ปัง ปัง ปัง................................
ฝั่งคนร้ายกราดยิงทั่วทุกทิศทาง ในขณะที่คนของเขาที่แอบซุ่มอยู่ก็ยิงตอบโต้กลับไปเพื่อคุ้มกันนายเหนือหัวของพวกเขาไว้สุดชีวิต สองฝั่งจึงยิงต่อสู้กันเสียงดังสนั่น
“เอานี่ไว้ แล้วก็อย่าอยู่ห่างจากฉันเป็นอันขาด” เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงส่งปืนไว้ให้เธอกระบอกหนึ่งเอาไว้ป้องกันตัวยามคับขัน
“ตัวแทนแห่งดวงจันทร์ จะลงทัณฑ์แกเอง ไอ้พวกขายชาติ พวกแกตายแน่” เธอเต๊ะท่าเป่าปากกระบอกปืน เอ่อ...แต่มันใช่เวลาไหมเนี่ย เขายิงกันหูดับตับไหม้ แต่คุณเธอกลับ...เฮ้อ!
“ตามมาเร็ว” เขาออกจากที่กำบังไปอีกฝั่ง โดยไม่ลืมลากเธอมาด้วย
ปัง ปัง ปัง .................. ชีคหนุ่มยิงฝ่ายตรงข้ามขณะพยายามพาเธอหลบกระสุนไปทาง
“ทำไมไม่ยิง” เขาตะโกนถามแข่งกับเสียงปืนที่ยังดังสนั่น
“ฉันยิงไม่เป็น” เธอตะโกนตอบด้วยตัวสั่นงันงก ทำเอาฮารีฟที่คอยตามยิงคุ้มกันอยู่ด้านหลังต้องหันขวับมามองแวบนึง ถ้าไม่ติดว่าสถานการณ์ยังไม่สู้ดีตอนนี้ เขาคงได้หันไปถามว่า...แล้วไอ้ท่าทางถือปืนอย่างฮึกเหิมเมื่อกี้มันคืออะไร
“เฮ้ย! ปัง” คนร้ายที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ โชคดีที่เธอเห็นเข้าซะก่อน มือมันเลยลั่นไปเอง แต่มันดันเข้าเป้า
“แม่นมาก” ฮารีฟอุทาน ก็ไอ้เป้าที่เธอยิง มันคือเป้าจริงๆ เพราะมันคือเป้ากางเกง เห็นแล้วก็หวาดเสียวแทน จะตายก็ไม่ตายในทีเดียว ได้แต่นอนทุรนทุรายอยู่กับพื้นด้วยความทรมาน
“เฮือก! ปัง!” อีกครั้งที่เธอยิงเข้าเป้า...กางเกงคนร้าย
“อูว!” เต็มๆ” ฮารีฟหันมาชื่นชมก่อนจะหันไปยิงคุ้มกันให้ต่อ กระทั่งทั้งหมดเข้าที่กำบังได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นจุดที่เห็นคนร้ายได้อย่างชัดเจน คุ้มค่ากับการที่พวกเขายอมฝ่าดงกระสุนมา
“กรี๊ด...! ปัง ปัง ปัง..............” ด้วยจุดที่เธออยู่มันเป็นจุดที่เห็นชัดจริงๆ แล้วไอ้สิ่งที่เห็นชัดที่สุดมันก็ดันเป็นเป้า...กางเกง ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงกรีดร้องแล้วก็หลับหูหลับตาหลบเลี่ยงไม่มองภาพอุจาดตาพวกนั้น ต่างกับเธอที่จับจ้องและยิงเอาๆ กระทั่งกระสุนหมด
“สาบานว่ายิงไม่เป็น แม่เจ้า! แม่นประหนึ่งเหรียญทองโอลิมปิก” ฮารีฟหันมามองคนยิงด้วยทึ่ง ก่อนจะหันไปมองพวกที่บ้างก็นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น บ้างก็แน่นิ่งไปแล้วด้วยความสยดสยอง
“อี๋! อุจาดตาสุดๆ” เธอไม่ได้สนใจในคำพูดของฮารีฟแม้แต่น้อย ด้วยมัวแต่ขนลุกขนพองกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเห็นไป แต่คิดไปคิดมาก็น่าสงสารไอ้คนพวกนั้นที่ต้องมาเจ็บมาตายด้วยข้อหาอนาจารแบบไม่รู้ตัว
“เธอไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ใช่ไหม” เขาขึ้นเสียงด้วยความโมโห นึกเอะใจตั้งแต่แม่คุณเห็นของในลังอาวุธสงครามพวกนั้นแล้ว มาแน่ใจก็ตอนที่เธอยิงแต่เป้าไอ้พวกนั้นนี่แหละ
“ก็มันไม่ชิน แล้วมันก็เคืองตาสุดๆ ว่าแต่...แล้วคุณจะโมโหทำไมเนี่ย” ท้ายประโยคเธอขึ้นเสียงกลับไป
“ยังจะมีหน้ามาถาม เสร็จจากนี่เมื่อไหร่ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน ทุกเรื่องเลยด้วย” ชีคหนุ่มยังคงโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ถ้าไม่ติดว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวย เธอกับเขาคงได้เคลียร์กันยาว
ปัง ปัง ปัง......................................... ทั้งหมดยังคงยิงต่อสู้กันอย่างไม่ลดละ กระทั่งเสียงปืนเงียบลงพร้อมกับคนร้ายที่นอนตายเกลื่อน คนของชีคหนุ่มพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาเคลียร์พื้นที่ ตอนนี้เองที่เขาคิดจะหันมาเคลียร์กับคนข้างๆ ตามที่พูดเอาไว้
