โสดไม่ไหว หัวใจคลั่งรัก 03

1252 Words
‘ไม่มีทาง ฉันจะไม่ยอมเจียดเงินเดือนอันน้อยนิดของตัวเองไปเปย์ผู้ชายคนนี้เป็นอันขาด เจติยา…เธอไม่ได้สิ้นไร้ถึงขนาดต้องซื้อผู้ชายกินสักหน่อย ถึงผู้ชายจะน่ากิน…’ เธอคิดในใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเผลอโพล่งออกมาอย่างลืมตัว “แต่ฉันไม่หิว" เห็นนทีขมวดคิ้วมองมา คนพูดถึงเพิ่งรู้ตัวจึงรีบแก้ต่างทันที “เอ่อ…ฉันหมายถึงข้าวน่ะ ฉันจะบอกว่าฉันอิ่มแล้ว ไม่หิวเลย ฮ่าๆๆ ไม่เกี่ยวเลยจริงๆ เอ้อ ฉันหมายถึงไม่หิวเลยจริงๆ” เธอได้แต่หัวเราะเสียงจืดเจื่อนให้กับคำแก้ต่างของตัวเองที่ยิ่งพูดก็ยิ่งดูแย่ แต่เขากลับไม่ได้สนใจฟังเพราะมีบางอย่างที่น่าสนใจกว่า “คิดว่าฉันอยากได้เงินจากเธอ?” อีกครั้งที่เขาเลิกคิ้ว “ก็ถ้าไม่ใช่ นายก็คงทำเป็นลืม ทำเหมือนว่าเราไม่เคยรู้จักกัน หรือไม่ก็ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่มาตามตอแยฉันอยู่แบบนี้สิ” นทียังคงขมวดคิ้ว ไม่นึกว่าผู้หญิงตรงหน้าจะทำให้เขาแปลกใจมากขึ้นเรื่อยๆ ใช่! มันคือครั้งแรก และคงเป็นครั้งเดียวที่เขาถูกมองต่างออกไป ให้ตายสิ! ความรู้สึกของการเป็นฝ่ายถูกซื้อ มันเป็นแบบนี้เองสินะ “คือ…มันก็ไม่แปลกหรอกนะถ้าเด็กอย่างนายจะแค่รักสนุกแบบ one night stand ฉันเข้าใจคนวัยหนุ่มที่อารมณ์พลุ่งพล่านอย่างนายดี แต่ที่ไม่เข้าใจคือ…ทำไมไม่เลิกยุ่งกับฉันสักที นอกซะจากว่านายมีเจตนาอื่นแอบแฝง” เธอหรี่ตามองอย่างจับผิด ในขณะที่เขากลับจับประเด็นได้เพียงคำว่าเด็กที่หลุดออกมา “รู้ได้ไงว่าเด็ก" “บัตรนักศึกษาโชว์หราขนาดนั้น ไม่รู้สิแปลก นี่หนุ่มน้อย…ฉันว่านายควรเอาเวลาไปตั้งใจเรียนให้มันจบไม่ดีกว่าเหรอ” เธอพยายามวางตัวเป็นผู้ใหญ่ ทั้งที่ข้างในกำลังขนลุกกับคำว่าหนุ่มน้อยที่พูดออกไป “เหอะ! พูดจาอย่างกับคนแก่ อายุสักเท่าไหร่กันเชียวเราน่ะ" “มากกว่านายก็แล้วกัน" “จะรู้ได้ไงว่าเธอพูดจริง ดีไม่ดีเธออาจจะเด็กกว่าฉันด้วยซ้ำ" เธอเกือบจะยิ้มเพราะถูกชมว่าหน้าเด็ก ถ้าไม่มีประโยคต่อมา “อย่าบอกว่าเป็นพวกเด็กใจแตกหนีแม่ออกมาเที่ยว” “ปากเสีย หัดมีสัมมาคารวะซะบ้าง อย่างน้อยฉันก็เป็นพี่นายตั้งหลายปี” เธอเอ็ดเสียงเขียวประหนึ่งผู้ใหญ่กำลังเอ็ดเด็ก และเด็กคนนั้นก็ดื้อด้านเหลือกำลัง “งั้นก็พิสูจน์ความอาวุโสของเธอมาสิ” “ได้ เตรียมคุกเข่าขอขมาฉันได้เลย ไอ้เด็กเหลือขอ" คนถูกท้าทายโมโหจนเลือดขึ้นหน้า พลางรีบรื้อกระเป๋าสะพายแล้วหยิบบัตรประชาชนออกมายื่นให้ “ดูซะให้เต็มตา แล้วก็ไม่ต้องหาดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมาฉันล่ะ แค่เรียกว่าพี่ด้วยความเคารพก็พอ" เธอลอยหน้าลอยตาอย่างผู้ชนะ โดยไม่รู้เลยว่าผู้ชนะที่แท้จริงคือคนที่กำลังเก็บข้อมูลในบัตรนั่นต่างหาก “เรียกพี่สิ" เธอฉวยบัตรในมืออีกฝ่ายมาเก็บแล้วสั่งเสียงเข้ม “มีอะไรมาแลกบ้างล่ะ" เขายักไหล่พลางเอนหลังนั่งเอกเขนกพิงพนักโซฟา ในขณะที่เธอขมวดคิ้วมุ่น “เดี๋ยวนะ…ทำไมต้องแลก ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่นายควรทำตั้งแต่แรก โอเค ฉันอาจจะหน้าเด็กกว่าอายุจริง แต่มันก็หนีความจริงไปไม่ได้ว่านาย…ควรมีสัมมาคารวะต่อคนที่อาวุโสกว่า กว่าหลายปีด้วย" “นี่สินะเหตุผลที่เธอรีบหนีออกไปวันนั้น" นอกจากจะไม่ยอมเรียก เขายังหันมาจับผิดเธอแทน “นะ...หนีอะไร ฉันไม่ได้หนี ทำไมต้องหนีด้วย" คนถูกจับผิดปฏิเสธเสียงสูง “เพราะว่าเธอกลัวข้อหาพรากผู้เยาว์ไง" คนถูกรู้ทันความคิดถึงกับตาโตพลางลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “พรากผู้เยาว์อะไร ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหาย” เธอเถียงข้างๆ คูๆ เพื่อเอาตัวรอด “งั้นไปให้ตำรวจช่วยตัดสินกันที่โรงพักไหมล่ะ" คำขู่ของเขาทำเจติยาแทบนั่งไม่ติด “ฉันเข้าใจนะว่านายลำบาก แต่การทำแบบนี้ มันเป็นการลดคุณค่าในตัวนายนะ นายเลือกได้นะ” เมื่อแผนเอาตัวรอดไม่ได้ผล เธอจึงหันมาหว่านล้อมเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่พูดไม่ทันขาดคำเขาก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “ก็กำลังเลือกอยู่" “เลือกอะไร ฉันไม่เห็นว่านายจะทำอะไรสักอย่าง" “ก็เลือกเธอไง" คนถูกเลือกชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะตั้งสติแล้วหันมาใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมต่อ “นี่ จะบอกอะไรให้นะ ถ้าคิดจะมาปอกลอกผู้หญิงอย่างฉันละก็ นายคิดผิด ลำพังแค่ตัวเอง ฉันยังเอาตัวแทบไม่รอด แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาส่งเสียเลี้ยงดูนาย ไหนจะค่าเทอม ค่ากิน ค่าอยู่ ฉันสู้ไม่ไหวหรอก มากสุดก็ให้ได้แค่พากันกัดก้อนเกลือกินเท่านั้นแหละ” เธอว่าพลางลอบสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย แต่กลับพบเพียงรอยยิ้มบางตรงมุมปาก “ก็ไม่เลวนี่" “อะไรไม่เลว" เธอเลิกคิ้วด้วยความสงสัยกับคำตอบที่โพล่งขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขา “กัดก้อนเกลือกินกับเธอไง" เขาตอบพลางยักไหล่ “จะบ้าเหรอ ขืนเอานายมาอยู่เป็นภาระด้วยอีกคน แม้แต่ก้อนเกลือ ฉันก็ไม่มีให้กัด” “งั้นฉันจะกัดเธอแทน" ชายหนุ่มหยักยิ้มยียวน ทำเอาคนฟังกัดฟันกรอด ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่อาละวาดออกมา “ขอร้องล่ะ เลิกกวนประสาทแล้วก็เลิกยุ่งกับฉันสักที เอาเวลาไปตั้งใจเรียนให้มันจบเหอะ แล้วถ้ามันลำบากขัดสนมากนัก ก็หางาน Part time ทำสิ หน้าตาดีขนาดนี้ลองไปสมัครเป็นดารานายแบบก็ได้ ไม่ใช่คิดแต่จะหาเงินทางลัดแบบนี้ เกิดวันดีคืนดีไปเจอผู้หญิงที่เขามีครอบครัว นายได้ตายก่อนสบายเพราะถูกผัวเขาตามฆ่าแน่ๆ” เธอเทศนายืดยาว ในขณะที่เขากลับหยักยิ้มหน้าตาเฉย “งั้นก็เลี้ยงฉันสิ อย่างน้อยเธอก็ไม่มีผัวมาคอยตามฆ่าฉัน” เจติยาได้ฟังถึงกับหายใจฮึดฮัดกับความดื้อด้านของแกฝ่าย “แล้วรู้ได้ไงว่าไม่มี ถ้าขืนยังไม่เลิกตอแย ฉันจะให้ผัวฉันมาจัดการนายคอยดู" คนหมดหนทางขู่เสียงเขียว “ก็ฉันนี่ไง…ผัวเธอ" เขายักไหล่ท่าทางยียวน และนั่นก็ทำให้ความอดทนของเธอขาดผึง “อย่ามาพูดมั่วๆ นะไอ้เด็กปากเสีย ผู้ชายที่วันๆ เอาแต่งอมืองอเท้า คิดแต่จะเอาตัวเข้าแลกเพื่อรอให้ผู้หญิงมาเลี้ยงดู ผู้ชายแบบนี้ฉันไม่เอามาทำพันธุ์หรอก ให้ตายสิ! ฉันไม่น่าเสียเวลามานั่งเสวนากับบัวใต้น้ำอย่างนายเลยจริงๆ เชิญบ้าไปคนเดียวเหอะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD