ตำรวจสายตรวจเพิ่งมาถึง และไม่กี่อึดใจรถยนต์ของมูลนิธิก็วิ่งเข้ามา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเริ่มเคลื่อนย้ายตัวไผทไปโรงพยาบาลโดยมีข้าวผัดนั่งเป็นเพื่อนไปด้วย เธอกระวนกระวายใจอยู่ในห้องฉุกเฉิน จนพยาบาลไล่ออกมาให้ยืนรอข้างนอก
ดรุณีก็ชะแง้ตาคอยมองเข้าไปในห้องนั้นด้วยน้ำตาที่ไหลริน
“เกิดอะไรขึ้น” สารวัตรเริ่มสอบถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ก็ไม่มีใครที่ให้คำตอบได้อย่างชัดเจน
ข้าวโพดรีบโทรหาคุณพ่อ สิงขรพอรู้เรื่องก็รีบมารับตัวลูกชายกับหลานสาวตัวน้อย ให้ภรรยาพาสองคนนั้นกลับบ้าน แต่ตัวเขาเองรีบไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการของไผท
“ปล่อยผม ปล่อยผม ผมจะไปตามหาเมีย... เหมย...” เขาร้องลั่นเมื่อได้สติ ทำเหมือนคนคลุ้มคลั่ง คุณหมอจึงสั่งให้ฉีดยางับประสาท เขาจึงสงบลงแล้วก็หลับไป
ร่างกายของไผทถูกทำความสะอาดและเย็บปากแผลที่แตก รวมถึงพาไปเอกซเรย์ว่ามีส่วนใดในร่างกายแตกหักบ้าง แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ สิงขรทำเรื่องขอห้องพิเศษให้กับเขา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยร่างของไผทก็ถูกส่งไปนอนพักที่ห้องพิเศษนั้น
ตอนนี้สิงขรรู้ความจริงหมดแล้วจากปากคำของชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เขาได้แต่สะท้อนในหัวอก ดีแค่ไหนที่เจ้าสัวสินชัยไม่ยิงหัวของไผทกระจุย คงเห็นว่ามีลูกสาวตาดำอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ยังเห็นว่ามีหลานสาว
สิงขรก็ได้แต่เห็นใจและสงสารในโชคชะตาของรุ่นน้องที่เขารักมากเหมือนน้องชายแท้ ๆ คนหนึ่ง ต่อไปคงต้องให้ไผทเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต สิงขรรู้ดีว่า เจ้าสัวสินชัยคงเก็บลูกสาวคนเดียวของเขาให้พ้นจากไผทนับตั้งแต่บัดนี้
สายของอีกวันต่อมา
“เหมย... เหมย... เหมยอยู่ไหน” เขายังคงเรียกหาแต่เมีย
ข้าวผัดที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ ๆ รีบลุกขึ้นไปดูอาไผ่ของเธอ เขาจับข้อมือของข้าวผัดเอาไว้แน่น
“อาเหมยกลับมาหรือยัง...หื้อ...ข้าวผัด อาเหมยกลับมาหาอาหรือยัง แล้วน้องล่ะ ผิงผิงไปไหน” เขาใช้สายตาสอดส่ายมองไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เห็นคนที่เขาต้องการจะเห็น
“ผิงผิงอยู่บ้านกับคุณแม่ค่ะอาไผ่ที่บ้าน ส่วนอาเหมย...” เธอบอกเขา ยกมือของตัวเองกุมจับมือเขาที่บีบแน่นอยู่กับมือของเธอ นัยน์ตาคู่นั้นของไผ่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ
“เหมย... เหมย...” เขาครวญครางชื่อของเมียออกมาไม่ขาดปาก ไผทรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคาดหวังว่าเรื่องจะไม่เป็นไปแบบนั้น
“อาเหมยไม่อยู่แล้วค่ะ คุณพ่อของอาเหมยเอาตัวอาเหมยกลับไปแล้วค่ะ อาไผ่คะ... ทำใจเย็นเอาไว้ก่อนนะคะ” ข้าวผัดรู้สึกสงสารอาไผ่ของเธอสุดหัวใจ เธอเกรงกลัวเหมือนกันว่าอาไผ่จะโวยวายเหมือนดังเมื่อวาน แต่เขากลับหลับตานิ่ง แล้วทิ้งหัวลงไปบนหมอนแบบหมดแรง นอนน้ำตาไหลพรากๆ
มันเป็นภาพที่น่าสงสารมากที่สุดเท่าที่ข้าวผัดเคยเห็นมา เธอพลอยน้ำตาไหลไปกับชายหนุ่มด้วย เธอรู้เรื่องความรักของอาไผ่และอาเหมยดี คิดว่าห้าปีที่ผ่านมาคงทำให้ครอบครัวของอาเหมยถอดใจไม่ตามหาพวกเขาแล้ว แต่มันไม่เป็นแบบนั้นเลย ทุกอย่างเหมือนระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ พอเกิดขึ้นมาแล้วทุกอย่างก็ล่มสลายหายไปในพริบตา ความสุขของคนที่รักกันและอยากสร้างครอบครัวเล็ก ๆ ด้วยกัน อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ต่อไปนี้ก็คงไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก... พยาบาลเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามาพร้อมรถเข็น
“คนไข้ฟื้นแล้วหรือคะ ขอวัดไข้ วัดความดันด้วยนะคะ” นางพยาบาลบอกกับข้าวผัด เธอจึงปล่อยมืออาไผ่แล้วมายืนมองอยู่ใกล้ ๆ ดรุณียกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองป้อย ๆ
นางพยาบาลวัดไข้ และวัดความดันให้กับไผท ก่อนจะเอากุญแจเปิดตู้เก็บยาที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วฉีดยาให้อาไผ่ของเธอที่แขนหนึ่งเข็ม แล้วเดินกลับออกไป
“คุณหมอให้คนไข้พักเยอะ ๆ นะคะ” ข้าวผัดพยักหน้ารับทราบ
นายแพทย์เจ้าของไข้ได้รู้เรื่องราวจากปากของสิงขร จึงรับปากจะให้ไผทอยู่ในอาการที่สงบที่สุด ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล เขาจึงจัดยาฉีดสำหรับระงับประสาทให้กับไผทด้วย
เพียงครู่ไผทก็เงียบเสียงไป เขาหลับสนิทด้วยฤทธิ์ของยา ลมหายใจเขาเริ่มสม่ำเสมอ ดรุณีเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะหยิบทิชชูที่อยู่ใกล้ ๆ ขึ้นซับน้ำตาให้กับอาไผ่ของเธอ
“อาไผ่ขา อย่าเสียใจไปเลยนะคะ ข้าวผัดสงสารอาไผ่จังเลยค่ะ” เธอกุมมือเขาแล้วนั่งลงใกล้ ๆ ด้วยความรู้สึกสงสารเขาสุดหัวใจ เธอใช้สายตามองใบหน้าของเขาในแววตาไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากวัยเด็ก เด็กสาวเคยมองอาไผ่แบบไหน เธอก็ยังคงมองเขาแบบนั้นไม่เคยเปลี่ยนไป
เมื่อคราวเด็กหญิงดรุณีอายุได้สิบสามปี
เสียงวิ่งตึง ๆ ดังขึ้นมาตามขั้นบันได พร้อมกับเจ้าของฝีเท้าที่แหกปากร้องดังลั่นมาแต่ไกล เรียกชื่ออาของเธอด้วยความดีใจ
“อาไผ่... อาไผ่คะ” เธอตรงเข้าไปสวมกอดเขาในทันที ไม่ได้มองว่ามีใครที่นั่งอยู่ตรงนั้นบ้าง
“อาไผ่มาเมื่อไหร่ ข้าวผัดดีใจจังเลยค่ะ คิดถึงอาไผ่ที่สุดเลย” เธอพูดเจื้อยแจ้วซุกหน้าลงกับหน้าอกกว้างของอาหนุ่ม รุ่นน้องของคุณพ่อที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ อาไผ่มาช่วยงานคุณพ่อที่ไร่ทุก ๆ ปิดภาคเรียน แล้วมักจะกินนอนอยู่ที่นี่ เหมือนเป็นบ้านหลังที่สองของเขา
“เป็นไงเรา ฮึ... ข้าวผัดตั้งใจเรียนเหมือนที่อาไผ่บอกหรือเปล่าครับ” เขายังใจดีกับเธอเสมอ
“อาไผ่ขา อาไผ่ไม่รู้อะไร ข้าวผัดสอบได้ที่หนึ่งด้วยค่ะ ทุกเทอมเลยนะ ไหนอาไผ่สัญญากับข้าวผัดว่า ถ้าข้าวผัดตั้งใจเรียน สอบได้ที่ดี ๆ อาไผ่จะให้รางวัลหนู ไหนของรางวัลคะ” เธอดันตัวเองออกห่าง แบมือยื่นไปตรงหน้าคุณอาที่รักและคิดถึงมาก
“มีสิ แต่เดี๋ยวก่อนได้ไหมมันอยู่ในกระเป๋าท้ายรถกระบะของคุณพ่อโน้น”
“จริง ๆ นะคะ” เธอทำท่าดีใจจนออกนอกหน้า
พลันสายตาก็จ้องสบกับผู้หญิงสวยมากคนหนึ่งที่นั่งเคียงข้างอยู่กับอาไผ่ ผู้หญิงคนนั้นส่งยิ้มมาให้เธอแบบเป็นมิตร เด็กสาวถึงกลับทำหน้าเอ๋อไปเลยที่เห็นคนแปลกหน้าและไม่รู้จัก และตอนนี้สิ่งที่เธอเห็น คือ อาไผ่ของเธอจับกระชับมือของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้แน่น