“แล้วพรสวรรค์ล่ะ” ชีคหนุ่มทำหน้านิ่ว เมื่อพบว่าคนที่อยากเคลียร์ด้วย บัดนี้ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
“ก็อยู่...เอ้า! หายไปแล้ว” ฮารีฟตั้งใจจะตอบ แต่พอหันมาพบว่าข้างๆ มีแต่ความว่างเปล่า จึงได้แต่เกาหัวแกรกๆ จากนั้นทั้งหมดก็พากันออกตามหาเธอกันให้วุ่นงาย
ตัดภาพมาที่ต้นเหตุแห่งความวุ่นวาย
“ปวดตอนไหนไม่ปวด มาปวดทำไมตอนนี้เนี่ย ปวดได้ถูกที่ถูกเวลามาก ฮือ! สุขาจ๋าอยู่หนใด” เธอมองหาห้องน้ำด้วยความลนลาน เมื่อข้าศึกบุกประชิดใกล้ถึงเมืองหน้าด่านเข้าไปทุกที แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างคนอยากปลดปล่อยสักเท่าไหร่
“อย่าขยับ ไม่งั้นฉันยิงไส้แตก” เสียงขู่พร้อมกับของแข็งที่จ่ออยู่ด้านหลัง ซึ่งมันเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากปืน ทำเอาพรสวรรค์ยืนตัวแข็งทื่อไปเลย
“เดิน” เสียงผู้ชายคนเดิมขู่พลางออกแรงผลักเธอด้วยปืนที่อยู่ด้านหลัง
“ขอฉันเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม สัญญาว่าจะไม่หนีไปไหน ขอไปปลดทุกข์แป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมาให้จับเหมือนเดิม” เธอพยายามวอนขอพร้อมกับบิดไปมาอย่างพยายามอั้นทุกข์หนักเอาไว้
“เชื่อก็โง่แล้ว อย่าพูดมาก เดินไป” คนร้ายตวาดเสียงเขียว ปืนที่จ่ออยู่ด้านหลังก็ดันจนเจ็บไปหมด ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงตะโกนด่าไปบ้างแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้ เธอกลัวว่าถ้าเธอตะเบ็งเสียงออกมา บางอย่างมันจะตามออกมาด้วย
“เฮ้ย! วางอาวุธให้หมด ไม้งั้นนังนี่ตาย” ฟาฮัสวายร้ายตัวฉกาจที่พวกเขาพยายามตามล่าจนแทบพลิกแผ่นดิน บัดนี้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า แต่คงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ได้มาพร้อมตัวประกันซึ่งมีอิทธิพลต่อเขา และมันกำลังทำให้เขากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“คงไม่คิดสินะว่าฉันจะรู้จุดอ่อนของแก ต้องขอบใจนังนี่ที่ออกมาได้ถูกเวลา ไม่งั้นฉันคงไม่มีโอกาสเห็นหน้าที่เหลือไม่ถึงสองนิ้วของแก” ฟาฮัสแสยะยิ้มสะใจพลางเลื่อนปืนจากด้านหลังมาจ่อตรงหัวเธอแทน
“ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไป ถึงแกทำอะไรเขาฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร” ชีคหนุ่มพยายามควบคุมสติข่มจิตข่มใจที่กำลังพลุ่งพล่านเพื่อหลอกให้อีกฝ่ายตายใจ
“ฮ่าๆๆ แกคิดว่าฉันจะโง่หลงเชื่อแผนตื้นๆ ที่แกใช้หลอกคนของฉันเมื่อตอนกลางวันงั้นสิ หึๆ แกประเมินฉันต่ำไปอัฟฟาน”
“ต่ำไหมฉันไม่รู้ แต่มันก็ทำให้แกกับคนของแกติดกับแล้วก็พลาดไปแล้วอย่างที่เห็น” เห็นฟาฮัสกำลังโมโหจนหน้าแดงก่ำ ชีคหนุ่มจึงแอบส่งสัญญาณมือให้คนของตัวเองแอบไปแฝงตามจุดต่างๆ เพื่อรอเวลาเหมาะสมที่จะจัดการกับศัตรู
“ฉันอาจจะพลาดที่หลงกลแผนตื้นๆ ของแก แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะเอาคืนจากแกให้สาสม แกจะต้องทรมานไปจนตาย...อัฟฟาน” ฟาฮัสประกาศกร้าว ยิ่งเห็นสายตาหวาดหวั่นที่ปิดไม่มิดของชีคคู่อริก็ยิ่งสาแกใจขยับปืนจี้ไปที่ขมับของพรสวรรค์แรงๆ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างฉันกับแก ปล่อยผู้หญิงไป แล้วแกกับฉันมาเคลียร์กันแบบลูกผู้ชาย” การเห็นเธอตกอยู่ในอันตรายเป็นตายเท่ากัน เขาเองก็หลุดการควบคุม ไม่นิ่งเหมือนเคย โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงร่ำร้องของเธอ
‘ฮือ! พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย ลูกจะไม่ไหวแล้ว’ ให้ตายเถอะ! เสียงนี้ของเธอมันทำให้เขาต้องกำหมัดแน่น ร่ำๆ อยากจะเข้าไปกอดปลอบให้เธอหายกลัว โดยหารู้ไม่ว่าไอ้ที่เธอร่ำร้องไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะกำลังปวด…