คาราวะนางจิ้กจอกเฒ่า
เรือนสุ่ยเซียน ภายในจวนเซียว
หยุนเมี่ยงได้รับการดูแลจากสาวใช้ที่ติดตามมาด้วยจากบ้านเกิด(เมืองกุย) ฝ่ายนั้นคันปากยิบๆ แต่จะพูดสิ่งใดก็ยังไม่กล้า ส่วนแม่นมของหยุนเมี่ยงถอนหายใจเป็นหนที่สามแล้ว
เห็นดังนั้น นางจึงหรี่ตามอง ก่อนส่งเสียงขึ้น
“ไม่คิดว่าข้าจะรำคาญหรือ แม่นมจง”
ได้ยินคุณหนูที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และสีหน้าตึงจัด จงลี่ก็อธิบายสิ่งต่างๆ อย่างละเอียดว่า
“แผนของเราไม่เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ ผิดพลาดหลายอย่างทีเดียว”
“หมายความว่าอย่างไร”
ทั้งที่ภายในห้องโถงเรือนหลังนี้ มีแต่คนของพวกนาง ทว่าจงลี่ไม่อยากให้สิ่งใดเล็ดลอดออกไปข้างนอก ยิ่งรู้ว่าแม่สามีของหยุนเสียนเป็นนางงูพิษ ย่อมต้องระวังทุกอย่างให้มากที่สุด
“นังชนชั้นต่ำ เยี่ยหลิง... ถูกสายของเราจับส่งห้องหอคุณชายใหญ่ก็จริง ทว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทั้งคู่ต่างนอนหลับ รุ่งเช้ามีหมอตำแย มาตรวจร่างกาย... และพบว่านางยังบริสุทธิ์ หาได้มีสิ่งใดด่างพร้อย”
ได้ยินแล้วหยุนเมี่ยงจะไม่โกรธจนหน้าแดง และตัวสั่นได้อย่างไร ฝ่ายนางทั้งกลืนความอุ่นร้อนของเซียวเฮ่อป๋อ ด้วยปากล่างปากบน จนความสุขล้นทะลัก แข้งขาอ่อนแรง ทว่าอิงเยี่ยหลิง เพียงแค่นอนหลับ!
ให้ตายเถิด อิงเยี่ยหลิงจะสบายเกินไปแล้ว อย่างน้อยที่สุด นางต้องตกเป็นของเซียวหมิงเซินถึงจะถูก
“มารดาพวกมันเถอะ หรือว่าเรื่องนี้มีคนแอบช่วยนังชนชั้นต่ำนั่น”
ช่วยไม่ได้ที่หยุนเมี่ยงต้องร้าย ในเมื่อเกิดมาร้าย ทะลุมิติมาแล้ว ย่อมต้องไปให้สุด
จงลี่ส่ายหน้าช้าๆ และรีบตอบว่า
“ถึงอย่างนั้นก็ตาม การเข้าหอสำเร็จแล้ว เยี่ยหลิงคือสะใภ้ใหญ่... ส่วนคุณหนู...”
คิ้วโก่งสวยเลิกสูงขึ้น ในใจลุ้นคำที่จงลี่จะหลุดปากออกมา
“เป็นใบ้หรืออย่างไร รีบบอกข้าสิ”
“คุณหนูไม่ใช่ทั้งฮูหยิน หรืออนุของแม่ทัพเซียว... หากบ่าวได้ยินคนเรียกท่านว่า สตรีข้างห้องหอ!”
ใบหน้างามล้ำบิดเบี้ยวในทันที หยุนเมี่ยงถูกหมิ่นศักดิ์ศรีถึงเพียงนั้น ฐานะนางมิได้ด้อยไปกว่าใครเลย บิดานางคือ หยุนเหลียง แม้จะเป็นพ่อค้าเมื่อก่อน หากยามนี้ก็อยู่ในตำแหน่งขุนนางที่ดูแลการก่อสร้างกำแพงปกป้องแคว้นต้าจิน (ปัจจุบันเป็นเจ้าเมืองกุย) ทำงานอย่างลำบากรับใช้บ้านเมืองมาเกือบสิบปีเศษ และทำให้เมืองกุยมั่นคงไม่มีข้าศึกรุกราน
“พวกมันกล้าใช้คำนั้นกับข้าหรือ”
จงลี่ถอนหายใจอีกหน ยามนั้นเป็นสาวใช้ที่ชื่อฮึงซวน ร้องไห้โห นางกล่าวด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
“ขึ้นรถม้ากลับเมืองกุยดีหรือไม่เจ้าคะ บ่าว... ไม่อยากอยู่นครหลวงแล้ว”
หยุนเมี่ยงมองฮึงซวนและจงลี่สลับกันไปมา แม้นางจะทะลุมิติเข้ามาในนิยายเรื่องนี้ เป็นตัวร้ายของเรื่อง ทว่ายามนี้หลายสิ่งพลิกผลัน ต่อจากนี้อิงเยี่ยหลิง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสะใภ้ใหญ่ นางย่อมกำลังวางแผนต่างๆ นานา เพื่อจะทวงแม่ทัพเซียวคืน ส่วนหยุนเมี่ยงผู้นี้ ก็ต้องไม่ใช่แค่จะรับมือ แต่นางต้องก้าวนำหน้า จัดการทั้งนางเอก แม่ผัว... และแน่นอนผู้ที่ทำให้นางได้รับความอับอาย เป็นได้แค่สตรีข้างห้องหอของเซียวเฮ่อป๋อ
ดวงตากลมโตมองใบหน้าของตนในกระจกทองเหลือง มันดูซีดเซียว อีกทั้งดวงตาก็อิดโรย
“แต่งหน้าทำผมให้ข้าที... จากนั้นข้าจะไปคาราวะแม่ผัวสักหน่อย!”
หยุนเมี่ยงยืนอยู่หน้าประตูเรือนฮูหยินหม้าย สีหน้าสีตาบอกให้รู้ว่า นางมิอาจรอได้อีก
“ครึ่งชั่วยามแล้ว ข้ายังเข้าไปไม่ได้อีกหรือ น้ำชากับของว่างที่เตรียมมา คงเสียลดชาติหมดแล้ว”
หญิงสาวมองไปยังแม่บ้านชิว (ชิวหง)
“ขออภัยด้วย เรือนหลังนี้ต้อนรับเฉพาะ สตรีที่มีค่าพอ... ส่วนท่าน เชิญไปที่โถงรับรองนอก สถานที่ภายในมิสมควรให้ผู้อื่นยุ่มย่าม”
ชิวหงใช้สายตามองหยุนเมี่ยงอย่างดูถูก แน่นอนการกระทำเช่นนั้นเพราะชิวหง เป็นสาวใช้ข้างห้องของใต้เท้าเซียวมาก่อน แต่นางไม่มีบุตรให้เซียวเจ๋ง หลายปีผ่านไปจึงขยับมาทำหน้าที่แม่บ้าน
“เจ้าไม่รู้หรือว่า ข้าเป็นใคร?”
น้ำเสียงหยุนเมี่ยงไม่ได้ขุ่นมัว นางเตรียมใจมาแล้ว และหนทางที่จะสั่งสอนพวกหัวหงอก และหน้าเนื้อใจเสือ ในจวนแห่งนี้คือการมีอำนาจและถือกุญแจจวนทั้งหลัง ดังนั้นพวกมดปลวกไฉนหยุมเมี่ยงต้องใส่ใจ
ชิวหงคาดว่า คนที่มาจากเมืองกุยและรวยขึ้นจากสกุลค้าขายพืชผัก มีมิบิดาเป็นเจ้าเมือง และงานหนักคือดูแลการก่อสร้างกำแพงป้องกันแคว้น คงไม่อาจมีไหวพริบใดมากนัก ทว่ายามนี้ดวงตากลมโตฉายรังสีอำมหิต และมันดุกร้าว ทรงพลังมิต่างจากนางหงส์ในวังหลัง
“ทะ ท่าน... ก็คือแม่นางหยุน”
“รู้เช่นนั้น ข้ายังสมควรเข้าไปคาราวะผู้ใหญ่ด้านในหรือไม่”
ชิวหงกระอึกกระอึก และไม่ทันได้เอ่ยคำใด นางก็ถูกจงลี่ผลักอย่างแรงจนเสียหลัก จากนั้นบานประตูก็เปิดเข้าไปด้านในอย่างแรง
ฝ่ายเจียวจิกยี้ไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ยังวางมาดขึงขังใส่หยุนเมี่ยงในแบบฉบับแม่ผัวตัวร้าย
และคนที่อยู่กับเจียวจิกยี้คือ ลูกสะใภ้ใหญ่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งตำแหน่ง
อิงเยี่ยหลิง หันมามองหยุนเมี่ยง สายตาฝ่ายเต็มไปด้วยความสงสัย และนางไม่ได้ดูใสซื่อสักนิด ส่วนความงาม คงไม่ต้องบรรยายมาก ในเมื่อสตรีผู้นี้คือนางเอกของเรื่อง เป็นคนที่ทำให้เซียวเฮ่อป๋อคลั่งรัก และยอมถล่มทุกสิ่งอย่าง หลายครั้งหลายหนเพื่อนางแต่ผู้เดียว
“ท่านแม่ไม่ค่อยสบาย และหมอสั่งห้ามไม่ให้ถูกลม โดนแดดแรงๆ ไฉนท่านถึงได้ทำเสียงดัง และแสดงกิริยาเช่นนี้เล่าแม่นางหยุน หรือว่าที่เมืองกุยผู้คนล้วนไร้ซึ่งมารยาท”
“ท่านแม่!”
หยุนเมี่ยงทวนคำพูดอิงเยี่ยหลิงด้วยเสียงสูงทีเดียว และมองฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ข้ากล่าวไม่สมควรเยี่ยงนั้นหรือ... ในเมื่อข้าแต่งเข้าสกุลเซียวอย่างถูกต้อง และสิ่งที่ผิดพลาด ก็กลายเป็นเรื่องดีงามในวันนี้”
“ดี... ข้าปลื้มใจนัก ที่ได้พบสะใภ้ใหญ่ ซึ่งเป็นคนชั้นต่ำ แต่ยังได้รับการศึกษาจึงพอมีหัวคิดอยู่บ้าง เช่นนี้ต่อไป ข้าจะได้ไม่รู้สึกว่าเอาเปรียบคนไม่มีทางสู้”
อิงเยี่ยหลิงชะงักค้าง เมื่อได้ยินวาจาเผ็ดร้อนของหยุนเมี่ยง และเป็นตอนนั้นที่จิวเจียกยี้ อดทนไม่ไหว นางเอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำชา และเขวี้ยงมาใส่ร่างหยุนเมี่ยง พร้อมแผดเสียงราวกับนางงิ้วลงโรง
“นังโสเภณี แซ่หยุน ใครก็ได้ลากตัวมันออกไปที!”