โสดไม่ไหว หัวใจคลั่งรัก 02

1344 Words
หนึ่งเดือนต่อมา “เรื่องที่ฉันให้ไปจัดการถึงไหนแล้ว" นทีหันไปถามคนของตัวเองขณะเดินไปยังห้องรับรองด้านหลัง “เอ่อ…ยังไม่ถึงไหนเลยครับนายน้อย" ปกป้องหันมาตอบเสียงอึกอักสีหน้าจืดเจื่อน ครั้นพอเห็นเจ้านายหนุ่มหันขวับมามองตาขวาง เขาจึงรีบโต้แย้งต่อ “ก็นายเล่นบอกแค่รูปลักษณ์ภายนอกว่าผู้หญิงคนนั้นตัวเล็กๆ เอย ตากลมๆ เอย ผิวขาวราวกับน้ำนมเอย แล้วก็ผมยาวถึงกลางหลัง ผู้หญิงแบบนั้นมีออกถมเถ ไปดูตามห้างนี่เดินกันให้ควั่กเลยนะครับ" “ไม่เหมือนกัน ผู้หญิงของฉันไม่ได้สวยแบบดาษดื่น เขาไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากที่อวบอิ่ม จมูกโด่งๆ ที่ดูเชิดนิดๆ แต่ก็ดูน่าทะนุถนอม ไหนจะดวงตาคู่นั้นที่ราวกับยิ้มได้ แต่ก็ดูเซ็กซี่น่าค้นหา โดยเฉพาะเวลาที่ฉันได้สบตาเขา ราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาล ทำให้ฉันไม่อาจละสายตาได้ แกนั่นแหละที่เก็บรายละเอียดไม่ครบ เพราะแบบนี้ไงถึงหาไม่เจอ” ใบหน้าเคลิ้มฝันกับนัยน์ตาหยาดเยิ้มเป็นประกาย ทำเอาปกป้องถึงกับกลอกตากะหลับกะเหลือก พลางหันไปพึมพำอีกทาง “ไม่ได้ช่วยเล้ย รายละเอียดแค่นี้ใครจะไปหาเจอวะ" ดูเหมือนเสียงพึมพำของปกป้องจะดังเข้าหูเจ้านายเต็มๆ รายนั้นถึงได้โพล่งออกมาทันควัน “เพราะแกไม่ตั้งใจหาไง ไม่งั้นป่านนี้ก็คงเจอไปนานแล้ว" “โธ่! นาย...หาคนนะครับ ไม่ใช่ล่าวิญญาณ ที่แค่จุดธูปแล้วระลึกก็รู้สึกได้ รายละเอียดแค่นั้นมันจะไปพออะไร อย่างน้อยรูปถ่ายสักรูปก็ยังดี” “ก็ถ้ามี ฉันจะมานั่งสาธยายให้แกฟังทำสวรรค์วิมานอะไรวะ ฮึ่ย! ไม่ได้เรื่อง" นทีสบถอย่างหัวเสีย นึกอยากจะเดินออกไปให้พ้นหน้า แต่สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นใบหน้าคุ้นตาเข้าซะก่อน ใช่! มันคือใบหน้าที่ยังติดอยู่ในห้วงคำนึงไม่เคยจางหาย พลันสองเท้าขยับก้าวดุ่มๆ ออกไปโดยไม่ลังเล “อุ๊ย! อะไรเนี่ย…” คนถูกฉุดข้อศอกจากทางด้านหลังร้องอุทาน ตั้งใจจะหันมาพ่นคำผรุสวาทใส่ แต่คำเหล่านั้นกลับถูกกลืนหาย เมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ “นาย?” เธอเผลอครางออกมาพลางทำหน้าราวกับคนเห็นผี ครั้นพอตั้งสติได้จึงหันไปพึมพำอีกทาง “ก็บอกว่าไม่ขอเจออีกแล้วไง ทำไมพระเจ้าไม่ฟังคำขอของเราเลยเนี่ย เอาไงดีวะ" ขณะที่เธอกำลังพยายามหาทางออก อยู่ๆ ก็ต้องชะงักตัวแข็งทื่อ “สีหน้าท่าทางแบบนี้…แสดงว่าจำได้สินะ" ชายหนุ่มโน้มลงมากระซิบจากทางด้านหลัง น้ำเสียงล้อเลียนกับลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังรินรดถูกใบหูทำเธอเลิ่กลั่กลนลาน ‘จำได้แล้วไง เรื่องอะไรจะยอมรับเล่า แถไปสิเจติยา’ คิดได้ดังนั้นเธอจึงโพล่งออกไป “จะ จะ จะ จำได้ยังไง นะ...ในเมื่อเราไม่เคยพบกัน ฉะ...ฉันว่าคุณจำคนผิดแล้วละค่ะ ขอตัวนะคะ" เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก จนนึกอยากจะตบปากตัวเองสักทีสองที แต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปสบตา ทำได้แค่รีบเดินหนีไปจากตรงนั้น แต่กลับถูกฉุดแขนกลับมา “อุ๊ย!” ความไม่ทันตั้งตัวบวกกับแรงฉุดของผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์ ทำเธอเซหลุนๆ มาปะทะอกแกร่ง “ทำบ้าอะไร ก็บอกว่าไม่รู้จักไง ในเมื่อวันนั้นคุณเมา แล้วจะแน่ใจได้ไงว่าคนที่คุณเจอเป็นฉัน คนเมาไม่ได้มีสติสัมปชัญญะพอจะจำหน้าใครได้หรอกนะ ปล่อย…คุณกำลังทำให้ฉันเสียเวลา ฉันไม่เคยไปร้าน…อะไรนั่น แล้วเราจะเจอกันได้ยังไง เลิกยุ่งแล้วก็เลิกตอแยฉันได้แล้ว เพราะฉันไม่รู้จักคุณ" เธอขึ้นเสียงเหวี่ยงใส่เพื่อกลบเกลื่อน แต่มันกลับจุดรอยยิ้มให้คนข้างๆ โดยไม่รู้ตัว “จำไม่ได้ ไม่รู้จัก แต่ก็รู้ว่าวันนั้นฉันเมา แล้วก็รู้ว่าเราเจอกันที่ไหน อืม! แต่คงไม่รู้หรอกมั้งว่าคืนนั้นเราไปต่อกันที่โรงแรมอะไร" เขาเลิกคิ้วแสร้งถาม ทำเอาคนปากไวรีบตอบอย่างลืมตัว “ทำไมจะไม่รู้ ก็โรงแรม…อุ๊บ!” ตึก ตึก ตึก หญิงสาวชะงักตาโต พลันค่อยๆ หันไปโอดครวญกับตัวเองอีกทาง ‘ไม่นะ ฉันทำอะไรลงไป ฮือ…ฉันตื่นเต้น ฉันลน ฉันไม่มีสติ’ ‘ไม่เป็นไรเจติยา สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ก็แค่ไม่ยอมรับซะอย่าง ใครจะทำอะไรแกได้’ หลังจากได้ใช้เวลาอันน้อยนิดใคร่ครวญ เธอก็หาทางออกได้ “ฉันก็แค่เดาน่ะ คือฉันดูจากการแต่งตัว คิดว่าคุณน่าจะชอบเข้าโรงแรมหรูๆ แบบนั้นไง นี่อย่าบอกนะว่าฉันเดาถูก ฮ่าๆๆ ฉันก็เซนส์แรงแบบนี้ตลอดแหละ" พูดไปแล้วเธอก็หัวเราะเสียงจืดเจื่อนให้ ความจริงถ้าเป็นไปได้…เธออยากร้องไห้มากกว่า ‘โอ๊ย! จะแถทั้งที ทำไมไม่คิดให้มันดีกว่านี้วะ แล้วแบบนี้ใครเขาจะเชื่อ’ เจติยาโอดครวญในใจ “งั้นเหรอ งั้นผมก็คงจำคนผิดจริงๆ" คำตอบเขาทำคนที่ถอดใจแล้วหันขวับมามองตาโต “เอ๊า! เชื่อเฉย เชื่อจริงๆ เหรอวะเนี่ย" เธอเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว “เชื่อก็บ้าแล้ว ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ แล้วเธอก็แต่งเรื่องได้ห่วยสุดๆ ไม่ต้องพูดมาก มานี่เลยยัยตัวแสบ” เขาฉวยแขนได้ก็กึ่งลากกึ่งจูงพาเธอไปห้องห้องหนึ่ง ทำเอาคนถูกฉุดกลายๆ ร้องโวยวายด้วยความตระหนก “ไอ้บ้า! ปล่อยนะ จะพาฉันไปไหน ก็บอกว่าให้ปล่อยไง ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ทำแบบนี้กับผู้หญิงคิดว่าแมนแล้วรึไง ไอ้หน้า…” ยังไม่ทันจะได้พ่นคำผรุสวาทออกมาจนจบ เสียงนั้นก็ถูกกลืนหาย กลายเป็นเสียงอู้อี้ “อื้อ…” คนถูกจูบโดยไม่ทันตั้งตัวทำได้เพียงดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั้น “ไอ้คนทุเรศ ไอ้คนสัน…” ทันทีที่เป็นอิสระ คนปากไวก็พ่นคำร้ายๆ ออกมา แต่คำเหล่านั้นก็ถูกกลืนหาย เมื่อเขาปล้นมันไปด้วยการฉกวูบลงมาบดจูบ ราวกับจะลงโทษ แต่มันคงเป็นการลงโทษที่แฝงไปด้วยความโหยหา ตรงกันข้ามกับเธอที่พยายามต่อต้าน ทั้งผลักทั้งดัน พร้อมกันนั้นก็พยายามเบี่ยงหน้าหลบเป็นพัลวัน แต่เพราะฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ตรึงอยู่ตรงท้ายทอย บวกกับพละกำลังที่ต่างกันลิบลับ ทำให้ความพยายามของเธอสูญเปล่า กระทั่งเป็นเขาที่ยอมปล่อยในที่สุด “ไอ้…” “หึๆ ดูเหมือนเธอจะชอบจูบของฉันนะ" รอยยิ้มล้อเลียนของเขาทำเอาเธอหุบปากฉับ ข่มความโกรธเอาไว้ข้างใน แล้วหันมาเจรจากับเขาด้วยสันติวิธี “โอเค ฉันจำได้ แต่จำได้แล้วไงล่ะ ในเมื่อคืนนั้นเราต่างคนก็ต่างเมากันทั้งคู่ เรื่องที่มันเกิดขึ้น มันก็เป็นเพราะเราไม่มีสติ” “แต่ฉันมี แล้วฉันก็จำได้ทุกอย่างได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ต้องให้สาธยายด้วยไหมว่าอะไรบ้างที่ฉันจำได้" เขาแทรกขึ้นทันควัน “ต้องการอะไร เงินเหรอ" เธอจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง แน่นอนเธอยังไม่พร้อมจะเลี้ยงต้อยตอนนี้ แค่คิดว่าอีกฝ่ายเข้ามาเพราะหวังให้เธอเลี้ยงดูส่งเสีย ประหนึ่งจะเอาเรื่องนี้มาแบล็กเมล เธอก็ส่ายหน้าหวือทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD