เธอผู้ถูกเลือก

3753 Words
เธอผู้ถูกเลือก ครู่ต่อมาลูกหลานที่เป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมดของพัทธิพงค์ก็มายืนเรียงรายกันอยู่ต่อหน้าพัทธิพงค์ ธนากร และธนกฤตที่เริ่มกระวนกระวายใจที่แผนไม่เป็นตามที่คิด'ป๋านะป๋า คิดทำอะไรอีกเนี่ย' “เอาตรงๆเลยนะ ฉันไม่ถูกใจสักคนเลย ลูกๆหลานๆแกดูเรียบร้อยเกิน ลูกสะใภ้ฉันต้องออกแนวแสบๆสักนิด ไม่ค่อยฟังคน ชอบช่วยเหลือ และเอาไอ้ร้ายเงียบนี้อยู่หมัด ยังพอมีอีกมั้ย” ธนากรเอ่ยบอกหลังจากใช้เวลาพิจารณามาเกือบครึ่งชัวโมงก็ยังไม่มีใครทำให้เขาอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ไว้สั่งสอนพ่อคนร้ายเงียบสักคน “ไอ้มีมันก็มีอยู่ ฉันมีหลานอีก3คนแสบๆ ซนๆทั้งนั้น แต่...” “ไม่ต้องแต่เรียกมาเลย ฉันจะเลือก” ไม่ทันที่พัทธิพงค์จะอธิบายธนากรก็เอ่ยขึ้น ทำให้พัทธิพงค์ต้องให้เพชรดนัยไปเรียกหลานๆทั้งสามที่ดีกรีความแสบไม่ยิ่งหย่อนกันมา “นี่พรรณาราย นั่นพิมลพรรณ ส่วนนังหนูนี่พิมพ์ลภัสนังหนูนี่เป็นลูกเจ้าเพชรที่ธามเป็นพ่อทูนหัว” พัทธิพงค์เอ่ยบอกเพื่อนรักและไม่ลืมบอกว่าพิมพ์ลภัสนั้นเหมือนกับลูกบุญธรรมของธนกฤตก่อนจะหันมองแม่หนูพิมพ์ลภัสที่ดูจะเด็กกว่าอีกสองคน 'หวังว่านังหนูพริกหวานของปู่จะไม่ได้สะดุดใจไอ้ธิวมันนะ ยิ่งแสบๆอยู่ คงไม่ล่ะพ่อธามกับนังหนูพริกหวานเป็นพ่อลูกกันนี่นา ' “มองทำไมลุง ไม่เคยเห็นคนเพิ่งตื่นไง๊” พิมพ์ลภัสที่อารมณ์เสียเพราะถูกปลุกในเช้าวันเสาร์ที่แสนสบายเอ่ยใส่ธนกฤตที่มองชุดนอนของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่พอใจ 'นี่เธอยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นหงุดหงิดชะมัด ' “นี่แม่พริกขี้หนู ใครเห็นก็ต้องมองล่ะน๊าหัวฟูซะขนาดนี้ โดนผีหลอกมารึไง” ธนกฤตเอ่ยบอก แต่จริงๆเขามองว่ามันน่ารักดีนะ แต่ภาวนาอย่าให้เจ้าหล่อนถูกเลือกรวมถึงทั้งหมดนั้นด้วยเขาจะได้กลับซะที “นี่อีตาลุงธามมายย ปากมีไว้วิจารณ์คนอื่นรึไง เหอะ นี่อย่าบอกนะว่ากลายเป็นพ่อหม้ายขันหมาก ปากแบบนี้ไงแม้แต่อาพลอยยังไม่เอา” พิมพ์ลภัสเอ่ยอย่างไม่พอใจ เจออีตาลุงนี่แต่ล่ะครั้งปากกัดตลอด “ยัยพริกขี้หนูไร้มารยาท ลามปามปีนเกลียวกันหลายครั้งแล้วนะ มารยาทต่อผู้ใหญ่นะมีมั้ยพ่อแม่สั่งสอนไม่รู้จักจำมีสมองไว้กั้นหูเหรอ” ธนกฤตร่ายยาวอย่างฉุนๆ น่ารักน่ะใช่แต่ปากเนี่ยมันน่าจับมาตีก้นซะจริง ธนากรมองลูกชายอย่างแปลกใจ ลูกเขาไม่ใช่คนใจร้อนแถมจากยศและอายุค้ำคออยู่ทำให้วางตัวนิ่งไม่ลดตัวมาทะเลาะ ต่อล้อต่อเถียงกับคนที่อายุน้อยกว่า 'นังหนูนี่ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ แล้วไอ้แววตาแบบนี้มันโกรธจริงหรือวะ ' “พ่อแม่สอน แค่หนูมีมารยาทแค่กับคนที่ดีด้วย ใครหาว่าหนูไร้มารยาทชาตินี้ไม่ม่วันจะดีด้วย ชิ” เด็กสาวว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนี ธนกฤตอ้าปากจะเถียงกลับแต่ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นซะก่อน “พอๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว” “พัทธิ์ ฉันเลือกแม่หนูนี่แหละถึงจะเด็กไปนิดแต่ก็ดูมีความคิดทันคน” ธนากรเอ่ยบอก ทำให้คนที่ถกเถียงกันอยู่ต้องหันไปมอง “ป๋า! เด็กนี่แค่ม.5 เองนะ” ธนกฤตเอ่ยในใจนึกเครียด 'นี่ป๋าเขาคิดอะไร หรือว่ามองความรู้สึกเขาออกนะ ' “อีกอย่างอาพัทธิ์ก็บอกแล้วไง พี่เพชรให้ผมเป็นพ่อทูนหัวเด็กนี่” ธนกฤตเอ่ยบอกพรางคิดในใจ 'อย่างน้อยเรื่องพ่อทูนหัวก็ดีตรงนี้แหละป๋าคงไม่ดึงดันแล้ว ' “เด็กม.5แล้วไง คนนี้แหละตรงตามที่ป๋าต้องการ ยังไงวันนี้แกต้องแต่ง อีกอย่างจำได้ว่าตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงตอนนี้แกก็ไม่รับเป็นพ่อทูนหัวนิ” คนเป็นพ่อเอ่ย ด้านลูกกลับหน้าซีดลง “เอ ถ้าจำไม่ผิดแกบอกว่า พี่เพชรแค่ตั้งชื่อให้ก็พอมั้ง ผมยังไม่โตพอจะเป็นพ่อทูนหัวใคร ใช่มั้ยเพชร พัทธิ์ไอ้ตัวดีมันพูดแบบนี้ใช่มั้ย” “แต่...ทางฝั่งพี่เพชรก็สอนพิมพ์ลภัสว่าผมเป็นพ่อทูนหัวนะ ทางนี้ก็พูดกันหมดว่าผมเป็นพ่อทูนหัวของพิมพ์ลภัส ใช่มั้ยพี่ คุณอา” ธนกฤตเอ่ยบอกพร้อมขอแรงสนับสนุนจากเพชรดนัยและพัทธิพงษ์ แต่เหมือนทั้งคู่จะถูกพ่อของเขาสั่งห้ามทางสายตาจนไม่กล้าตอบรับ “ถึงยังไงคนนอกก็ไม่รู้ ดังนั้นแต่งได้ถ้าไม่แต่งป๋าจะให้เจ้าธีไล่แกออกจากงาน” ธนากรพูด เจ้าธีหรือธีรวีน้องชายเขาเป็นหัวหน้าโดยตรงของธนกฤตนิยังไงลูกเขาก็ต้องยอมแพ้ “ไม่นะ นี่มันอะไรกัน เลือกเลิกอะไร “ พิมพ์ลภัสเอ่ยถามอย่างสงสัย ทำไมคนที่ธนกฤตเรียกป๋าต้องบอกว่าเลือกเธอ “ก็ป๋าเลือกให้หนูแต่งงานกับธามนะสิ ยังไงงานแต่งนี้ก็ต้องเกิดขึ้น” ธนากรเอ่ยบอกคนที่เขาเลือกมาเป็นสะใภ้แทนพรปวีร์ “ไม่เอานะ คุณปู่ หนูไม่แต่งกับอีตาลุงยักษ์นี่หรอกชนหนูล้มมาสองสามครั้งครั้งที่แล้วก้นยังระบมอยู่เลย หนูอายุแค่17เอง อีตาลุงนี่แก่กว่าตั้ง20ปีหนูไม่มีนโยบายมีสามีคราวพ่อค่ะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกพัทธิพงค์พร้อมทั้งแขวะคนคราวพ่อนิดๆ “ยัยเด็กแสบ ฉันอายุน้อยกว่าพ่อเธอตั้งหลายปี ไปแก่คราวพ่อเธอตรงไหน ป๋าผมไม่แต่งผมไม่ใช่โคแก่ ไม่กินหญ้าอ่อนผมจะกลับ “ ธนกฤตเอ่ย 'ก็อยากแต่งด้วยอยู่ถ้าเธอเกิดเร็วกว่านี้สัก7-8ปี นี่เธอเด็กเกินไป ยังมีอนาคตที่รอเธออยู่ ' “ถึงจะชนหนูล้มหลายทีแต่ถ้าไม่มีธามหนูกับแม่อาจจะตายในกองเพลิงก็ได้นะนังหนู แล้วก็ได้ข่าวว่าเดือนก่อนก็ช่วยเราไว้ตอนจมน้ำนิ” คนเป็นปู่ของเด็กสาวเอ่ยบอก 'เพื่อนเขาเด็ดขาดเลือกแล้วเลือกเลย ถ้าบอกว่าเป็นพิมพ์ลภัสให้ตายยังไงก็ต้องทำให้พิมพ์ลภัสมาเป็นลูกสะใภ้ให้ได้ถึงตอนนั้นมันจะอ้างสัญญากับบุญคุณที่มีมาของเขากับหลานเลยก็ได้ ช่วยมันไปดีกว่า ' “ต้องแต่ง งานนี้ผู้หลักผู้ใหญ่มาเยอะ แต่งๆไปก่อนนังหนูนี่จบม.6ค่อยหย่าก็ได้” 'ถ้าวันนั้นยังยืนยันจะหย่านะ' ธนากรบอกแต่ประโยคหลังเขาพูดมันแค่ในใจเท่านั้น “ไม่!!!” คำเดียวสั้นๆจากปากของทั้งคู่ไม่ได้ทำให้ธนากรยอมแพ้เลิกล้มความคิดไม่ “คอยดูล่ะกัน พวกแกต้องยอมแต่งแน่” ธนากรเอ่ยบอก ธนกฤตและพิมพ์ลภัสยังคงยืนยันเหมือนเดิม 2ชั่วโมงต่อมา โห่.......โห...ฮิ้ว....โห่.......โห...ฮิ้ว.... โห่.......โห...ฮิ้ว.... เสียงโห่สามลาจากต้นขบวนขั้นหมากดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้ทราบว่าขบวนขันหมากพร้อมที่จะเคลื่อนขบวนไปสู่บ้านของเจ้าสาวแล้ว เสียงโห่สุดท้ายดังขึ้นก่อนที่วงกลองยางบรรเลงขึ้นรับหน้าที่ต่ออย่างครื้นเครง บรรดาญาติๆของเจ้าบ่าวในขบวนต่างพากันสนุกคึกครื้นผิดกับผู้เป็นเจ้าบ่าวอย่างธนกฤตที่ทำหน้ากล้ำกลืนอยู่ 'ทำไมเขาถึงยอมได้วะ' ธนกฤตได้แต่ถามตัวเองในใจขณะที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนในขบวนขันหมากที่ตั้งห่างจากบ้านของพัทธิพงค์หนึ่งกิโลเมตร หลังจากที่ปฏิเสธอยู่นานจนชายหนุ่มเริ่มรำคาญจึงยอมตอบตกลงเพื่อตัดรำคาญ และพิมพ์ลภัสเองก็ทำเหมือนกันก่อนที่ช่างแต่งหน้าพาเธอไปแต่งตัวส่วนเขาก็กลับออกมาที่ขบวนขันหมากหน้าปากซอยบ้านพร้อมกับธนากรจะได้ไม่ต้องทนฟังธนากรเกลี่ยกล่อมให้รำคาญ 'ก็แหงล่ะป๋าดันยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาพูดจนเขาและเธอรำคาญที่จะฟังนิ ' “ยืนบื้ออะไรอยู่วะไอ้ธาม ขบวนเริ่มเคลื่อนแล้ว” เพลิงตะวันที่ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนยังยืนนิ่งอยู่ทั้งที่หัวขบวนนั้นเริ่มเคลื่อนตัวแล้ว จริงๆวันนี้คนที่ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวคงต้องเป็นเขากับพีรวัศแต่ พีรวัศกลับยังเข้าใจว่าพรปวีร์เป็นเจ้าสาวจึงทำใจไม่ได้ขอปฏิเสธด้วยข้ออ้างว่าพาลูกสาวไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวหลังสอบกลางภาค “ให้ตายเถอะ” ธนกฤตเอ่ยออกมาก่อนจะเริ่มเดิน 'ก็ดีใจอยู่นะแต่อายุเธอนี่สิ เครียดเว้ย ซวยจริงๆ' เมื่อขบวนขันหมากแห่มาถึงบ้านของเจ้าสาวและผ่านด่านประตูเงินประตูทองมาได้ธนากรก็ให้ธนกฤตไปพาเจ้าสาวลงมาจากห้องแต่งตัวเพื่อทำบุญตักบาตรร่วมกัน ธนกฤตเดินตามทางเดินขึ้นมาถึงห้องของพรปวีร์ที่ถูกเปลี่ยนเป็นห้องแต่งตัวที่เขาเคยเข้ามาเมื่อตอนเช้าพร้อมกับธนากรก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตู “สวัสดีครับพี่ลดา” ชายหนุ่มเอ่ยทักภรรยาของเพชรดนัยอย่างคุ้นเคย ก็เธอคนนี้เป็นเพื่อนกับพี่สาวคนโตของเขานิ แถมอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็จะเป็นแม่ยายเขาแล้ว “จ๊ะ ธามพี่ฝากยัยหนูด้วยนะ ถึงจะเป็นเรื่องช่วยไม่ได้แต่ยังไงก็ฝากดูแลด้วย น้องยังเด็ก” ลัลลดาเอ่ยบอกแม้ว่าตอนแรกจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่แต่พอธิชาพรพี่สาวของธนกฤตมากล่อมทำให้เธออ่อนลงบ้าง จะลองเสี่ยงดูสักครั้งหวังว่าชีวิตคู่ของธนกฤตกับพิมพ์ลภัสจะไม่จบลงเร็วเกินไปนะ อีกอย่างถ้าเป็นผู้มีพระคุณคนนี้เธอพอมั่นใจได้ว่าเขาเป็นคนดีพอที่จะดูแลลูกสาวเธอ “พี่ลดาวางใจเถอะครับ ถึงพิมพ์ลภัสจะแสบไปหน่อยแต่ก็เป็นลูกของพี่เพชรกับพี่ลดา ผมเคารพพวกพี่เหมือนพี่แท้ๆผมก็จะดูแลพิมพ์ลภัสอย่างดี แต่อาจมีดุมีตีบ้างนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยบอก ลัลลดายิ้มออกมา “พี่อนุญาต ช่วยดัดนิสัยให้ที พี่ไม่ไหวแล้ว” “ครับถือว่าอนุญาตแล้วนะ แล้วนี่แม่พริกขี้หนูอยู่ไหนล่ะครับ” ผู้การหนุ่มเอ่ยถามออกมาก่อนที่สายตาจะมองไปเห็นร่างบางในชุดแต่งงานแบบไทยแสนสวยเดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางดูสวยหวานเข้ากับชุดที่ใส่ผมยาวถูกรวบเป็นทรงสวยงามยิ่งพิจารณายิ่งทำให้หัวใจสั่นไหว ช่างแต่งหน้ามืออาชีพที่จ้างมาทำให้เด็กสาวกลายเป็นหญิงสาววัย21ต้นๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่เหลือเค้าเดิมของเด็กสาวในชุดพละ ชุดว่ายน้ำหรือชุดนักเรียนที่เคยเจอเลยสักนิด “สวยมั้ย” ลัลลดาเอ่ยถามออกมาให้ได้ยินกันแค่สองคน “สวยมาก น่ารักมากด้วย เฮ้ยไม่ใช่ ผมหมายถึงชุด” คนเป็นเจ้าบ่าวเอ่ยอย่างละเมอก่อนจะรีบแก้เมื่อรู้ตัวว่าพี่สาวคนสนิทหลอกถามจนเขาเผลอแบไต๋ออกมา “ไม่ต้องปิดเลย ฉันดูออกแล้วยะ ยกให้ดูแลแล้วก็อย่าทำรุ่มร่ามนะน้องยังเด็กให้โตกว่านี้ก่อนอย่าให้เรื่องรักๆใคร่ๆมาทำลายการเรียน รับปากพี่ได้มั้ย” คนเป็นแม่เจ้าสาวสำรองเอ่ยขอร้อง ธนกฤตหันกลับมามองก่อนจะตอบ “ครับพี่ ผมรับปาก แต่ห้ามขอคืนนะไม่ให้” เพราะทั้งคู่สนิทกันอยู่มากทำให้ธนกฤตกล้าพูด ชายหนุ่มไม่เพียงรับปากลัลลดาด้วยคำพูดแต่ยังรับปากทางแววตาที่มุ่งมั่นด้วย “ดี พริกหวานมานี่สิลูก” ลัลลดาเอ่ยเรียกบุตรสาว พิมพ์ลภัสเดินมาหามารดาด้วยใบหน้าบูดบึ้งก่อนที่ลัลลดาจะจับมือขวาของเด็กสาวมาพร้อมกับมืออีกข้างเอื้อมไปจับมือซ้ายของธนกฤต ลัลลดาวางมือของเด็กสาวลงบนมือของน้องชายคนสนิท “ลงไปข้างล้างกันเถอะจ๊ะ ผู้ใหญ่รอแย่แล้ว” เธอเอ่ยบอกก่อนจะปล่อยมือ ธนกฤตยังคงกำมือบางไว้แน่นความรู้สึกอบอุ่นและหวงแหนปะทุขึ้นในอกอย่างบอกไม่ถูก “ไปกันเถอะ ไว้จบงานค่อยว่ากัน” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนจะจูงมือเด็กสาวให้เดินไปพร้อมกัน ค่อยว่ากันที่ว่าก็คือจบงานค่อยมาทะเลาะกันนั้นล่ะตอนนี้พักเรื่องนี้ไว้ก่อน ธนกฤตพาเด็กสาวลงมาข้างล่างก่อนที่ทั้งสองจะร่วมกันตักบาตร ทุกอย่างเหมือนจะดีถ้าทั้งคู่ไม่แย่งทัพพีกันเสียก่อนทั้งคู่ยื้อแย่งกันอยู่สักพักจนพระสงฆ์ที่นิมนต์มาต้องเอ่ยขึ้น “โยมไม่ต้องแย่งกันตักขึ้นมาพร้อมกันนั้นแหละ” ธนกฤตและพิมพ์ลภัสได้แต่ยิ้มเจื่อนก่อนจะตักข้าวใส่บาตรก่อนจะกลับมานั่งลงที่พื้นเพื่อรับพร ก่อนจะมีการสวดพระเจริญพระพุทธมนต์ทั้งสองคู่จุดธูปเทียนบูชาพระก่อนที่จะมาฟังพระสวดเจริญพระพุทธมนต์ หลังจากทั้งสองทำบุญตักบาตร ฟังสวดเจริญพระพุทธมนต์ และถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแล้วก็ถึงฤกษ์สวมแหวนธนกฤตหยิบแหวนเพชรน้ำงามขึ้นมาก่อนจะขอมือจากเด็กสาว พิมพ์ลภัสกำมือแน่นไม่ยอมส่งให้ “โอ๊ย” เสียงร้องดังขึ้นเพราะคนเป็นแม่ใช้นิ้วหนีบสีข้างก่อนจะส่งสายตาดุใส่เด็กสาวจึงยอมยื่นมือซ้ายให้อย่างไม่พอใจธนกฤตสวมแหวนเข้าไปอย่างไม่บรรจงนักก่อนที่จะยื่นนิ้วให้เด็กสาว พิมพ์ลภัสหยิบแหวนขึ้นมาสวมให้ชายหนุ่มอย่างไม่บรรจงเช่นกัน “กราบที่ตักพี่เขาสิยัยหนู” เพชรดนัยเอ่ยบอกลูกสาว พิมพ์ลภัสจึงยอมก้มลงกราบที่ตัก ธนกฤตลูบศีรษะสองสามทีก่อนที่เธอจะลุกขึ้น “หอมแก้มๆๆ” เสียงเชียร์ดังขึ้นจากแขกในงานดังขึ้น พิมพ์ลภัสส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ “หรือว่าเจ้าบ่าวไม่กล้า” ธนกฤตที่ถูกเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมอีกคนเอ่ยท้าทายอย่างจี้จุดอ่อนยื่นแก้มเข้ามาหอมแก้มเนียนอย่างไม่ปรึกษา 'ก็คนมันไม่ชอบให้ใครท้าทายนี่ หอมดีแหะ ' คนถูกหอมเบิกตากว้างอย่างตกใจตั้งแต่เกิดมาอีตาลุงนี่เป็นคนแรกที่ไม่ใช่พี่ชาย พ่อ ปู่และตาที่หอมแก้มเธอ ธนกฤตถอนจมูกออกจากแก้มบางก่อนจะหันไปมองเพื่อนหนุ่มคนดังกล่าวก่อนที่ทั้งคู่จะถ่ายรูป หลังจากเสร็จพิธีสวมแหวนก็ได้ฤกษ์รดน้ำสังข์หรือหลั่งน้ำสังข์เมื่อธนกฤตพาพิมพ์ลภัสมาสวมแฝดมงคลแขกผู้ใหญ่ทยอยกันเข้ามาอวยพรคู่บ่าวสาวโดยเริ่มจากธนากรที่สวมมาลัยและเจิมหน้าผากให้ทั้งคู่ก่อนจะรดน้ำสังข์ “ป๋าฝากธามด้วยนะหนู อย่าคิดว่าเป็นตัวสำรอง คิดเสียว่าฟ้าขีดเส้นชะตาให้หนูได้แต่งงานกับลูกชายป๋า” ธนากรเอ่ยขณะรดน้ำสังข์ให้กับลูกสะใภ้ “ดูแลน้องดีๆล่ะเจ้าธาม คนนี้สะใภ้ป๋าอย่าแกล้งน้อง อย่ารุ่มร่ามมากนัก” ธนากรบอกบุตรชายที่สีหน้าเบื่อโลกแต่ไอ้แววตานี่มันกำลังยิ้มอย่างมีความสุข กานต์ธิตามองลูกชายก่อนจะอวยพรให้ “ขอให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร อย่าให้มีอะไรมาทำลายชีวิตคู่ได้นะลูก แม่ฝากหนูดูแลพี่เขาด้วยนะลูก” หลังจากกานต์ธิตารดน้ำสังข์และอวยพรจบพัทธิพงค์ก็เป็นคนต่อไป “ลุงฝากพริกหวานด้วยนะธาม