บทที่4.แก้ปม

1552 Words
ย่านนี้ใครๆ ก็รู้ เซมิโอเน่คุมอยู่ และแถวๆ นี้ก็มีที่กบดานของพวกมัน          “อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้นล่ะ?” อัลเบโต้ย้อนถาม ผู้หญิงตรงหน้ารู้ได้ยังไง ว่าคนของเซมิโอเน่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้          “เลยจากนี่ไปไม่เกินไมล์...โกดังพวกนั้นเป็นของพวกเขา...มีคนเข้าๆ ออกๆ ทั้งวัน ฉันอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากอยู่แบบต้องคอยระแวงแบบนี้หรอกนะ แต่คุณก็รู้... บ้านดีๆ พื้นที่ที่อยู่แล้วปลอดภัยมันแพง”          ซีรีนบ่น คนระดับล่างอย่างเธอ การย้ายถิ่นฐานเป็นแค่ความฝัน เพราะต่อให้ขายบ้านหลังนี้ เธอก็ไม่สามารถซื้อบ้านใหม่ได้ ที่ดินแค่ไม่กี่ตารางวาได้เงินไม่กี่สตางค์ เพราะหากรวมตัวบ้าน คงไม่มีใครสน เมื่อบ้านหลังนี้ผุพังเกินกว่าจะซ่อมแซม ที่ควรทำคือทุบทิ้งเป็นซากมากกว่า          “กินยาแล้วนอนพักเถอะ คุณต้องนอนเยอะๆ...”          “ขอบคุณ” อัลเบโต้ตอบฉวยยาที่หล่อนวางไว้ให้บิขึ้นใส่ปาก ตามด้วยน้ำสะอาดหนึ่งอึก          “บอกไว้ก่อนนะคุณ ถึงฉันจะอยู่คนเดียว แต่ฉันยิงปืนเป็น” หญิงสาวเปรยก่อนเดินออกไป เขาเป็นคนแปลกหน้าที่เธอควรระแวง มากกว่ายอมไว้ใจ          “เดี๋ยว...ขอปากกากับกระดาษหน่อยซิ...” ชายหนุ่มร้องขอ...          ซีรีนพยักหน้ารับรู้ เธอเดินออกไปหยิบสิ่งที่อัลเบโต้ต้องการมาส่งให้          “เอานี่ไปหาคนนี้นะ...ช่วยผมหน่อย ผมออกไปด้วยตัวเอง...ตอนนี้ไม่ได้”          ก่อนที่เขาจะไปสืบข่าวหวันยิหวา เขาต้องหาตัวช่วยที่ไว้ใจได้...การจะหลบสายตาคลิสเตียนเป็นเรื่องยาก ดังนั้นก่อนที่อดีตเจ้านายจะกลับมา เขาต้องจัดการอะไรๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน          “ฉันจะไปให้หลังเลิกงานนะ...แต่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือเปล่านะ” ซีรีนออกตัว เธอยอมช่วยเขา          “เดี๋ยว!!” เป็นอีกครั้งที่อัลเบโต้รั้งไว้ เปลือกตาของเขาใกล้จะปิด เพราะฤทธิ์ยา          “อะไรอีก” เสียงขุ่นจัดถามกลับมา ดูหล่อนระวังตัวจัด แต่ก็ยังยื่นมือเข้ามาช่วย          “คุณชื่ออะไร?” อัลเบโต้ง่วงจนหนังตาแทบจะปิด          “ซีรีน” หล่อนตอบ พร้อมกับความง่วงที่โถมเข้าใส่ จนอัลเบโต้ผลอยหลับไป          หญิงสาวคลี่กระดาษในมือ ยกขึ้นดูใกล้ๆ เป็นที่อยู่ย่านคนร่ำรวย...กับข้อความสั้น ‘เอาเงินให้คนที่ถือมา5000ยูโร ฉันจะคืนเธอทีหลัง อัลเบโต้’ ซีรีนห่อปากทำตาโต เงินจำนวนนั้นไม่น้อยเลย แต่ชายคนนี้ทำเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ เธอแทบอดใจรอไม่ไหว อยากให้ถึงเย็นพรุ่งนี้เร็วๆ อยากรู้ว่าเธอจะได้เงินจำนวนนี้มาจริงหรือไม่!! หลังพบหมอ...หวันยิหวาไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย คำแนะนำของท่าน ไม่ช่วยให้เธอจำอะไรได้มากขึ้น สิ่งที่คอยแวบเข้ามาในสมอง ก็ยังเป็นอยู่เช่นเดิม ความทรงจำเหล่านั้น คงพยายามโผล่มาให้เธอนึกออก แต่มันรวดเร็วเสียจนคว้าเอาไว้ไม่ทัน หญิงสาวถอนใจแรงๆ นึกเบื่อตนเองที่กลายเป็นภาระของบิดา มารดา เธออยากรู้นักอะไรทำให้เธอกดความทรงจำนั้นไว้ มันเป็นเรื่องสะเทือนใจหรืออย่างไร?!! กลไกในร่างกายของเธอจึงปกปิดไว้...ช่วยปกป้องเธอจากความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น หากเธอจำสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด          หวันยิหวาเดินทอดน่องริมทะเลที่มีคลื่นลูกเล็กๆ พัดเข้าหาชายฝั่ง เธอคิดอะไรเพลินๆ ปล่อยให้กระแสลมพัดต้องผิวกาย พวงผมสลวยด้านหลังถูกสายลมพัดใส่จนผมเส้นเล็กไหวไปมาเหมือนดั่งระลอกคลื่นในท้องทะเลก็ไม่ปาน กลิ่นไอทะเลที่มีความเค็มปะปนมาด้วย ช่วยให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลาย สภาพอากาศที่แสนคุ้นเคย เธอแน่ใจ... สิ่งรอบตัวนี้ เธอพบเจอมาตั้งแต่เด็ก          หญิงสาวตัดใจ เดินย้อนขึ้นไปด้านบน เธอมองหารถรับจ้าง เพื่อโดยสารกลับบ้าน แต่มาเปลี่ยนใจตอนหลัง หวันยิหวาเบื่อที่จะอยู่คนเดียว การมีเพื่อนช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น จุดหมายปลายทางของเธอจึงเปลี่ยนไป ร้านกาแฟของมารดาน่าจะช่วยให้เธอหายเหงา...          กรุ้งกริ้ง!          กระพรวนพวงใหญ่ที่แขวนอยู่เหนือประตูทางเข้าสั่นกราว เมื่อหวันยิหวาดันประตูเข้าไปด้านใน          ขวัญอุสาเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้บุตรสาวนายจ้าง “พี่หวาไปหาหมอไม่ใช่เหรอคะ?” เจ้าหล่อนถาม มือก็ทำงานไปด้วย          “กลับมาแล้ว...เบื่อนะ เลยมาร้านดีกว่า แม่ไปไหนเหรอ?” หญิงสาวบ่น ดันประตูกั้นคอกเค้าน์เตอร์กับส่วนของร้านเข้าไปด้านใน ฉวยผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลไหม้มาคล้องไว้ที่บ่า          “คุณพรรณไปตลาดค่ะ แป้งทำขนมหมดพอดี”          กิจการร้านกาแฟไปได้ด้วยดี มีลูกค้าอุดหนุนหนาตา อาจเป็นเพราะอยู่ติดถนนและติดตึกที่ส่วนใหญ่เป็นสำนักงานก็ได้          “อืม...วันนี้ขวัญหยุดเหรอ บ่ายกว่าแล้วนะ” ขวัญอุสากำลังเรียน หล่อนเรียนช่วงบ่าย หวันยิหวาจึงแปลกใจที่ยังเห็นขวัญอุสาอยู่ที่ร้าน          “วันนี้อาจารย์ยกคลาสค่ะ สบายขวัญเลย ช่วงนี้ลูกค้าเยอะด้วยคุณพรรณจะได้ไม่เหนื่อยมาก”          เสียงใสใสตอบแบบคนอารมณ์ดี มีรอยยิ้มตามมาด้วย จนหวันยิหวาพลอยยิ้มตาม          สองสาวช่วยงานกันอย่างแข็งขัน หวันยิหวาเลยลืมความกังวลที่ฝังอยู่ในหัว เธอสนุกกับการต้อนรับลูกค้า ได้สนทนากับคนแปลกหน้าแต่กลับไม่รู้สึกเคอะเขิน สมัยก่อนเธอคงทำแบบนี้จนชิน...เมื่อย้อนกลับมาประพฤติตัวหลังสูญเสียความทรงจำเธอเลยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ          พรรณนากลับมาหลังจากเวลาผ่านไปเกือบ1ชั่วโมง สาวใหญ่หิ้วถุงใส่ของจนตัวเอียง หวันยิหวาเลยรีบเข้าไปช่วย          “หวา...ไม่พักเหรอลูก” เสียงปนความห่วงใยถามไถ่บุตรสาว          “หวาหายแล้วค่ะแม่...หวาสบายดี เห็นมั้ยคะ” หญิงสาวยกมือขึ้นสูงเบ่งกล้ามที่แขนให้มารดาดู พร้อมกับยิ้มกว้างตบท้าย          “หึๆ” พรรณนาโครงศีรษะ หัวเราะคิก รู้สึกสบายใจขึ้น          “ตามใจ...แม่กลัวหวาเหนื่อย น่าจะพักผ่อนอีกสักพัก”          “หวาหายแล้วจริงๆ ค่ะ ให้หวามาช่วยแม่เถอะค่ะ”          ทั้งบิดา มารดา ทำงานตัวเป็นเกลียว เธอจะนั่งๆ นอนๆ กินแรงท่านได้ยังไง เมื่อตนเองหายเจ็บ ไม่ได้นอนแบ็บอยู่บนเตียงแบบเมื่อก่อน          พรรณนาเดินเลี่ยงไปหลังร้าน เธอรีบหนีเข้าไปด้านใน เพราะกลัวว่าน้ำตาจะไหลออกมาจนทำให้บุตรสาวไม่สบายใจ คนเป็นแม่แอบไปร่ำไห้ สงสารชะตากรรมของบุตรสาว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น!! ช่วงเวลาเดือนครึ่ง หวันยิหวาไปพบเจออะไรมา เธอถึงได้มีสภาพเหมือนนกปีกหัก ย่ำแย่เสียจนเกือบทิ้งชีวิต ลมหายใจไว้ที่โรม          “แม่ไม่น่าอนุญาตให้หวาไปโรมเลย” นางบ่นเบาๆ ยกมือกรีดรอยน้ำตาทิ้ง          หวันยิหวากระพริบเปลือกตาปริบๆ ปลายเท้าชะงักกึก เหมือนถูกตรึงไว้ ‘โรม’ ชื่อนี้ดูคุ้นหู เธอเคยไปสถานที่นั้นเหรอ? ไปเมื่อไหร่? ไปทำไม? คำถามเป็นร้อยลอยเข้ามาในหัว เธอเค้นความคิดจนปวดหัว แต่กลับไม่ได้อะไรเพิ่มเติ่ม ที่คิดออกก็เหมือนจะติดอยู่ตรงไหนสักที่ ยิ่งพยายามเพ่งหา มันยิ่งลอยห่างไป...          หญิงสาวถอนใจแรงๆ สลัดความอยากรู้นั่นทิ้ง...สักวันความทรงจำที่ถูกทิ้ง คงย้อนกลับมาเอง          “ให้หวาช่วยนะคะแม่” หญิงสาวเดินยิ้มร่าเข้าไปด้านใน ลงมือช่วยมารดาอีกแรง แม้จะเป็นลูกมือเธอก็กระตือรือร้นที่จะทำ โรม...อิตาลี...          ซีรีนเดินวนไปวนมาหน้าบ้านหลังใหญ่ เธอมองที่อยู่ในมือสลับกับการมองตัวบ้านที่ใหญ่โตพอกับคฤหาสน์          “โห!!” หญิงสาวห่อปากเบิกตาโต มองจนแน่ใจว่ามาไม่ผิดที่ เธอชั่งใจอยู่นานกว่าจะกล้ากดกริ่งหน้าประตู          มีคนด้านในตอบรับ และเดินออกมาต้อนรับแบบงงๆ “มาหาใครคะ?” เจ้าหล่อนร้องถาม ขมวดคิ้วมองกราดซีรีนแบบสำรวจตรวจตรา          “เปล่าค่ะ ฉันเอาไอ้นี่มาส่งให้” เธอยื่นกระดาษในมือส่งให้เจ้าของบ้าน          หญิงผู้นั้นรับกระดาษในมือซีรีนไป เธอก้มอ่าน ท่าทางเหมือนตกใจ เพราะหล่อนยกมือขึ้นปิดปาก เธอได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ          “รอเดี๋ยวนะ...” หลังหล่อนตั้งสติเกือบนาที เจ้าหล่อนหันมาบอก ก่อนจะรีบร้อนเดินกลับไปด้านใน และกลับออกมาในเวลาไม่ถึง5 นาที พร้อมกับซองสีน้ำตาลในมือ          “ฝากบอกเค้าด้วย...อย่ามาที่นี่อีก คนของเจ้านายกำลังจับตามองอยู่ เธอรีบไปเถอะ”          เจ้าหล่อนยัดซองใส่มือซีรีน ฝากคำพูดบางอย่างถึงคนเขียน ก่อนจะรีบไล่ให้ซีรีนไปให้พ้นๆ ท่าทางเธอดูลนลาน และหวาดระแวง          ซีรีนพยักหน้ารับ ยัดซองนั่นใส่ย่าม รีบเดินก้มหน้าออกไปจากบริเวณนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD