยากจะมองหน้าหรือเสวนาด้วยซ้ำ
ส่วน ‘กร หรือ กรวิชญ์’ ลูกติดของน้าศรีนวลที่เดินตามเข้ามาร่วมวงสนทนาก็รีบรุดเข้ามานั่งใกล้ๆ ร่างสวยหวาน น่ากินราวขนมปุยฝ้าย
ชายหนุ่มรีบคว้าบรรดาถุงผักที่อยู่ในมือหญิงสาวมาช่วยอย่างกุลีกุจอ ในมุมมองจากที่บิดายืนอยู่เห็นศศิกาญจน์สะดุ้งเล็กน้อยและดูเหมือนจะกำลังยื้อแย่งถุงผักกับกรวิชญ์ แต่ในความเป็นจริง ใต้ถุงผักนั้น มือของกรวิชญ์ ไอ้พี่เลี้ยงที่จ้องจะงาบน้องเลี้ยงแสนสวยอยู่ทุกวินาทีกำลังเกาะกุมมือของเธอไว้
“ปล่อยนะพี่กร”
กรวิชญ์ไม่กล้าบุ่มบ่าม เพราะมีพ่อเลี้ยงแสนดีอย่างนายณรงค์ ที่เขารอวันจะเปลี่ยนสถานะให้เป็นพ่อตายืนอยู่ด้วย แม้ว่าเข้าใกล้น้องเลี้ยงที่ไรแล้วรู้สึกมันเขี้ยว อยากจะฟัดให้จมเขี้ยวทุกที อีกทั้งมารดาของเขาก็คอยบอกเสมอว่า อย่างไรเสีย ศศิกาญจน์ก็ไม่มีวันรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปอย่างแน่นอน กรวิชญ์จึงยอมคลายมือออก