คุณหนูฟาง
มีคำกล่าวว่ายอดหญิงงามทั่วหล้า สามในห้าต้องมาจากดินแดนซูหัง คำกล่าวนี้ไม่แปลกปลอมแม้แต่น้อย เพราะในเมืองหังโจวแห่งนี้มียอดหญิงงามอยู่มากมาย
คุณหนูฟาง หรือฟางถิงเอ๋อ นางจัดเป็นยอดบุบผาที่เป็นดาวเด่นในเมืองหังโจว แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อสิบปีที่แล้ว ยามนี้คุณหนูฟางในวัยยี่สิบหกกลับยังไม่แต่งออก
จริงๆ แล้วนางเคยมั่นหมายกับบุรุษถึง 5 คน แต่พอใกล้กำหนดรับตัวเจ้าสาว คู่หมั้นนางต่างต้องมีเหตุให้เลือดตกยางออก หรือไม่ก็ถูกวิญญาณร้ายรังควาน ชาวเมืองต่างกล่าวกันว่า นางมีดวงกินสามี บุรุษใดเข้าใกล้ต่างมีอันเป็นไปทุกราย
***
สิบปีก่อน
ฟางถิงเอ๋อในวัยสิบหกยามนี้กำลังงดงามสะพรั่ง อีกหนึ่งเดือนจะเป็นวันแต่งงานของนางกับคุณชายหวัง คู่หมั้นที่หมั่นหมายกันมาตั้งแต่เล็ก
“เจ้ายอมปล่อยให้ข้าแต่งกับผู้อื่นง่ายๆ เช่นนี้หรือ เจ้าคนไร้หัวใจ ฮือ ฮือ”
“ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะไม่หาทางช่วยท่าน?”
“พั่บ พั่บ พั่บ”
ระหว่างที่ปากบนของคุณหนูฟางกำลังเอ่ยกล่าวโทษชายชู้ ปากล่างของนางก็กำลังกลืนกินแท่งเอ็นร้อนๆ ของบุรุษเหนือร่างอยู่เช่นกัน
“เชื่อคำพูดเจ้าได้หรือ ผ่านมาสามปีแล้วข้ายังไม่เห็นเจ้าทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน”
ปทุมถันเล็กๆ ของนางสั่นไหวไปมาตามแรงกระแทกของบุรุษกลางหว่างขา หากแต่ปากจิ้มลิ้มของนางยังไม่ยอมหยุดบ่นงึมงำ
“พั่บ พั่บ พั่บ”
ฟางถิงเอ๋อเห็นบ่าวชายคนสนิทยังตั้งหน้าตั้งตาควบนาง จิตใจที่คุกรุ่นอยู่ก่อนพลันประทุขึ้นมา เท้าน้อยๆ ทั้งสองข้างออกแรงถีบจนอีกฝ่ายที่ไม่ทันตั้งตัวต้องกระเด็นหลุดออกไป
“ไม่เอาแล้ว! เจ้ามันคนไม่เอาไหน!”
กล่าวจบนางลุกขึ้นจากเตียง แม่แต่กระโปรงที่ยับยู่ยี่นางก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย พริบตาเดียวเซียวเหิงที่ก้นจ้ำเบ้าอยู่ตรงพื้นก็เห็นเพียงแผ่นหลังนางหายลับออกประตูห้องไป
***
หอนางโลมแห่งหนึ่ง
“ท่านแม่ท่านต้องช่วยข้า!”
ห้องส่วนตัวบนชั้นสองของหอนางโลม เซียวเหิงเขย่าแขนหญิงสาวที่สวมชุดแพรบางเบานางหนึ่ง นางคือแม่เล้าเหมยมารดาของเซียวเหิงเอง
“เฮอะ! สมแล้วที่นางด่าว่าเจ้าไม่เอาไหน ปัญหาของเจ้าแท้ๆ กลับวิ่งมาขอให้ข้าช่วยถึงที่นี่”
“โถ่ ท่านแม่ตกลงว่าข้าใช้ลูกท่านจริงๆ หรือไม่ท่านไม่คิดช่วยยังซ้ำเติมอีก”
แม่เล้าเหมยเห็นท่าทีอ้อนวอนของบุตรชายต้องส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความจนใจ เป็นนางตามใจเจ้าผู้นี้ตั้งแต่เล็กจนบัดนี้กลายเป็นเด็กเสียคนไปแล้ว
“ข้าช่วยเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องทำงานให้ข้าชิ้นหนึ่ง”
“ได้! ข้ารับปาก”
เซียวเหิงไม่แม้แต่จะฟังก่อนว่านางจะใช้ให้ไปทำอะไรก็ตกปากรับคำ ขอเพียงทำให้งานแต่งของคุณหนูล่ม ต่อให้บุกน้ำลุยไฟมันก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย
“เจ้ากลับไปก่อน อีกสามวันข้าจะส่งคนไปบอกว่าจะให้เจ้าทำอะไร”
แม่เล้าเหมยมองแผ่นหลังของบุตรชายที่กลับไปด้วยความยินดี นางอดไม่ได้ต้องอมยิ้มออกมา ลูกคนนี้นางมีโดยไม่ตั้งใจ แต่เมื่อให้กำเนิดออกมา นางก็ไม่เคยให้มันต้องน้อยเนื้อต่ำใจซักครั้ง มีหรือเรื่องง่ายๆ เช่นนี้นางจะไม่ช่วยเหลือมันให้สมปรารถนา
วันรุ่งขึ้น
“พั่บ พั่บ พั่บ”
“เจ้ามาเพราะเรื่องแค่นี้?”
ชายอ้วนพุงพลุ้ยผู้หนึ่งกำลังประคองสะโพกแม่เล้าเหมยเพื่อตอกอัดแท่งเอ็นเข้าออกรูร่องนางจากทางด้านหลัง เซียวเหมยก้มหน้าคุดคู้ภายในรถม้าของตนที่จอดอยู่ข้างกำแพงคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
“อืมม อืมม อืมม”
เสียงข่มกลั่นในลำขอของนางยิ่งทำให้บุรุษด้านหลังคึกยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่เสยแท่นเนื้อเข้ามาออกแรงดันมากเสียจนศีรษะนางจะกระเด็นออกนอกตัวรถอยู่แล้ว
“เรื่องแค่นี้ละ ตกลงว่าท่านทำได้หรือไม่?”
“พั่บ พั่บ พั่บ”
“ทำนะทำได้ แต่เรื่องนี้ไม่ไร้สาระไปหน่อยหรือ”
เศรษฐีหลี่มองดูกลีบท้อที่กลืนกินแท่งเนื้อตนเองไปด้วย สมองก็คิดตามไปด้วย วันนี้จู่ๆ หญิงตรงหน้าก็แอบมาหามันกลางวันแสกๆ ซ้ำยังชักชวนตนเองออกมาเสพสม
“เอาเถอะ เห็นแก่หน้าเจ้าเรื่องนี้ข้าจัดการเอง”
“พั่บ พั่บ พั่บ”
หลี่หงกลัวภรรยาในบ้านผิดสังเกต ตอนนี้มันเพียงคิดควบขับนางให้เสร็จซักครั้งค่อยกลับเข้าบ้านทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เซียวเหมยเกร็งบั้นท้ายรับแรงกระแทกที่หนักขึ้นเรื่อยๆ แม้นางจะเจ็บอยู่บ้างแต่เมื่อได้รับคำยืนยังจากชายด้านหลังนางก็วางใจ นางคุ่นเคยกับอีกฝ่ายมายี่สิบกว่าปี เจ้าผู้นี้ไม่เคยผิดคำพูดกับนางซักครั้ง
“อ่า อ่า อ่า”
“พั่บ พั่บ พั่บ”
“อืมมมมมม”
หลี่หงซอยเอวอีกไม่กี่ครั้งก็ครางออกมาด้วยความสุขสม แท่งเนื้อในกายนางสั่นกระตุกปลดปล่อยของเหลวเข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของนางราวกับเขื่อนแตก
“แฮก แฮก เอาไว้อีกสิบวันเจ้าไปบอกเจ้าหนูนั่นให้ฟังข่าวดีได้เลย”
หลี่หงหอบหายใจหนักหน่วงแต่ยังไม่ลืมบอกกล่าวให้นางวางใจ ครู่เดียวหลังจากหายเหนื่อยมันก็ตบบั้นท้ายนางสองทีเป็นเชิงให้แยกย้ายต่างคนต่างไป
“เสี่ยวจางกลับหอ”
จางอี้ที่นั่งรออยู่ตำแหน่งสารถีเมื่อได้ยินคำสั่งก็หวดแส้ใส่ม้ามุ่งหน้ากลับหอหงส์เหินทันที
***
คฤหาสน์สกุลฟาง
หลายวันมานี้คุณหนูฟางหน้าบูดบึ้งตลอดเวลา จนทำให้เหล่าสาวใช้น้อยใหญ่ในเรือน ต่างพากันหลบหน้าหลบตาไม่กล้าเข้าใกล้นางแม้แต่น้อย
“คุณหนูพี่เซียวเหิงผ่าฟืนอยู่ข้างโรงครัว บอกว่าเสร็จก่อนค่อยมาพบท่าน”
คิ้วเรียวคุณหนูฟางกระตุก นางส่งสาวใช่รุ่นเล็กไปตามมันมาพบ คนไม่เอาไหนนั่นถึงกลับกล้าปฏิเสธนางเพราะฟืนโง่ๆ ไม่กี่ท่อน
“เจ้ากลับไปบอกมันอีกครั้ง หากมันไม่มาตอนนี้ข้าจะสั่งโบยมัน!”
สาวใช้ตัวน้อยรับคำ นางรีบวิ่งหายลับจากไปทันที อี๋ อยู่ไม่ได้แล้วสงสัยคุณหนูอารมณ์ไม่ดีจริงๆ
***
อุทยานส่วนตัวสกุลฟาง
เซียวเหิงพอมาถึงก็ถูกนางลากออกมายังอุทยานส่วนตัวที่อยู่ติดกับคฤหาสน์ นี่เป็นสถานที่ผักผ่อนหย่อนใจของเจ้านายต่างๆ ในตระกูลฟาง
“ท่านจะจัดการเรื่องของเรายังไง ผู้อื่นร้อนใจแทบตายแล้ว ท่านยังมีหน้ามาเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ”
มุมลับตาคนภายในสวน ฟางถิงเอ๋อกล่าวจบก็สะบัดหน้าหันหลังไปทางอื่นทันที อีกสิบกว่าวันก็ถึงกำหนดแต่งงานของนางแล้ว เจ้าผู้นี้กลับก้มหน้าก้มตาทำงานในเรือนราวกับไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น
“ถิงเอ๋อ ไม่ใช่ข้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจ หากแต่เรื่องนี้ไม่ใช่ข้าจัดการลงมือกระทำคนเดียวได้ เจ้าวางใจเถอะท่านแม่รับปากช่วยเหลือแล้ว”
คุณหนูฟางพอฟังว่ามารดาของมันจะเป็นคนช่วยเหลือนางค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยหญิงผู้นั้นก็ดีกว่าเจ้าไม่เอาไหนผู้นี้ที่ดีแต่พูดเอาตัวรอดไปวันๆ
“ถิงเอ๋อ เจ้าช่วยเหลืออะไรข้าซักเรื่องสิ”
จู่ๆ เอวบางๆ ของนางก็ตกอยู่ในวงแขนชายหนุ่มด้านหลัง ฟางถิงเอ๋อทราบว่าหากมันกล่าวเช่นนี้แสดงว่าต้องให้นางไปขโมยอะไรบางอย่างจากห้องหนังสือท่านพ่ออีกแล้วแน่ๆ
จริงดังคาด ครั้งนี้เซียวเหิงต้องการให้นางไปคัดลอกบันทึกการเดินรถของกิจการรถม้าขนส่งของบิดานาง ภายใต้การอ้อนวอนการปลอบโยน เพียงครู่เดียวคุณหนูฟางก็ยินยอมทำตามคำสั่งแล้ว
“อืมมมมม”
เสียงครางด้วยความพึงพอใจของคุณหนูฟางทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ใต้กระโปรงยิ่งเร่งละเลงลิ้นใส่ติ่งเนื้อเล็กๆ ของนางเร็วขึ้น
“ให้ข้าเข้าไปเถอะนะ?”
เซียวเหิงหยุดใช้ลิ้นต่อนาง เลียมาตั้งนานแล้วนางยังไม่ยอมให้เข้าไปซักที มันจำต้องออกปากร้องขออีกครั้ง
“ไม่ให้! จนกว่างานแต่งจะถูกยกเลิก ไม่เช่นนั้นเจ้าอย่าหวังได้เข้ามา”
แม้จะอยากสอดใส่นางแทบตายแล้ว แต่เมื่อนางไม่ยินยอมตนก็ทำอะไรไม่ได้ หลังจากนั้นคุณหนูฟางที่ยืนพิงต้นไม้ใหญ่ ก็กดศีรษะบุรุษกลางหว่างขาให้ทำหน้าที่ตนเองต่อไป “…”
ถนนสายเล็กนอกเมืองหังโจว
หวังซานคู่หมั้นฟางถิงเอ๋อควบม้านำหน้าขบวนสินค้ากำลังจะกลับเข้าเมือง นี่เป็นการค้าครั้งสุดท้ายของตนก่อนแต่งงานที่ท่านพ่อมอบหมายให้กระทำ
“คุณชายอีกยี่สิบลี้ก็ถึงประตูเมืองแล้ว พวกเราหยุดพักโรงเตี้ยมข้างหน้าก่อนเถอะ”
คุณชายหวังเองก็เห็นว่าเวลาใกล้เที่ยงแล้ว จึงสั่งให้ผู้ติดตามตนเองหยุดพักที่โรงเตี้ยมข้างหน้า เพียงแต่มันไม่คาดคิดว่าการหยุดพักครั้งจะทำให้มันเสียใจไปตลอดชีวิต
***