คุณหนูฟาง

1618 Words
คุณหนูฟาง มีคำกล่าวว่ายอดหญิงงามทั่วหล้า สามในห้าต้องมาจากดินแดนซูหัง คำกล่าวนี้ไม่แปลกปลอมแม้แต่น้อย เพราะในเมืองหังโจวแห่งนี้มียอดหญิงงามอยู่มากมาย คุณหนูฟาง หรือฟางถิงเอ๋อ นางจัดเป็นยอดบุบผาที่เป็นดาวเด่นในเมืองหังโจว แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อสิบปีที่แล้ว ยามนี้คุณหนูฟางในวัยยี่สิบหกกลับยังไม่แต่งออก จริงๆ แล้วนางเคยมั่นหมายกับบุรุษถึง 5 คน แต่พอใกล้กำหนดรับตัวเจ้าสาว คู่หมั้นนางต่างต้องมีเหตุให้เลือดตกยางออก หรือไม่ก็ถูกวิญญาณร้ายรังควาน ชาวเมืองต่างกล่าวกันว่า นางมีดวงกินสามี บุรุษใดเข้าใกล้ต่างมีอันเป็นไปทุกราย *** สิบปีก่อน ฟางถิงเอ๋อในวัยสิบหกยามนี้กำลังงดงามสะพรั่ง อีกหนึ่งเดือนจะเป็นวันแต่งงานของนางกับคุณชายหวัง คู่หมั้นที่หมั่นหมายกันมาตั้งแต่เล็ก “เจ้ายอมปล่อยให้ข้าแต่งกับผู้อื่นง่ายๆ เช่นนี้หรือ เจ้าคนไร้หัวใจ ฮือ ฮือ” “ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะไม่หาทางช่วยท่าน?” “พั่บ พั่บ พั่บ” ระหว่างที่ปากบนของคุณหนูฟางกำลังเอ่ยกล่าวโทษชายชู้ ปากล่างของนางก็กำลังกลืนกินแท่งเอ็นร้อนๆ ของบุรุษเหนือร่างอยู่เช่นกัน “เชื่อคำพูดเจ้าได้หรือ ผ่านมาสามปีแล้วข้ายังไม่เห็นเจ้าทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน” ปทุมถันเล็กๆ ของนางสั่นไหวไปมาตามแรงกระแทกของบุรุษกลางหว่างขา หากแต่ปากจิ้มลิ้มของนางยังไม่ยอมหยุดบ่นงึมงำ “พั่บ พั่บ พั่บ” ฟางถิงเอ๋อเห็นบ่าวชายคนสนิทยังตั้งหน้าตั้งตาควบนาง จิตใจที่คุกรุ่นอยู่ก่อนพลันประทุขึ้นมา เท้าน้อยๆ ทั้งสองข้างออกแรงถีบจนอีกฝ่ายที่ไม่ทันตั้งตัวต้องกระเด็นหลุดออกไป “ไม่เอาแล้ว! เจ้ามันคนไม่เอาไหน!” กล่าวจบนางลุกขึ้นจากเตียง แม่แต่กระโปรงที่ยับยู่ยี่นางก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย พริบตาเดียวเซียวเหิงที่ก้นจ้ำเบ้าอยู่ตรงพื้นก็เห็นเพียงแผ่นหลังนางหายลับออกประตูห้องไป *** หอนางโลมแห่งหนึ่ง “ท่านแม่ท่านต้องช่วยข้า!” ห้องส่วนตัวบนชั้นสองของหอนางโลม เซียวเหิงเขย่าแขนหญิงสาวที่สวมชุดแพรบางเบานางหนึ่ง นางคือแม่เล้าเหมยมารดาของเซียวเหิงเอง “เฮอะ! สมแล้วที่นางด่าว่าเจ้าไม่เอาไหน ปัญหาของเจ้าแท้ๆ กลับวิ่งมาขอให้ข้าช่วยถึงที่นี่” “โถ่ ท่านแม่ตกลงว่าข้าใช้ลูกท่านจริงๆ หรือไม่ท่านไม่คิดช่วยยังซ้ำเติมอีก” แม่เล้าเหมยเห็นท่าทีอ้อนวอนของบุตรชายต้องส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความจนใจ เป็นนางตามใจเจ้าผู้นี้ตั้งแต่เล็กจนบัดนี้กลายเป็นเด็กเสียคนไปแล้ว “ข้าช่วยเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องทำงานให้ข้าชิ้นหนึ่ง” “ได้! ข้ารับปาก” เซียวเหิงไม่แม้แต่จะฟังก่อนว่านางจะใช้ให้ไปทำอะไรก็ตกปากรับคำ ขอเพียงทำให้งานแต่งของคุณหนูล่ม ต่อให้บุกน้ำลุยไฟมันก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย “เจ้ากลับไปก่อน อีกสามวันข้าจะส่งคนไปบอกว่าจะให้เจ้าทำอะไร” แม่เล้าเหมยมองแผ่นหลังของบุตรชายที่กลับไปด้วยความยินดี นางอดไม่ได้ต้องอมยิ้มออกมา ลูกคนนี้นางมีโดยไม่ตั้งใจ แต่เมื่อให้กำเนิดออกมา นางก็ไม่เคยให้มันต้องน้อยเนื้อต่ำใจซักครั้ง มีหรือเรื่องง่ายๆ เช่นนี้นางจะไม่ช่วยเหลือมันให้สมปรารถนา วันรุ่งขึ้น “พั่บ พั่บ พั่บ” “เจ้ามาเพราะเรื่องแค่นี้?” ชายอ้วนพุงพลุ้ยผู้หนึ่งกำลังประคองสะโพกแม่เล้าเหมยเพื่อตอกอัดแท่งเอ็นเข้าออกรูร่องนางจากทางด้านหลัง เซียวเหมยก้มหน้าคุดคู้ภายในรถม้าของตนที่จอดอยู่ข้างกำแพงคฤหาสน์แห่งหนึ่ง “อืมม อืมม อืมม” เสียงข่มกลั่นในลำขอของนางยิ่งทำให้บุรุษด้านหลังคึกยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่เสยแท่นเนื้อเข้ามาออกแรงดันมากเสียจนศีรษะนางจะกระเด็นออกนอกตัวรถอยู่แล้ว “เรื่องแค่นี้ละ ตกลงว่าท่านทำได้หรือไม่?” “พั่บ พั่บ พั่บ” “ทำนะทำได้ แต่เรื่องนี้ไม่ไร้สาระไปหน่อยหรือ” เศรษฐีหลี่มองดูกลีบท้อที่กลืนกินแท่งเนื้อตนเองไปด้วย สมองก็คิดตามไปด้วย วันนี้จู่ๆ หญิงตรงหน้าก็แอบมาหามันกลางวันแสกๆ ซ้ำยังชักชวนตนเองออกมาเสพสม “เอาเถอะ เห็นแก่หน้าเจ้าเรื่องนี้ข้าจัดการเอง” “พั่บ พั่บ พั่บ” หลี่หงกลัวภรรยาในบ้านผิดสังเกต ตอนนี้มันเพียงคิดควบขับนางให้เสร็จซักครั้งค่อยกลับเข้าบ้านทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เซียวเหมยเกร็งบั้นท้ายรับแรงกระแทกที่หนักขึ้นเรื่อยๆ แม้นางจะเจ็บอยู่บ้างแต่เมื่อได้รับคำยืนยังจากชายด้านหลังนางก็วางใจ นางคุ่นเคยกับอีกฝ่ายมายี่สิบกว่าปี เจ้าผู้นี้ไม่เคยผิดคำพูดกับนางซักครั้ง “อ่า อ่า อ่า” “พั่บ พั่บ พั่บ” “อืมมมมมม” หลี่หงซอยเอวอีกไม่กี่ครั้งก็ครางออกมาด้วยความสุขสม แท่งเนื้อในกายนางสั่นกระตุกปลดปล่อยของเหลวเข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของนางราวกับเขื่อนแตก “แฮก แฮก เอาไว้อีกสิบวันเจ้าไปบอกเจ้าหนูนั่นให้ฟังข่าวดีได้เลย” หลี่หงหอบหายใจหนักหน่วงแต่ยังไม่ลืมบอกกล่าวให้นางวางใจ ครู่เดียวหลังจากหายเหนื่อยมันก็ตบบั้นท้ายนางสองทีเป็นเชิงให้แยกย้ายต่างคนต่างไป “เสี่ยวจางกลับหอ” จางอี้ที่นั่งรออยู่ตำแหน่งสารถีเมื่อได้ยินคำสั่งก็หวดแส้ใส่ม้ามุ่งหน้ากลับหอหงส์เหินทันที *** คฤหาสน์สกุลฟาง หลายวันมานี้คุณหนูฟางหน้าบูดบึ้งตลอดเวลา จนทำให้เหล่าสาวใช้น้อยใหญ่ในเรือน ต่างพากันหลบหน้าหลบตาไม่กล้าเข้าใกล้นางแม้แต่น้อย “คุณหนูพี่เซียวเหิงผ่าฟืนอยู่ข้างโรงครัว บอกว่าเสร็จก่อนค่อยมาพบท่าน” คิ้วเรียวคุณหนูฟางกระตุก นางส่งสาวใช่รุ่นเล็กไปตามมันมาพบ คนไม่เอาไหนนั่นถึงกลับกล้าปฏิเสธนางเพราะฟืนโง่ๆ ไม่กี่ท่อน “เจ้ากลับไปบอกมันอีกครั้ง หากมันไม่มาตอนนี้ข้าจะสั่งโบยมัน!” สาวใช้ตัวน้อยรับคำ นางรีบวิ่งหายลับจากไปทันที อี๋ อยู่ไม่ได้แล้วสงสัยคุณหนูอารมณ์ไม่ดีจริงๆ *** อุทยานส่วนตัวสกุลฟาง เซียวเหิงพอมาถึงก็ถูกนางลากออกมายังอุทยานส่วนตัวที่อยู่ติดกับคฤหาสน์ นี่เป็นสถานที่ผักผ่อนหย่อนใจของเจ้านายต่างๆ ในตระกูลฟาง “ท่านจะจัดการเรื่องของเรายังไง ผู้อื่นร้อนใจแทบตายแล้ว ท่านยังมีหน้ามาเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ” มุมลับตาคนภายในสวน ฟางถิงเอ๋อกล่าวจบก็สะบัดหน้าหันหลังไปทางอื่นทันที อีกสิบกว่าวันก็ถึงกำหนดแต่งงานของนางแล้ว เจ้าผู้นี้กลับก้มหน้าก้มตาทำงานในเรือนราวกับไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น “ถิงเอ๋อ ไม่ใช่ข้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจ หากแต่เรื่องนี้ไม่ใช่ข้าจัดการลงมือกระทำคนเดียวได้ เจ้าวางใจเถอะท่านแม่รับปากช่วยเหลือแล้ว” คุณหนูฟางพอฟังว่ามารดาของมันจะเป็นคนช่วยเหลือนางค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยหญิงผู้นั้นก็ดีกว่าเจ้าไม่เอาไหนผู้นี้ที่ดีแต่พูดเอาตัวรอดไปวันๆ “ถิงเอ๋อ เจ้าช่วยเหลืออะไรข้าซักเรื่องสิ” จู่ๆ เอวบางๆ ของนางก็ตกอยู่ในวงแขนชายหนุ่มด้านหลัง ฟางถิงเอ๋อทราบว่าหากมันกล่าวเช่นนี้แสดงว่าต้องให้นางไปขโมยอะไรบางอย่างจากห้องหนังสือท่านพ่ออีกแล้วแน่ๆ จริงดังคาด ครั้งนี้เซียวเหิงต้องการให้นางไปคัดลอกบันทึกการเดินรถของกิจการรถม้าขนส่งของบิดานาง ภายใต้การอ้อนวอนการปลอบโยน เพียงครู่เดียวคุณหนูฟางก็ยินยอมทำตามคำสั่งแล้ว “อืมมมมม” เสียงครางด้วยความพึงพอใจของคุณหนูฟางทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ใต้กระโปรงยิ่งเร่งละเลงลิ้นใส่ติ่งเนื้อเล็กๆ ของนางเร็วขึ้น “ให้ข้าเข้าไปเถอะนะ?” เซียวเหิงหยุดใช้ลิ้นต่อนาง เลียมาตั้งนานแล้วนางยังไม่ยอมให้เข้าไปซักที มันจำต้องออกปากร้องขออีกครั้ง “ไม่ให้! จนกว่างานแต่งจะถูกยกเลิก ไม่เช่นนั้นเจ้าอย่าหวังได้เข้ามา” แม้จะอยากสอดใส่นางแทบตายแล้ว แต่เมื่อนางไม่ยินยอมตนก็ทำอะไรไม่ได้ หลังจากนั้นคุณหนูฟางที่ยืนพิงต้นไม้ใหญ่ ก็กดศีรษะบุรุษกลางหว่างขาให้ทำหน้าที่ตนเองต่อไป “…” ถนนสายเล็กนอกเมืองหังโจว หวังซานคู่หมั้นฟางถิงเอ๋อควบม้านำหน้าขบวนสินค้ากำลังจะกลับเข้าเมือง นี่เป็นการค้าครั้งสุดท้ายของตนก่อนแต่งงานที่ท่านพ่อมอบหมายให้กระทำ “คุณชายอีกยี่สิบลี้ก็ถึงประตูเมืองแล้ว พวกเราหยุดพักโรงเตี้ยมข้างหน้าก่อนเถอะ” คุณชายหวังเองก็เห็นว่าเวลาใกล้เที่ยงแล้ว จึงสั่งให้ผู้ติดตามตนเองหยุดพักที่โรงเตี้ยมข้างหน้า เพียงแต่มันไม่คาดคิดว่าการหยุดพักครั้งจะทำให้มันเสียใจไปตลอดชีวิต ***
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD