กลืนได้อร่อยด้วย
ความหวานซึ้งแสนเร่าร้อนที่ตราตรึงจากการจูบและแลกลิ้นนั้น ทำให้หยุนเมี่ยงไม่ได้ต่อต้านคนตัวโตอีก แม้นางอาจจะเจ็บ จุก จนแทบขาดใจตาย ทว่าแรงปรารถนาและความต้องการจากภายในย่อมมากล้น
เซียวเฮ่อป๋อ คือรักแรกพบของหยุนเมี่ยง
สิ่งนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลง พอๆ กับ หยุนเมี่ยงต้องเป็นนางร้าย และตามรัก ตามตบตีสตรีทุกคนที่เข้าใกล้ชายหนุ่ม แน่นอนหนึ่งในหนามแหลมคมที่ทำร้ายหยุนเมี่ยงก็คือ อิงเยี่ยหลิง ผู้เป็นนางเอก
และนิยายเรื่อง วาสนานี้ใครครอง แต่เดิมเขียนไว้เช่นนั้น ทว่าเมื่อเสี่ยวไฉ ผู้มีชื่อแซ่เดียวกันกับตัวละครนางร้ายทะลุมิติมาสวมบทบาท นางย่อมต้องเปลี่ยนหลายสิ่งให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย เป็นนางร้ายพลิกบทบาท ให้ผู้อื่นสยบอยู่แทบเท้านาง
ซึ่งกล่าวถึงพื้นนิสัยของ เซียวเฮ่อป๋อ ในวัยหนุ่มเขาชอบดื่มสุราอยู่สักหน่อย ทั้งยังเป็นคนโวยวาย ปากร้ายเป็นที่หนึ่ง ซ้ำทั้งบิดา กับมารดาให้ความรักลูกชายคนโตมาก เมื่อมีการจัดงานแต่ง จึงยกเกี้ยวเจ้าสาวเข้าเรือนถึงสองหลัง
ฝ่ายเซียวเฮ่อป๋อก็แสดงอาการไม่พอใจเท่าใด แม้เขาเพิ่งก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพหนุ่ม ทว่าเขาควรได้รับเกียรติให้มีงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ และสตรีของเขาย่อมต้องเป็นฮูหยิน แต่มารดา หรือเจียวจิกยี้ ยื่นคำขาดว่า สตรีแซ่อิง แสนต่ำต้อยบิดาเปิดร้ายขายเต้าหู้ เป็นได้แค่อนุภรรยาเท่านั้น ซึ่งแม้เขาจะคัดค้าน ไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่อยากขัดใจมารดา อีกทั้งเห็นว่า พี่ชายคนโตก็ป่วยออดๆ แอดๆ ต้นเหตุ หากว่ากันตามตรงก็เป็นเพราะเซียวหมิงเซิน เอาตัวปกป้องน้องชายไม่ให้ถูกม้าพยศตัวหนึ่งเหยียบนั่นเอง เรื่องแต่หนหลังนี้ คือชนวนเหตุให้สกุลเซียว เกือบต้องบ้านแตก พี่ชายกับน้องชายผิดใจกัน สร้างหายนะที่นองไปด้วยเลือดทีเดียว
ดวงตากลมโตมองชายหนุ่ม หลังจากเขาถอนจูบหนักหน่วงออกไปแล้ว
เซียวเฮ่อป๋อ เผลออมยิ้มในสีหน้า อันที่จริงเขาชอบใจความรัญจวนเมื่อครู่นี้ แต่เป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจ จึงทำเสียงหยันในลำคอ และเอ่ยขึ้น
“ใช่ คงเป็นเพราะพิษราคะนั่น จึงทำให้ข้าก่อเรื่องเหลวไหล กับพี่สะใภ้เช่นนี้!”
หยุนเมี่ยงถลึงตามองคนตัวโต
นางโกรธเขาทีเดียว เข็มยักษ์เซียวเฮ่อป๋อแทรกลึกอยู่ในร่างกายนาง แต่กลับปากเสียเรียกนางว่า ‘พี่สะใภ้’
“หากข้าไร้ยางอาย นอนให้ท่านใช้มีดสั้นปลายทู่ๆ แทงร่างกายจนพรุนเช่นนี้ แล้วตัวท่านเล่า... เป็นคนเช่นไร ถึงได้ข่มเหงสตรีที่เป็นเจ้าสาวของพี่ชายตัวเอง”
หยุนเมี่ยงก็แค่ต้องการสาดคำเผ็ดร้อนทิ่มแทงใจเขา และมันได้ผลกับลาโง่เช่นเซียวเฮ่อป๋อ
โอ๊ะ พระเอกในนิยายเป็นทั้งลูกหมา ลาโง่... ช่างดีแท้ หยุนเมี่ยงหัวเราะหึๆ ให้อีกฝ่าย
“เจ้าช่างเล่นละครได้เก่ง ดี ข้าจะทำให้พี่สะใภ้จอมปลอมเช่นเจ้า เป็นสตรีที่มีมลทินไปชั่วชีวิต”
“โถ น้องสามี ล้อข้าเล่นแล้ว หากท่านยังมีน้ำยาอุ่นๆ มากพอ ก็จงสาดมันเข้าร่างกายข้าเสียทีเถิด นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม น้ำสักหยดจากหนอนของท่าน ก็ยังไม่หลั่งออกมา”
หยุนเมี่ยงในโลกที่จากมาไม่ใช่สตรีเหนียมอาย นางอาจไม่โดดเด่น หรือมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ทว่าหญิงสาวเคยได้มีบทรักโลดโผนกับชายหนุ่มบ้าง นอกจากนั้นยังเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายอีโรติกแบบสุดๆ หลังเลิกงาน เพราะต้องการคลายความเครียด และถวิลหาผู้ชายแสนดีคลั่งรักที่ไม่มีอยู่จริงในโลกใบเดิมจึงพอล่วงรู้ว่า แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ ถนัดรุกหนักหน่วงอย่างเดียว ดังนั้นจึงแขวะเซียวเฮ่อป๋อ พอให้เขาต้องฉุนเฉียว เกิดโทสะ นั่นคงทำให้เขาเลิกข่มเหงนางเสียที
ทว่าแม่ทัพหนุ่มกับทำในสิ่งตรงกันข้ามที่หยุนเมี่ยงคิด
ฝ่ายเซียวเฮ่อป๋อค่อยๆ แก้มัดข้อมือนางที่ผูกไว้กับหัวเตียง จากนั้นก็จับให้นางนั่งหันหลัง และเคลื่อนร่างใหญ่โตมาอยู่ข้างหลัง เมื่อร่างกายแนบชิดกัน ซึ่งความรู้สึกของหยุนเมี่ยงนั้น นางยอมรับว่า ได้ตอบรับอีกฝ่ายอย่างไม่อิดออด
ทว่าด้วยท่าทางที่โลดโผนอยู่สักหน่อย นางจึงตื่นเต้นจัด และหวาดหวั่นเกินไป จึงทั้งตอด ทั้งบีบรัดเขาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะต้องจุกคับแน่นไปหมด
ความใหญ่โตเคลื่อนเข้าสู่ภายในกลีบงามฉ่ำแฉะ เดี๋ยวถลำลึก เดี๋ยวเคลื่อนอยู่ปลายทางพอให้เสียววูบวาบ
และสองมือใหญ่รอดใต้วงแขน นวดเค้นคลึงสลับการบด
บี้ปลายถัน ส่วนริมฝีปากเขาก็จูบไปทั่วแผ่นหลัง ซอกคอ และละเลียดขบเม้มติ่งหูนาง
ลูกหมา เขาเป็นลูกหมาไม่มีวันเปลี่ยนเสียจริง
ซึ่งเหมือนอีกฝ่ายจะล่วงรู้ความคิดนาง เขาจึงปรามว่า
“หากเจ้าต่อว่าข้าเป็นลูกหมาให้ได้ยินอีกหน ขอเตือนว่า ข้าจะให้เจ้ารับผิดชอบ คำเหยียดหยามนั้นอย่างสาสมทีเดียว”
นั่นไง... ปีศาจร้ายกลับเข้าตัวเซียวเฮ่อป๋อแล้ว คนอย่างเขาคงเป็นพระเอกนิยายที่ บ้าตัณหา ซาดิสต์ และไร้หัวใจกับนางร้ายแสนสวยผู้นี้อย่างที่สุด
หยุนเมี่ยงไม่อยากพูดร้ายๆ กับคนที่กำลังส่งความแข็งขันเข้าสู่ภายในร่างกายนาง ยามนี้ ร้อนฉ่าเหลือเกินแล้ว และก็อยากครางให้ลั่นไปทั่งจวนเซียว
“อะ มะ ไหว ข้าไม่ไหวแล้ว อื้อ... อ๊ะ อ่าส์.... เมื่อไหร่ท่านจะหลั่งออกมาเสียที ”
เซียวเฮ่อป๋อได้ใจยิ่งนัก เขาปราบพยศนางได้ อีกทั้งคงสร้างความสุขให้หยุนเมี่ยงจนนางร่ำร้องขอให้เขาสาดความอุ่นข้นสีขาวขุ่นออกมา
“ได้... ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา แต่ต้องกลืน... กลืนมันให้หมด มิเช่นนั้นข้าจะทำโทษเจ้าไปอีกสามวันสามคืน”
“กลืน...”
หยุนเมี่ยงใจสั่น และตัวร้อนจี๋ ขณะเดียวกันกลีบดอกไม้ก็บีบรัดเขาอย่างจงใจ
“อ๊า เจ้าพร้อมจะกลืนมันแล้วหรือ...”
“มะ ไม่รู้... ท่านเป็นคนไร้ยางอายเช่นไร ถึงถามคำพูดสัปดนกับสตรีที่ไม่เคยเข้าหอกับบุรุษเช่นนี้”
เขาไม่ตอบ หากค่อยๆ ประคองร่างนางให้ลุกขึ้นยืน ยามนั้น หยุนเมี่ยงผวาไปหมด มือนางจึงคว้าคานไม้ด้านเตียงบนเหนือศีรษะพเอาไว้ ส่วนเขาอยู่ในท่าที่ถนัด ยืนเต็มความสูง
ดังนั้น แรงจากเอวสอบจึงส่งความใหญ่โตอัดใส่ความงามของสตรีอย่างถี่กระชั้นกว่าเดิม