แอลเลียตวางร่างอ่อนปวกเปียกลงบนเตียงนอนนุ่ม ตาคมมองดวงหน้าสวยหวานด้วยสายตาอ่านไม่ออก แต่เพียงสังเกตสักนิดจะเห็นว่าในดวงตามีแสงเปล่งประกายวาววับอยู่ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั่น
เขาจัดแจงท่านอนให้เสร็จเรียบร้อยแต่ทว่าสายตาของเขากลับไม่ละไปจากใบหน้าจิ้มลิ้มได้เลย สายตาไล่มองไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโตที่ปิดสนิทแต่ยามตื่นมันช่างส่งประกายแวววาวดูน่ารักน่าเอ็นดูและน่าแกล้ง
จมูกโด่งรั้นที่แสดงถึงความดื้อรั้นของเจ้าของเป็นอย่างดี แถมแก้มป่องๆ นั่นยังใสจนแทบจะเห็นเส้นเลือด
และริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาตินั่นอีกล่ะ มันช่าง....
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงจูบลงบนปากนุ่มนั่นเบาๆ เขาขยับเม้มปากบางช้าๆ สลับกับกดบดเคล้าเบาๆ มีบ้างที่เผลอรุนแรงจนต้องรีบดึงสติตัวเองกลับมา
ให้ตายสิ! ทำไมใจมันเต้นแรงอย่างนี้ว่ะ มึงเคยกินมาหมดแล้วเว้ยไอ้แอล!! ไม่ว่าสวยและเด่นดังขนาดไหน
แต่....อึก....
แอลเลียตรู้สึกลำคอแห้งผากขึ้นมาทันทีเมื่อสายตาปะทะเข้ากับลำคอขาวผ่องและเนินเนื้อที่โผล่พ้นคอเสื้อนักศึกษา เพราะนอนในท่านี้ทำให้ก้อนกลมๆ สองลูกมันดันขึ้นและดูแล้วขนาดของมันอาจจะใหญ่เกินกว่าที่มือเขาจะกอบกุมได้หมด
ไม่คิดว่ายัยตัวแสบจะซ่อนรูป ถ้าเกิดตอนนั้นไม่ได้เห็นกับตาว่ามันทั้งเว้าทั้งโค้งขนาดไหน และถึงแม้จะเคยเห็นเนื้อในสดๆ มาแล้วเมื่อตอนเจอครั้งแรกที่บ้านหลังนี้ แต่พอได้มาสำรวจอีกครั้งภาพมันยิ่งเด่นชัดอีกเท่าตัว
ไม่....
ไม่อาจห้ามใจได้เลย!!
มือหนาจับหมับลงบนสองก้อนตามที่สมองสั่งการทันทีพร้อมกับบีบเบาๆ แล้วค่อยๆ แรงขึ้นตามอารมณ์ที่กำลังร้อนปะทุขึ้นเรื่อยๆ
เขาก้มลงซุกซบไปที่คอเรียวเล็กอย่างห้ามใจไม่ไหว สูดดมกลิ่นสาบสาวเข้าเต็มปอด เขาซบแบบนั้นอยู่นานหลายนาที ในใจพร่ำบอกให้อดทนไว้อย่าผลีผลามจนเกินไป ในเมื่อเฝ้ามองมาได้ตั้งหลายปีแล้วอีกแค่ปีเดียวทำไมจะทนไม่ได้
อีกปีเดียวไอ้แอลเลียต
มึงอย่ารีบร้อนอีกแค่ปีเดียวใช่...อีกแค่ปีเดียว
เขายันตัวเองขึ้นจากร่างนุ่มนิ่มอย่างหักห้ามใจ หลับตาลงกัดกรามแน่นอย่างระงับอารมณ์ ถึงแม้ร่างกายส่วนร่างจะรู้สึกปวดหนึบแทบจะระเบิดก็ตาม
"ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ...อึก ยุบ...บ หนอ พ...พอง ห..หนอ...ระบายความร้อนเป็นหมอต้องจับดูเปิดดู...เฮ้ย! "
ร่างสูงใหญ่เด้งตัวขึ้นจากเตียงทันทีพร้อมหลับตาลงสบถกับตัวเองเบาๆ ในใจสับสนไปหมด จะจากไปหรือจะยังไงดี อีกฝ่ายก็ยังเด็กเกินกว่าจะรับมือเขาได้
อายุ19 อาจยังเร็วไปสำหรับการมีสามี...
แต่อีกปีเดียวก็จะ 20 แล้ว....
สองเท้าขยับพาร่างสูงใหญ่หันหลังให้กับภาพเย้ายวนทั้งที่สมองคิดหนักแทบจะระเบิด ใจหนึ่งก็อยากเป็นเทวดาเฝ้ามองอย่างที่เคย อีกใจก็อยากเป็นซาตานที่ตอกตำจองจำเป็นเจ้าของ
มือหนาจับลูกบิดประตูเมื่อตัดสินใจได้ว่าตัวเขานั้นเป็นอะไรระหว่างซาตานหรือเทวดาผู้ดูแลรักษา ปากหนาค่อยๆ ยกยิ้มสูงขึ้น
กริ๊ก....
มาเฟียก็ไม่ต่างอะไรกับซาตานร้ายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ....
เช้าวันถัดมา....
ร่างบอบบางที่นอนขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ค่อยๆ ยื่นแขน ยื่นขาออกมานอกผ้าห่ม พร้อมขยับตัวบิดขี้เกียจอย่างที่เคยทำ
ตากลมโตค่อยๆ กะพริบเปิดขึ้นช้าๆ พอสายตาปรับแสงได้สมองเธอก็เริ่มทำงานทันที
"ทำไมมานอนบนเตียงได้..." พึมพำเสียงเบา ตากลมโตกะพริบปริบๆ เพื่อคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น
"เฮ้ย!! เก้าโมงแล้วเหรอเนี่ย! มีเรียนเก้าโมง! ต๋ายแน่กู!!! " ร่างเล็กผุดลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำทันทีด้วยความรีบร้อนเธอรีบแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาและวิ่งลงไปข้างล่างทันที
"หืม...นั่นมันคำสร้อยใช่ไหมคุณ" คุณยายสมรหันไปถามสามีที่นั่งข้างๆ เมื่อเห็นเงาเล็กๆ วิ่งผ่านห้องโถงไปแวบๆ
"น่าจะใช่นะ แต่ทำไมรีบร้อนขนาดนั้น"
"นั่นสิ จะว่าไปอาจจะมีเรียนแต่ดันตื่นสายก็ได้นะคุณ" เธอพูดยิ้มๆ ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะรู้ว่าคำสร้อยเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบพอสมควร อาจจะมีกิน มีเที่ยว ไปเรียนสายบ้างมันก็เป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นสมัยนี้
นอกจากสองตายายแล้วยังมีอีกคนที่ยืนมองผ่านกระจกชั้นสองของบ้านไปยังร่างเล็กที่สะพายกระเป๋าวิ่งหน้าตั้งออกจากบ้านไป
ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเรียบเฉยพลันกระตุกยิ้มออกมาไม่รู้ตัวแม้ว่าตาสองข้างของเขาจะดำคล้ำจากการอดหลับอดนอน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว
เคนยืนมองเจ้านายที่ยืนตาดำเหมือนขี้ยาตามถนนแล้วรู้สึกสมเพชเวทนาเหลือเกิน
อยากกินเขาแต่ก็ทำได้แค่แอบแทะเล็มไปวันๆ
อย่างว่าอายุ19 จะทำอะไรเรื่องคุกเรื่องตารางมันก็ค้ำคออยู่ใกล้ๆ ....
มหาวิทยาลัยชื่อดังที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาวนักศึกษาแต่เห็นที่เด่นสุดก็ไม่พ้นสองเพื่อนสาวของเธอที่ยืนส่งสายตามุ่งร้ายมาให้เธอที่กำลังวิ่งพุ่งไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
"สายมากชะนี!!! " แอนนี่หรือเอกพลเอ่ยพูดประโยคแรกและตามมาด้วยวิรุท
"ไม่นอนตื่นมาอีกทีปิดฝาโลงรอสวดเลยละ"
"ขอโทษทีพอดีตื่นสายไปหน่อย" คำสร้อยตอบไปหอบไปเพราะเล่นวิ่งเข้ามามหาลัยมาหลายร้อยเมตร ถึงแม้มันจะเลยเวลาเข้าเรียนมาเกือบครึ่งชั่วโมงก็เถอะ
"ไม่หน่อยย่ะ มาสายจนอาจารย์ยกเลิกคลาสเนี่ย" แอนนี่จีบปากจีบคอพูด คำสร้อยพอได้ยินอาจารย์ยกเลิกคลาสเรียนก็เบิกตาโตแทบถลนออกมานอกเบ้า ไม่ใช่ว่าเสียใจหรอกนะแต่ดีใจมากต่างหาก
"จริงเหรอ"
"รู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่" วิรุทส่ายหน้าน้อยๆ เห็นคำสร้อยหน้าตาใสๆ แต่ร้ายใช่เล่น
"แหม...แกก็ นานๆ ทีอาจารย์คนนี้จะไม่สอนปะ รู้แบบนี้ไม่น่าวิ่งมาเลยร้อนฉิบหาย" เธอพูดพลางขยับคอเสื้อไปมาเพื่อระบายความร้อน แต่อีกสองคนที่อยู่ตรงหน้ากลับมีสีหน้าที่ตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นรอยจ้ำบริเวณหน้าอกของคนตัวเล็ก
"เดี๋ยว ยัยคำสร้อย! " เธอชะงักมือเมื่ออยู่ๆ แอนนี่ก็ยื่นมือชี้มาที่ตัวเธอแล้วหน้าซีดๆ
"อะไร"
"นะ...นั่นรอยอะไร? " เธอถามออกไปเสียงสั่นๆ ก็เพราะรอยที่เห็นมันมีมากกว่าหนึ่งรอยนะสิ
"รอยอะไร" คนตัวเล็กทำหน้าเหลอหลาไม่เข้าใจอาการของเพื่อน
วิรุทปรี่เข้าไปดึงคอเสื้อของคนที่ทำหน้าเอ๋ออยู่ให้แบะออกก่อนที่เขาแทบลมจับเมื่อเห็นรอยทั้งหมดที่โผล่พ้นออกมาจากคอเสื้อ
"ใคร...มันเป็นใคร แกบอกฉันมาเลยนะใครทำแก คำสร้อย" ถามออกมาเสียงดังลั่น เพราะรู้ว่ารอยนั้นมันคือรอยอะไร และตอนนี้เพื่อนของเขามีรอยแบบนั้นเต็มไปหมดมันจะไม่แปลกใจเลยถ้าเพื่อนเขามีแฟน
แต่มันโสด!!
"บอกพวกฉันมาจะจัดการไอ้คนที่ทำให้เพื่อนพวกฉันแปดเปื้อน โฮ....ใครบังอาจมาล้วงคองูเห่าอย่างพวกฉัน..." แอนนี่ทำท่าปล่อยโฮออกมาด้วยความเสียอกเสียใจ ที่เพื่อนเสียเมืองให้กับคนอื่น
"คำสร้อยที่พวกฉันเฝ้าฟูมฟักจากไข่มาเป็นตัว ใครมันบังอาจมาเจาะไข่แดงแก ฮ้า!!! "
"เดี๋ยวๆ พวกแกใจเย็นนะ...นี่มันเรื่องอะไร ฉันงงไปหมดแล้ว" คนตัวเล็กที่ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่ได้แต่บอกทั้งคู่ให้ใจเย็นๆ เพราะทั้งสองทำท่าเหมือนโดนผีเข้า หน้าตาที่สวยหล่อกำลังบิดเบี้ยว เดี๋ยวหน้าดำหน้าแดง และเปลี่ยนเป็นสีม่วงปนเขียวในที่สุด
เพื่อนเธอไปโดนตัวไหนมา ต้องพาไปหาหมอไหมแบบนี้
สมองของเธอรีบประมวลผลของเหตุการณ์ตรงหน้าทันที มีเพื่อนแค่สองคนก็จะมาเป็นบ้าพร้อมกันทั้งสองคนแบบนี้ไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง!
"แกมานี่เลยยัยเพื่อนไม่รักดี ทำไมทำกับพวกฉันแบบนี้ เสียแรงที่เฝ้าทะนุถนอม ฮึก ฉันอยากตาย โฮ...." แอนนี่ดึงแขนคนตัวเล็กลากตรงไปยังห้องน้ำทันที
"บอกพวกฉันมาว่ามันเป็นใคร"
ทั้งสองจ้องเธอเขม็งหน้าตาเอาเรื่อง ส่วนตัวเธอตอนนี้จะบอกว่าช็อกก็คงไม่ต่างมากนัก เมื่อเห็นภาพตัวเองในกระจกเมื่อออกมาจากการสำรวจตัวเองในห้องน้ำแล้ว
รอยพวกนี้ไม่เพียงแต่เต็มไปทั้งหน้าอกเธอเท่านั้น มันยังมีที่หน้าท้อง ขาอ่อน ที่สำคัญตรงขาหนีบยังมี!!
"พวกแก...."
"แกบอกมาเลยนะว่าแกไปทำอะไรมา"
"ฉะ...ฉันไม่ได้ทำอะไร...แค่นอนแล้วก็ตื่นเช้าวิ่งขึ้นรถมามหาลัยก็เท่านั้นเอง" เธอบอกเสียงเบาหวิว ในใจมีหลายสิ่งที่ดังขึ้นมา
เธอเป็นโรคร้ายแน่ๆ ...
"ไม่จริง! แล้วรอยพวกนี้มันคืออะไร! " วิรุทชี้นิ้วไปที่รอยบนตัวเพื่อนสาวที่หน้าซีดไม่ต่างจากพวกเขานัก
"พวกแกหรือว่าฉัน...." เธอเรียกเพื่อนเสียงเบาหวิว ทั้งสองคนมองเธอด้วยสายตาที่บอกว่า
ไม่เป็นไรถึงแกจะเป็นยังไงพวกมันก็ยังรักแกนะ...
"ใช่อย่างที่พวกฉันคิด...ใช่ไหม" ทั้งคู่มองเพื่อนตัวเล็กไม่วางตาแถมน้ำตาคลอ ที่เพื่อนเสียไข่แดงให้คนอื่นไปแล้ว ทั้งที่พวกเขาเฝ้าดูแลตลอดมาหลายเดือน
"น่าจะใช่ พวกแกจะเลิกคบฉันไหม..."
"บ้าเหรอเรื่องแค่นี้เอง เพียงแค่บอกมาพวกฉันยอมรับได้เว้ย"
"พวกแกจะไม่รังเกียจฉันใช่ไหม ถ้ามันจริงขึ้นมา" เธอถามย้ำน้ำตาเริ่มคลอเบ้า ก่อนจะกะพริบตาให้มันย้อนกลับเข้าไปและพูดสิ่งที่คิดไว้ออกมาเพียงแค่เพื่อนรักทั้งสองคนพยักหน้า
"ฉันเป็นเอดส์ใช่ไหม ฮือ..."
"....!!!! ..."