“ปล่อย คุณพ่อเหมยไม่ไป คุณพ่อขอร้องอย่าทำกับเหมยแบบนี้ เหมยมีลูกกับพี่ไผ่แล้ว ปล่อยเหมยไปได้ไหมคะ คุณพ่อขอร้องเถิดค่ะ อย่าพรากเราสามคนเลยนะคะ คุณพ่อ...”
ดารินร้องไห้น้ำตานองหน้า ตะกร้าในมือหลุดตกลงไปจากมือทันที เธอยกมือไหว้ผู้ให้กำเนิดปลก ๆ สายตาที่ท่านจ้องมองมายังลูกสาวเลือดในอกนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวด ทั้งสองสบสายตากันนิ่ง
ผลัวะ... ผลัวะ... เสียงฟาดฝ่ามือลงบนหน้าของดารินอย่างแรงจนเธอหน้าหันไปตามแรงมือ เลือดออกมาจากมุมปากทั้งสองมุม ทรุดตัวนั่งไปกับพื้นเบื้องล่างแบบไร้เรี่ยวแรง ดารินมีใบหน้าหม่นเศร้าเธอรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุด เธอปากคอสั่นขยับปากเรียก “คุณพ่อ...”
ชายฉกรรจ์ที่เดินอ้อมมา ตามมาด้วยผ้าชุบน้ำที่ผสมยาสลบโปะลงไปที่จมูกและปากของหญิงสาว สติเธอดับวูบลงไปในทันที
ร่างกายของเธอถูกอุ้มพาไปยังรถตู้ที่ติดฟิล์มมืดสนิทที่จอดอยู่ใกล้ ๆ
“เหมย... เหมย... เหมย...” ไผทร้องเรียกชื่อเมียของตัวเอง ในอ้อมแขนของเขามีเด็กหญิงวัยสามขวบย่างสี่ขวบ ร้องไห้จ้าเมื่อเห็นคุณแม่ของเธอถูกใครก็ไม่รู้ คนที่ไม่รู้จักกำลังลากขึ้นรถไป
“จัดการมัน... เอาให้หมอบ” เจ้าสัวสินชัยออกคำสั่ง สายตาที่จ้องมาที่ชายหนุ่มกับเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนแบบชิงชังนักหนา
“คุณพ่อครับ...”
ผลัวะ... ผลัวะ... ผลัวะ... ตุบ... ตุบ... ตุบ... กลุ่มชายฉกรรจ์กรูลงมาจากอีกรถตู้อีกหนึ่งคัน พวกเขาประเคนทั้งเข่าทั้งศอก ทั้งหมัดรัวเข้าใส่ไผทอย่างแรง เขาล้มลงไปไม่เป็นท่า กลิ้งตัวหลบบาทาเหล่านั้น ยกมือและแขนเพื่อปกป้องตัวเอง เด็กหญิงหลุดจากอ้อมแขนของพ่อ ตกลงไปกับพื้นถนน เด็กหญิงผิงผิงแผดเสียงร้องไห้จ้าดังลั่น ตอนนี้ฝุ่นคลุ้งไปหมด
“อย่าทำอะไรลูกของผม หนีไปผิงผิง วิ่งหนีไปลูก...” เขาส่งสายตามาบอกลูกสาวตัวน้อย ๆ ที่เป็นเด็กหญิงหัวไวฉลาดเป็นกรด เธอรีบลุกขึ้น วิ่งไปหลบอยู่ข้างถังขยะสายตาก็จับจ้องมองตรงมาที่คุณพ่อของเธอที่ถูกรุมทำร้าย เหล่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ไม่ปรานีรุมกระทืบเขาจนหมดสติ
“อ๊าก... อุ๊บ...” ร่างเขาถูกเตะคลุกฝุ่นอยู่ตรงนั้น
ข้าวผัดกับข้าวโพดเดินลงมาจากรถสองแถว วันนี้คุณพ่อบอกเอาไว้แล้วว่าไม่มารับ ให้เธอกลับกับอาไผ่ อาไผ่จะมารออยู่ที่ตลาดนี้
“เกิดอะไรขึ้นตรงนั้นนะ... ข้าวโพด” เธอชี้ให้น้องชายดูกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังรุมทำร้ายใครสักคนหนึ่งอยู่
“เจ๊... จะไปไหน” ข้าวโพดฉุดมือของเธอเอาไว้ เพราะรู้นิสัยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านของดรุณีดี
“จะไปดูน่ะสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เธอหันหน้ามาบอกน้องชาย