นังหนูนี่อาจจะซนจะดื้อไปนิดแต่ก็ยังดัดนิสัยได้” “อย่าดื้อล่ะนังหนูของปู่ ธามเขาไม่เหมือนพ่อแม่หรืออาพลอยนะ เขาคุมทหารเป็นสิบเป็นร้อยได้แสดงว่าโหดกว่าพ่อเราแน่” คนเป็นปู่เอ่ยบอกหลานสาวอย่างข่มขู่ พิมพ์ลภัสมองบนกับคำว่าโหด “จะแค่ไหนกันเชียว” “อยากรู้เหรอ อยู่ไปนานๆจะรู้เอง” คนโหดที่ถูกสบประมาทเอ่ยบอก 'เดี๋ยวได้รู้หนูเอ้ย ' “พี่ฝากด้วยนะธาม ดูแลดีๆนะเว้ย ไม่งั้นมีเรื่อง” เพชรดนัยเอ่ยขณะที่รดน้ำสังข์ ธนกฤตยิ้มให้แต่ไม่พูดเมื่อสิ่งที่เขาอยากพูดได้พูดกับลัลลดาไปแล้ว หลังจากนั้นลัลลดาและคนอื่นๆก็ทยอยมาอวยพรกันตามลำดับ หลังจบพิธีรดน้ำสังข์ ก็ได้ฤกษ์ดีสมควรแก่เวลาจดทะเบียนสมรสทุกคนเข้าร่วมงานอย่างมีความสุข “เซ็นต์ซินังหนู” พัทธิพงค์เอ่ยบอกหลานสาวที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขณะจับปากกาเด็กสาวมองหน้าปู่ พ่อและแม่ก่อนจะหันมามองคนข้างๆที่จรดปากกาเซ็นต์ชื่อในทะเบียนสมรสไปแล้วอย่างลวกๆก่อนจะถอนหายใจ 'เธอต้องเซ็นต์จริงๆใช่มั้ย' พิมพ์ลภัสสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะจรดปากกาเซ็นต์ชื่อตัวเองลงไปเป็นอันยืนยันว่าเธอกับเขาเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่มีพ่อทูนหัว ไม่มีลูกบุญธรรม ไม่มีอีตาลุงกับยัยพริกขี้หนู มีแต่สามีและภรรยา ก่อนจะมีการร่วมรับประทานอาหารในช่วงเที่ยงถือเป็นการจบพิธีในภาคบ่าย พิธีฉลองมงคลสมรสในช่วงค่ำถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยธนกฤตพาเจ้าสาวคนสวยที่เปลี่ยนจากชุดไทยมาเป็นชุดแต่งงานสีขาวเดินลอดซุ่มกระบี่ที่ดูเหมือนจะเป็นความฝันของพิมพ์ลภัสอยู่แล้วเพราะใบหน้าบูดบึ้งแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มตื่นตาตื่นใจ “ลูกสาวพี่น่ะชอบทหารเรือ ชอบซีล มากที่สุดเลยยังเคยบอกว่าอนาคตอยากแต่งงานกับทหารเรือจะได้ลอดซุ้มกระบี่ เพราะพี่บอกเสมอว่าพ่อทูนหัวเป็นทหารเรือแล้วก็ซีล ไม่คิดว่ายัยหนูจะได้สมใจ” คำบอกเล่าของเพชรดนัยเมื่อช่วงเที่ยงยังคงก้องอยู่ในหู 'เห็นทีจะจริงแหะ' ชายหนุ่มมองรอยยิ้มของเด็กสาวแล้วเผลอยิ้มตามออกมาจนได้ รอยยิ้มของเธอช่างสดใสโลกทั้งใบหยุดหมุนแค่ได้มองเสียจริงๆ “นี่พี่ๆที่ถือกระบี่เนี่ยลูกน้องใต้บังคับบัญชาลุงเหรอ” เด็กสาวเอ่ยถามออกมาสายตายังจับจ้องความสวยงามของขบวนซุ้มกระบี่อย่างไม่วางตา “ใช่ ท้ายแถวน่ะ ต้นกล กับต้นหนเชียวนะ รุ่นน้องทั้งนั้นแหละ” ผู้การหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มออกมา 'ช่างน่าเอ็นดูจริงแม่คุณเอ้ย ' ห้องหอ หลังจากที่สนุกสนานกับงานฉลองมงคลสมรสร่วมกับแขกผู้มีเกียรติในงานจนถึงฤกษ์ส่งตัวเข้าหอ ธนากร กานต์ธิตา พัทธิพงค์ เพชรดนัยและลัลลดาก็เดินนำคู่บ่าวสาวมาที่ห้องหอก่อนจะทำพิธีและอวยพรให้ทั้งคู่ก่อนจะออกไปปล่อยให้ธนกฤตและพิมพ์ลภัสได้พักผ่อน “ไปอาบน้ำซะแม่หนู อย่ามามองหน้าหาเรื่องกันแบบนี้” ธนกฤตเอ่ยขึ้นขณะปลดกระดุมเครื่องแบบเต็มยศออกแล้วหันมองเด็กสาวที่นั่งจ้องเขาไม่วางตา “ลุงรู้เรื่องอาพลอยจะหนีแต่แรกแล้วใช่มั๊ย” พิมพ์ลภัสเอ่ยถามเสียงเข้ม ตอนเดินไปเข้าห้องน้ำในช่วงงานเลี้ยงเธอได้ยินธิชาพรและธัญญาดาพี่สาวของธนกฤตคุยกันว่าจริงๆแล้วอีตาลุงของเธออาจวางแผนกับอาสาวไว้แล้วแต่ธนากรกลับรู้ทัน “นี่แล้วฉันจะเอาเวลาไหนไปวางแผนกับพลอยล่ะ อาเธอก็อยู่โรงเรียนตลอดส่วนฉันก็อยู่สัตหีบตลอด” ธนกฤตเอ่ยบอก เขาไม่มีทางยอมรับง่ายๆหรอกดูจากสายตาแล้วเด็กสาวโมโหมากเขาไม่อยากคาดเดาอารมณ์ “หึ คนอย่างพริกหวานไม่โง่ ก็วันที่เจอกันในร้านข้างๆโรงเรียนไง” เด็กสาวพูดพร้อมทั้งหยิบหมอนขึ้นมาก่อนจะเดินไปไล่ตีคนปากแข็งโทษฐานที่ทำให้เธอพลอยซวยไปด้วย “นี่แน่ะ อีตาลุงเจ้าเล่ห์ หนูอยู่ของหนูดีๆเอาเข้าไปเกี่ยวด้วยทำไม นี่แนะ” เด็กสาวเอ่ยในสิ่งที่อัดอั้นพร้อมทั้งใช้หมอนฟาดไปที่ตัวของธนกฤตชายหนุ่มปัดป้องก่อนจะจับหมอนไว้ เขากระชากหมอนเข้าหาตัวทำให้เด็กสาวเซเข้าไปในอ้อมกอดชายหนุ่มดึงหมอนออกก่อนจะกอดเด็กสาวไว้ไม่ให้หาอะไรมาฟาดเขาอีก “ขอโทษ มันผิดแผนไปหมด ไม่คิดจริงๆว่าป๋าจะเอาเธอเข้ามาเกี่ยว” นายทหารเรือหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมทั้งลูบหลังเด็กสาวเพื่อปลอบใจ พิมพ์ลภัสนิ่งไปก่อนที่จะเผลอหลับด้วยความง่วง “พิมพ์ลภัส ยัยพริกขี้หนู” ธนกฤตเอ่ยเรียกคนที่นิ่งไปก่อนจะผละออกจากร่างบางเบาๆ “หลับไปซะแล้วเด็กน้อยเอ้ย” ผู้การหนุ่มพูดกับตัวเองก่อนจะอุ้มร่างหลับสนิทไปวางลงบนเตียงพร้อมทั้งห่มผ้าให้ “ฝันดีคุณภรรยาม.ปลาย” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD