“นี่! คุณโจรขอร้องล่ะ ให้ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม ฉันจะไม่ไหวแล้ว ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย” เธอหันไปโอดครวญหวังให้หัวหน้าโจรเห็นใจ พลางขยับขาบิดตัวไปมา
“อยู่เฉยๆ อย่าพูดมาก ไม่งั้นฉันยิงสมองกระจายแน่” นอกจากจะไม่ได้ความเห็นใจแล้ว โจรตัวร้ายยังขู่เสียงเขียว ในขณะที่เธอก็มีสีหน้าเหยเกจนเขาใจไม่ดี
“ฟาฮัส ปล่อยผู้หญิงไป แล้วฉันจะยอมปล่อยแก” คำพูดของชีคหนุ่มทำเอาเหล่าองครักษ์พากันหันขวับมามองอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ฮ่าๆๆ ไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้เห็นจุดอ่อนของแก แบบนี้ค่อยสนุกหน่อย อยากรู้นักถ้าแกเห็นนังนี่มันตายไปต่อหน้าต่อตา แกจะทำหน้ายังไง จะลงไปนอนดิ้นอยู่กับพื้นแล้วตายตามมันไปด้วยไหม จุ๊ๆๆ ฉันแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นแกทรมาน” ชีคหนุ่มกำหมัดแน่นเส้นเลือดปูดโปน อยากจะเข้าไปขย้ำคนปากดีให้มันตายคามือ
“ฉันเอาเกียรติของฉันเป็นประกัน ถ้าแกยอมปล่อยผู้หญิง ฉันจะยอมปล่อยแก” ชีคหนุ่มย้ำประโยคเดิมอย่างไม่มีทางเลือก
“แบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร สู้เห็นแกทรมานอยู่ตรงหน้ามันส์กว่าเยอะ” สีหน้าเหี้ยมเกรียมกับดวงตาที่สาดประกายอำมหิตทำเขาใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งๆ ที่คนของตัวเองประจำอยู่ตามจุดต่างๆ รอเพียงสัญญาณปลิดชีพศัตรู แต่เขาก็กลัวเกินกว่าที่จะทำเช่นนั้น ด้วยกลัวว่ามันจะเสี่ยงต่อเธอเกินไป
“ฮ่าๆๆ หน้าแกตอนนี้ตลกสิ้นดี ฉันล่ะอยากให้แกเห็นตัวเองตอนนี้จริงๆ ว่ะ” ฟาฮัสหัวเราะสะใจ ในขณะที่พรสวรรค์นั้น...
“ไม่ไหวแล้วโว้ย! ผัวะ!” ข้าศึกที่กำลังบุกประชิดติดกำแพงเมืองอยู่รอมร่อ ทำให้ความอดทนอดกลั้นของเธอสะบั้นลงจนต้องหันขวับมาเตะผ่าหมากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าผู้ชายทุกคนที่เจอแบบนี้แบบไม่ทันตั้งตัวไม่ว่าใครก็ต้อง...จุก
“มันจะแหกด่านออกมาอยู่แล้ว ผัวะ!” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะทรุดลงไปกองกับพื้น สองมือของเธอก็ตบไปที่บ้องหูของอีกฝ่ายแรงๆ
“ก็บอกว่าปวด...ๆ มัวแต่คุยกันอยู่ได้ พูดไม่รู้เรื่องก็ยังขยันพูดอยู่ได้ (เอ่อ...เธอไม่รู้เรื่อง แต่คนอื่นรู้เรื่องนี่นา) ไม่เข้าใจหัวอกคนปวด...รึไงว่ามันทรมานขนาดไหน พูดแล้วก็ขนลุกขึ้นมาทันที ฮึ่ย! ก่อนไป ขออีกสักทีเถอะ ผัวะ!” เธอกระทืบเท้าใส่คนที่ลงไปนอนกุมเป้าหน้าดำหน้าแดงอยู่กับพื้นด้วยความโกรธกรุ่น ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“อย่าตามมานะ ใครตามมา ฉันเอาตาย” เธอหันมาตะโกนบอก ทำเอาทหารที่จะตามไปคุ้มกันพากันหยุดชะงักแทบไม่ทัน
“อานุภาพจากความปวด...ช่างรุนแรงนัก ทำวายร้ายที่เราตามล่ามาตั้งหลายปีต้องสิ้นลายหงายเงิบไม่เป็นท่า ว่าก็ว่าเถอะตามจับมันมาก็ตั้งนาน ใครจะคิดว่ามันจะมาพลาดท่าเสียทีเพราะ...ๆ ฮ่าๆๆ เสียชาติโจรใจโฉดชะมัด แต่ทั้งหมดนี่คงต้องยกความดีความชอบให้คุณเขานะ ปวด...ได้ถูกที่ถูกเวลามาก” ฮารีฟพูดไปก็ขำไปมองคนที่ยังนอนจุกจนพูดไม่ออกอยู่กับพื้นด้วยความสังเวช ในขณะที่ชีคหนุ่มได้แต่ยืนถอนหายใจ ไม่รู้จะโล่งใจ ภูมิใจ หรือปวดหัวใจกับเธอก่อนดี
ตัดมาที่เธอ ผู้ซึ่งกลายเป็นฮีโร่ในใจของทุกคนไปแล้วตอนนี้ เอ่อ...แต่ดูเหมือนวีรกรรมนั้นจะไม่ได้ทำให้เธอภูมิใจสักเท่าไหร่ ตรงกันข้ามเธอหลังปลดทุกข์เสร็จก็กำลังกลัดกลุ้มอย่างแสนสาหัสจนต้องเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น ไม่กล้าเดินกลับไปยังที่ที่ตัวเองเคยแสดงวีรกรรมเอาไว้
“ฉันทำอะไรลงไป ฉันโพล่งเรื่องน่าขายหน้าแบบนั้นออกมาต่อหน้าทุกคนได้ยังไง แล้วฉันจะกลับไปสู้หน้าใครได้ ฮือ! ความเป็นกุลสตรีของฉันถูกทำลายด้วยน้ำมือของฉันเอง ฉันคงไม่สามารถกลับไปพบหน้าใครได้อีก ลาก่อนทุกคน” เธอหันหลังเดินคอตกจากไป ประหนึ่งนางเอกเอ็มวี..........แต่ดันเป็นเอ็มวีที่นางเอกถูกลากมาตบกลางสี่แยก
“เอ้า! ทำธุระเสร็จแล้วเหรอครับ ทำไมไวจัง” คำถามนี้ของฮารีฟทำเอาเธอชาไปทั้งตัว ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับมา แต่ยังไม่จบแค่นั้น
“คุณนี่ก็เก่งนะครับ สถานการณ์คับขันแบบนั้นยังอุตส่าห์หาห้องน้ำได้”
‘ก็เพราะมันคับขันไง ฉันถึงได้สู้ยิบตา ไม่อย่างนั้นมันคงได้แหกด่านออกมาให้ได้อายมากกว่านี้ แล้วก็กรุณาอย่าเรียกไอ้สิ่งนั้นว่าห้องน้ำ เรียกมันว่าคอกกั้นวันไนท์แสตนเหอะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย สาบานว่าจะไม่ยอมเข้าห้องน้ำแบบนี้อีกเป็นเป็นอันขาด เอ่อ...ถ้าไม่จำเป็น ก็มันทั้งเหม็นทั้งสกปรกอะ แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นมันอยู่ที่...ทำไมนายต้องรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาด้วย กรี๊ด...! ฉันจะฆ่านาย’ เธอกรีดร้องในใจในขณะที่ยังยืนหันหลังให้ เอ่อ แต่ประเด็นมันยังไม่จบ เมื่อฮารีฟยังคงพล่ามต่อ
“จังหวะนรกขนาดนั้นถ้าเป็นผม คงกระโดดเข้าพงหญ้าข้างทางไปแล้ว ผมนี่โคตรนับถือคุณเลย คนอะไรอั้นเก่งชะมัด” เอ่อ...นี่ชมหรือว่าซ้ำเติมกันแน่ ซึ่งดูเหมือนคำชมนี้จะทำให้เธอต้องหันขวับกลับมามองตาขวาง แต่...ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ฮารีฟ แต่ยังมีอีกหลายสิบชีวิตที่กำลังจับจ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียว
“เฮือก! ยกกันมาทั้งโขยงแบบนี้ แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะนายคนเดียวไอ้คนปากเปราะ ฉันจะฆ่านาย” พรสวรรค์หันขวับมามองที่ฮารีฟราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้ ในขณะที่ฮารีฟทำได้เพียงกลืนน้ำลายและยืนนิ่งราวกับถูกตรึงไว้
“อย่าพูดเรื่องนี้อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะให้กุมารทองหักคอนายซะ” พรสวรรค์โน้มลงไปกระซิบใกล้ๆ
“เอื๊อก!” คนกลัวผีขึ้นสมองกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“ดีมาก หวังว่าฉันจะไม่ได้ยินเรื่องนี้จากนายหรือจากใครอีก” พรสวรรค์กระซิบเสียงหวาน ต่างกับมือที่กำลังบีบต้นแขนอีกฝ่ายจนสุดแรง แต่ให้ตายเถอะ! ภาพที่เธอกำลังจับแขนฮารีฟกลับทำให้ใครบางคนรู้สึกหงุดหงิด
“จะกลับกันได้รึยัง ไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งไว้ที่นี่” ชีคหนุ่มบอกเสียงไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปยังรถที่มาจอดรออยู่ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“จะกลับไม่กลับ” เขาหันมาถามเสียงขุ่น เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่รีบตามมา
“เฮ้ย! กลับสิ จะอยู่ทำไมเล่า วันนี้ตายไปตั้งหลายศพ ขืนอยู่ได้โดนผีหลอกจนจับไข้หัวโกร๋นแน่ ยิ่งตายโหงแบบนี้ด้วย...คงเฮี้ยนน่าดู เย้ย! รอฉันด้วย” ว่าแล้วคุณเธอก็รีบวิ่งไปหาชีคหนุ่มทันที แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่วิ่งนำไปก่อนดันเป็นฮารีฟ เพราะทันทีที่ได้ยินคำว่าผีฝีเท้าก็เหมือนติดสปีดวิ่งขึ้นไปนั่งบนรถก่อนใครเพื่อน