“จะบ้าเหรอ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงเข้าไปหรอก... ไม่เอาอย่าไป...” น้องชายยื้อยุดฉุดพี่สาวเอาไว้ แต่เธอก็สะบัดหลุด
“ข้าวโพดหรือแกไม่อยากเห็น ฮึ... มาเร็ว ๆ” เธอเป็นฝ่ายฉุดข้อมือของน้องชายให้เดินตรงเข้าไปใกล้ ๆ คนพวกนั้น
“เฮ้ย... อาไผ่” ข้าวโพดร้องลั่น ตัวสั่นชาเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ถูกทำร้าย
ข้าวผัดตะลึงงัน สมองสั่งการในทันที
“ตำรวจขาทางนี้ค่ะ ตำรวจมา ตำรวจมา ตำรวจมา” เสียงป้าคนหนึ่งในตลาดตะโกนขึ้น ไม่มีใครกล้ามาช่วยไผ่สักคน ต่างพากันหลบหน้าหนีไป มีเพียงป้าคนนั้นที่วิ่งมาหาเด็กหญิงตัวน้อยที่แผดเสียงร้องไห้น้ำตาท่วม ตัวสั่นเป็นลูกนกลูกการ้องหาพ่อไม่ขาดปาก นางรีบอุ้มเอาเด็กหญิงผิงผิงขึ้นเอว ก็หันตัววิ่งหลบหายเข้าไปในตลาด
เจ้าสัวสินชัยเดินเข้ามาหาไผท ก่อนจะถ่มน้ำลายรดไปบนใบหน้าที่เปื้อนเลือดของชายหนุ่ม แล้วยกเท้าขึ้นไปขยี้ซ้ำบนใบหน้าของเขาด้วยแววตาเหี้ยมโหด
“ฉันไว้ชีวิตแกนะ ไอ้ไผ่... กูมาเอาลูกของกูคืน แล้วมึงจะได้รู้รสชาติว่าการถูกช่วงชิงกล่องดวงตาดวงใจมันเป็นอย่างไร ถุย... ไอ้สวะเอ๊ย”เจ้าสัวสินชัยถุยน้ำลายรดลงไปบนหน้าของไผทอีกครั้ง
“กลับ” ท่านพูดจบก็เดินนำขึ้นรถไป
“ตำรวจช่วยด้วยค่ะ คนถูกทำร้าย ตำรวจ... ตำรวจ... ตำรวจ...” ข้าวผัดร้องเรียกตำรวจดังลั่น เธอทิ้งกระเป๋าในมือลงพื้น วิ่งตรงเข้าไปหาร่างของอาไผ่ เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังทยอยกันขึ้นรถไป
ข้าวโพดตามมาฉุดพี่สาวเอาไว้ ก่อนจะยึดกอดเอวเธอเอาไว้ทั้งตัว
“พวกมันจะไปแล้วพี่” ข้าวโพดให้สติ เพราะลำพังเธอกับเขาคงช่วยอะไรอาไผ่ไม่ได้
“อาไผ่...” เธอเรียกชื่อเขาเสียงเบา น้ำตารินไหล มองร่างของเขาตาไม่กะพริบ
พอพวกนั้นขึ้นรถกันหมดและขับออกไปอย่างรวดเร็ว สองพี่น้องก็ถลาเข้าไปหาร่างของไผทในทันที
“มันเกิดอะไรขึ้น” ข้าวโพดหันไปรอบ ๆ ผู้คนที่มาเดินตลาดเริ่มมามุงดูกันมากยิ่งขึ้น ชาวบ้านเริ่มจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียงดังเซ็งแซ่จับใจความอะไรไม่ได้เลย
ข้าวผัดเข้าไปประคองร่างที่โชกเลือดของอาไผ่เอาไว้ทั้งตัวเธอร้องไห้โฮ ๆ
เด็กหญิงตัวน้อยพอยืนลงเท้าแตะพื้นได้ก็วิ่งเข้ากลับมาหาคุณพ่อของเธอ ข้าวโพดโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยที่ร้องไห้ไม่หยุด ชี้ไม้ชี้มือมาทางคุณพ่อที่นอนคลุกฝุ่นบนเนื้อตัวเสื้อผ้าของคุณพ่อมีแต่เลือด เด็กหญิงยอมนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในอ้อมกอดของพี่ข้าวโพด ตอนนี้ยังร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พ่อจ๋า พ่อจ๋า.... T_T” เด็กหญิงร้องเรียกพ่อของเธอที่หมดสติอยู่ตรงนั้นอย่างน่าเวทนา
“เรียกรถพยาบาลให้หนูด้วยค่ะ ช่วยอาหนูด้วย อาไผ่... อาไผ่...” ข้าวผัดยกฝ่ามือคอยซับเลือดที่ไหลออกมาตามศีรษะไม่ยอมหยุด