“ข้าวผัด นี่อาเหมยจ้ะ เมียของอาไผ่” คำแนะนำของเขาว่าผู้หญิงใบหน้างดงามที่เคียงข้างกายของเขาอยู่คือ คุณอาสะใภ้ เด็กสาวหุบใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อกี้ลงทันที แต่โดยมารยาทเธอจึงได้ยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ” ข้าวผัดเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันเบา ความลิงโลดเมื่อกี้หดหายไปหมดแล้ว ตอนนี้ขอบตาเริ่มแดงรู้สึกร้อนออกมาตามใบหน้าผ่าว ๆ
“พี่ไผ่คะ ข้าวผัดน่ารักเหมือนที่พี่ไผ่เคยเล่าให้เหมยฟังเลย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะหนูข้าวผัด” เธอส่งสายตามองมายังข้าวผัด และทักทายด้วยความเอ็นดู อาเหมยยกมือขึ้นจับใบหน้าขาว ๆ ที่ทั้งน่ารักและสดใส
“อาเหมยกับอาไผ่จะมาอยู่ที่นี่กับเราด้วยนะ ข้าวผัด” สิงขรเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับเด่นนภาคุณแม่ของเธอ
“ดีใจละสิ” แม่พูดสำทับ เพราะวัน ๆ ข้าวผัดเอาแต่พูดและถามไถ่ถึงแต่เรื่องของอาไผ่ที่ช่วงนี้หายหน้าไปเกือบปี
เด็กสาวไม่ตอบ รีบลุกขึ้นยืน หยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองที่ร่วงอยู่บนพื้นขึ้นมาถือ
“ขอตัวก่อนนะคะ พอดีข้าวผัดมีการบ้านเยอะมากต้องส่งพรุ่งนี้ด้วยสิ” เธอไม่ตอบคำถามของแม่ แต่เดินหนีหายตัวปลิวเข้าห้องนอนของตัวเองไป
“อ้าว... ลูกคนนี้ ข้าวผัดของกินของลูกอยู่ในห้องครัวนะ หิวก็หากินนะลูก” คุณแม่พูดไล่หลังไป
เด็กหญิงดรุณียืนนิ่งอยู่หลังบานประตู พร้อมกับพิงหลังของตัวเองลงไป นึกเห็นแต่หน้าของอาไผ่และคุณอาผู้หญิงคนนั้น ทั้งสวย ทั้งใบหน้าหวาน ทำให้เด็กสาวน้ำตาร่วงริน
‘ใครอนุญาตให้อาไผ่แต่งงานคะ’ เธอพร่ำคำเพ้ออยู่ในใจ รู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกถล่มทลายลงมาโถมทับ ความรู้สึกหวงแหนอาไผ่ และความเสียใจที่ประดังประเดเข้ามาทำให้เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น
กระเป๋าในมือร่วงหล่นลงไปบนพื้น ข้าวผัดรู้สึกแขนขาของเธอเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง ความเริงร่าเมื่อตะกี้หายไปจนเกลี้ยง รู้ได้อย่างเดียวว่า หัวใจที่อยู่ข้างในหน้าอกนี้ เจ็บจนร่างน้อย ๆ สะท้านสะเทือน
เธอพาร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงและหัวใจที่บอบช้ำไปที่เตียงนอน ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนคว่ำ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเป็นเผาเต่า
‘ต่อไป ข้าวผัดจะไม่รักใครอีกแล้ว’ ข้าวผัดคร่ำครวญปานจะขาดใจ
โธ่ ๆ เด็กน้อย อายุเพิ่งสิบสามปี เธอจะเข้าใจความรักไปมากกว่านี้ได้อย่างไร แก่แดดไปแล้วละมั้ง
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เธอก็ยังนอนร้องกระซิก ๆ อยู่บนเตียงไม่ยอมขยับเขยื้อน
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก... ประตูไม้ถูกเคาะดัง ก่อนจะมีเสียงบิดลูกบิดประตู แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก... แต่มันก็เปิดไม่ออก คนที่ยืนอยู่ที่ด้านนอกจึงส่งเสียงขึ้น
“เจ๊ ๆ ...เจ๊ข้าวผัด แม่ให้มาตามลงไปกินข้าว” ข้าวโพดตะโกนเข้ามา แต่ข้างในห้องก็ยังเงียบกริบ เขาจึงเคาะดัง ๆ อีกหลายครั้ง บิดลูกบิดแกร๊ก ๆ แรง ๆ แต่คนข้างในก็ยังไม่ไหวติง
“เจ๊... ยายข้าวผัดได้ยินไหม” น้ำเสียงของข้าวโพดเริ่มมีน้ำโห
“เอ่อ... ไม่กินก็อย่ากิน กุ้ง หอย ปู ปลา เพียบ แล้วจะรู้ว่าอด แล้วหิวมากเป็นยังไง” ข้าวโพดทิ้งน้ำคำไว้ยั่วยวนตามนิสัย ก่อนจะหมุนตัววิ่งกลับลงไปที่ข้างล่างตามเดิม
ปัง... โป๊ะ... เสียงสิ่งของบางอย่างที่ถูกคนข้างในขว้างไปยังบานประตูนั้น ก่อนที่จะหล่นแตก แต่คนข้างนอกก็ได้วิ่งลงไปตั้งไกลแล้ว
ข้าวผัดลุกขึ้นนั่ง หันหน้าไปมองใบหน้าของตัวเองในกระจก ตอนนี้สิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือ ใบหน้าก็แดง จมูกก็แดง แล้วสองตาก็บวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด
“จะไปสภาพนี้ได้ยังไงเล่า” เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้า แล้วทำเสียงสะอึกสะอื้นอยู่ในอก ตอนนี้น้ำตาได้ไหลรินออกมาจนหมดแล้ว
“อ้าว ข้าวโพดให้ไปตามพี่ ไหงกลับมาคนเดียว” แม่เอ่ยถาม
“หลับหรือเปล่าก็ไม่รู้ เคาะจะตายอยู่แล้ว เคาะจนเจ็บมือเนี่ย” ข้าวโพดพูดพลางยกมือให้แม่ดู ก่อนจะนั่งลง ตอนนี้มุ่งไปสนใจกับกองอาหารทะเลตรงหน้าที่อาไผ่กับอาเหมยช่วยกันย่างมาใส่จานใบใหญ่เอาไว้ให้
“ไผ่ เหมย มานั่งกินกันก่อนเร็ว เหมยทำตัวตามสบายนะ ไม่ต้องเกรงใจชิลล์ ๆ ง่าย ๆ มาเร็ว ๆ” สิงขรออกปากเรียกทั้งสองคน
“แล้วไปฝากท้องมาหรือยัง หมออนุรักษ์ในตลาดนั้นก็เก่งนะ พี่ก็ฝากท้องเจ้าข้าวโพดเนี่ยกับแกนั่นแหละ อีกอย่างเมียแกคุณหมอสมหญิงก็เป็นหมอเด็ก คลอดกับผัว แล้วก็ฝากลูกไว้กับเมียเลย” ไก่ถามไถ่หญิงสาว
“ไว้เข้าที่เข้าทางก่อนนะครับพี่ไก่ ค่อยพาไป อาจจะเป็นวันจันทร์” ไผ่ตอบแทนภรรยา
“รถกระบะคันนั้นน่ะ พี่ยกให้ไผ่เอาไปใช้ในไร่เลยนะ เวลาไปไหนมาไหนก็สบาย แล้วที่ไร่น่ะมีมอเตอร์ไซค์อยู่อีกคัน ก็เอาไว้ใช้เผื่อขับไปไหนใกล้ ๆ” สิงขรแสดงความเอื้ออาทร
สองสามีภรรยาหนุ่มสาวรีบยกมือไหว้ ทั้งคู่หนีร้อนมาพึ่งเย็น
สิงขรก็รู้จักกับไผ่มาเป็นสิบ ๆ ปี เห็นว่าน้องเดือดร้อนมาจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย คงไม่ใช่นิสัยของเขาอีกเช่นกัน
“อด... สมน้ำหน้า ยายเจ๊ผัด...” ข้าวโพดเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ
“เป็นอะไร เมื่อกี้ก็ยังดี ๆ อยู่ เอ...” สิงขรนึกไปถึงใบหน้าแป้นยิ้มแย้มตลอดเวลาของลูกสาวเมื่อตอนเย็น พอได้รู้ข่าวว่าอาไผ่จะมาอยู่และทำงานกับคุณพ่อทีไรก็หน้าบานเป็นจานเชิง
“จะมีอะไร ต้องงอนอาไผ่แน่ ๆ ที่แต่งงานไม่บอกไม่กล่าว ป่านนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วมั้ง” ไก่รู้นิสัยของลูกสาวดี เธอรักมากกับคุณอาคนนี้ แก่แดดเกินเด็ก ๆ
ไผ่กับเหมยหัวเราะขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
“ไม่เอาตุ๊กตาที่ซื้อไปง้อแกหน่อยหรือคะพี่ไผ่” เหมยบอกสามี เพราะสองคนไปเลือกของขวัญให้กับข้าวผัดตามที่ได้รับปากกับแกเอาไว้
“เดี๋ยวผมไปดูให้นะครับ” ไผทอาสา เขาเดินไปที่ท้ายกระบะ แล้วหยิบเอาตุ๊กตาหมีสีครีมน่ารัก ๆ ผูกโบสีฟ้าสีโปรดของเด็กหญิง เขาเดินขึ้นบนเรือน ตรงไปเคาะห้องของเด็กหญิงข้าวผัด