ตอนที่ 6 ยอมให้พี่กิน

1670 Words
@คอนโดอคิราห์ มัสยาเดินตามหลังอคิราห์เข้ามาภายในห้องคอนโดหรูหรา แม้จะมีการพูดคุยกันมากขึ้นทว่าความรู้สึกกลับไม่ต่างจากวันแรกที่ได้เดินเข้ามาภายในห้องนี้ ความเงียบของซีอีโอผู้เคร่งขรึมทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่าเสียจนนึกอยากจะถอนตัวอีกครั้ง "นั่งลงสิ" เขาหันกลับมาออกคำสั่งพลางตวัดสายตาไปยังโซฟาตัวใหญ่ มัสยาพยักหน้าหงึกหงักท่าทางเก้กัง จากนั้นจึงถอยหลังไปทิ้งก้นงอนลงบนโซฟานุ่มนิ่ม "คุณ...อคิราห์จะให้มัสทำอะไรคะ?" เขาไม่ตอบพลันหมุนตัวเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า มัสยาถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่ง สายตาเหลือบมองนาฬิกาติดผนังจึงเห็นว่าเป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว หญิงสาวเบิกตาโพลงเพราะลืมไปเสียสนิทว่าตนมีถ่ายละครตอนหกโมงเย็นวันนี้ "แย่แล้ว!" ร่างบางลุกลี้ลุกลนหยัดกายลุกขึ้นยืน เท้าเล็กก้าวเดินวนไปวนมาพลันหันมองไปยังประตูห้องน้ำด้วยความรู้สึกร้อนใจ ถึงอย่างไรงานสำคัญวันนี้ก็พลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นละครที่ถ่ายทำกันมานานหลายเดือนจนใกล้ปิดกล้องแล้ว หากจะเดินออกจากห้องไปตอนนี้มีหวังคงไม่มีทางได้เงินไปรักษามารดา มัสยาจึงจำเป็นต้องรอจนกว่าอคิราห์จะออกมาจากห้องน้ำเพื่อบอกเขาก่อน หัวใจดวงน้อยในวินาทีนี้รู้สึกหวาดกลัวคำตอบเสียเหลือเกิน ทันใดนั้นประตูห้องน้ำถูกเลื่อนออก ร่างอรชรจึงรีบก้าวเท้ายาวไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม เขาเปลือยกายท่อนบนจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแผงอกแกร่งแน่นเป็นมัด มีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่เสียจนมองเห็นเส้นขนใต้สะดือชัดเจน "มีอะไร?" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ จ้องมองใบหน้างามที่กำลังขมวดคิ้วยุ่งราวกับมีเรื่องมีราว อคิราห์ครุ่นคิดในใจว่าคงไม่วายมีปัญหาบางอย่าง นึกแล้วก็แปลกใจที่ตนเลือกการมีผู้หญิงคนหนึ่งมาไว้ข้างกาย แม้รู้ดีว่าจะมีความวุ่นวายมากมายตามมาก็ตาม "มัสลืมไปเลยค่ะว่าวันนี้ตอนหกโมงมีถ่ายละคร มัสเลยจะขอคุณ...ออกไปทำงานค่ะ" สิ้นสุดเสียงพูดติดขัดของมัสยาความเงียบกริบจึงเข้าครอบงำ อคิราห์จ้องมองใบหน้างามด้วยแววตาประกายขุ่นปราศจากคำตอบใดๆ จากริมฝีปากหยักได้รูป มัสยาหรี่ตากะพริบถี่เป็นการอ้อนวอน "นะคะ...งานนี้มันสำคัญมากๆ เลยนะคะ มันเกี่ยวกับความรับผิดชอบของมัสด้วยค่ะ" ซ้ำยังพูดจาออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยเห็น หญิงสาวขยับมือขึ้นมาเกาะกุมท่อนแขนกำยำไว้แผ่วเบา คนตัวโตสัมผัสได้ถึงมือเนียนนุ่มละมุนแนบชิดกับท่อนแขนกำยำของตน อารมณ์หวามไหวจึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดายทว่าใบหน้าคมคายยังคงเรียบเฉย "ต้องถ่ายอีกกี่วันถึงจะจบ?" เขาพเยิดหน้าถาม น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ อยู่ดีๆ ก็เกิดอาการหวงขึ้นมาเสียดื้อๆ จนไม่อยากให้เธอต้องห่างไกล "จริงๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันปิดกล้องแล้วค่ะ ที่เหลือก็อาจจะมีถ่ายซ่อมบ้าง" คนตัวเล็กพูดพลางขยับร่างบางเข้าไปจนแนบชิดแผงอกกำยำ อคิราห์สูดดมกลิ่นหอมละมุนเนื้อนางเข้าเต็มปอด จากนั้นถอนหายใจแผ่วเบาพลางเมินหน้าหนีราวกับคนขี้น้อยอกน้อยใจ "แลกกับนอนด้วยกันคืนนี้" ชายหนุ่มพ่นวาจาอันน่าหวาดหวั่นออกมา มัสยาเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าวันที่ตนหวาดกลัวจะมาถึงเร็วขนาดนี้ "มัสนอนกับคุณก็ได้ค่ะ" ใบหน้าคมคายหันกลับมาสบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง แววตายังคงประกายดุดันน่าหวาดเกรง "หวังว่าคุณคงจะเข้าใจความหมายของคำว่านอนด้วยกันนะ" เขาไม่ยี่หระต่อสีหน้างวยงงของหญิงสาว มัสยาได้แต่นึกหมั่นไส้คนตรงหน้าในใจ ริมฝีปากอวบเบะคว่ำแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจน "ก็คุณอคิราห์บอกว่านอนด้วยกัน ก็คือนอนด้วยกันเฉยๆ ไม่ใช่หรือคะ?" "ไร้เดียงสาจริงๆ หรือว่าแกล้ง?" "มัสไม่ได้แกล้งไม่รู้นะคะ แต่ว่า...มัสยังไม่พร้อมจริงๆ" ดวงตากลมโตสั่นระริกเพราะความรู้สึกหวาดกลัว ความสับสนพลันแล่นขึ้นมาเต็มหัวสมอง "แล้วคุณติดปัญหาอะไรถึงยังไม่พร้อม?" อคิราห์เลิกคิ้วถามใบหน้ายุ่ง "แต่ที่เราตกลงกันไว้คือตอนที่มัสพร้อมไม่ใช่หรือคะ?" "ก็กำลังถามอยู่นี่ไง ว่าติดปัญหาอะไรถึงไม่พร้อม?" เขาขยับมือขึ้นมาแตะเชยคางมนไว้ให้สบตาแน่นิ่ง "ถ้าจะเอาคำตอบแบบจริงจังก็คือ...มัสไม่รู้ว่าควรจะทำใจยังไงเมื่อตอนที่โดนทิ้งหลังจากเสียตัวค่ะ ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง มัสไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น มัสก็เลยกลัวว่าถ้าเกิดทำแล้วเกิดตกหลุมรักคุณขึ้นมาจะทำยังไง" หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สบสายตาเป็นประกายของอีกฝ่ายไม่วางตา ริมฝีปากอวบเบะคว่ำลงในขณะที่ดวงตาแดงก่ำลง อคิราห์จ้องมองใบหน้างดงามตรงหน้าพลางครุ่นคิดในใจ "ผมมันน่ารังเกียจ ถึงขั้นที่คุณจะตกหลุมรักไม่ได้เลยหรือยังไง?" "คะ?" ดวงตากลมโตฉายแววประกายสงสัย "ผมมีเซ็กส์ครั้งสุดท้ายเมื่อห้าปีที่แล้ว น่าแปลกที่ไม่เคยมีความปรารถนาผู้หญิงคนไหนแต่ผม...ปรารถนาคุณ แบบนี้เรียกว่าอะไร?" เขาเลิกคิ้วถามสีหน้าเรียบเฉย มัสยาพยายามค้นหาแววตาเจ้าเล่ห์ทว่ากลับไม่พบ บนโลกนี้มีจริงหรือที่ผู้ชายจะห่างหายเรื่องอย่างว่าได้ยาวนานถึงห้าปี ช่างเป็นเรื่องน่าขบขันสิ้นดี "ไม่เห็นจะเข้าใจเลยค่ะ" "แล้วมันเข้าใจยากตรงไหน?" "ก็ตอนนี้ยังไม่ได้ก็พูดแบบนี้ได้สิคะ แต่ถ้าได้แล้วคนรวยแบบคุณก็คง...เลือกที่จะทิ้งมัสไปอยู่ดี" "ดื้อเหมือนกันนะ อย่าลืมสิว่าผมจ้างคุณมาทำอะไร" น้ำเสียงดุดันพูดแทรกขึ้นมาอย่างเหลืออดเหลือทนกับความลีลาท่ามากของอีกฝ่าย อคิราห์ส่ายหน้าน้อยๆ พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "มัสขอโทษค่ะ พอดีลืมตัวว่ากำลังทำงานให้คุณอยู่ ถ้ามัสพูดอะไรให้คุณไม่พอใจก็อย่าถือสามัสเลยนะคะ" น้ำเสียงราวเด็กหญิงตัวน้อยทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย มัสยานึกแปลกใจกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายเพียงชั่วขณะ "น้ำเสียงงอแง ทำหน้าออดอ้อนแล้วก็ทำปากคว่ำเหมือนเด็กน้อยถูกขัดใจแบบเมื่อกี้ คือนิสัยที่แท้จริงของคุณเหรอ?" ประธานหนุ่มนึกสงสัย ยิ่งได้สัมผัสนิสัยที่แท้จริงของนางในฝันกลับยิ่งรู้สึกหลงใหล ไม่คิดไม่ฝันว่าตนจะมีความรู้สึกให้กับผู้หญิงที่เพิ่งพบกันเพียงไม่กี่ครั้งได้มากมายถึงเพียงนี้ "เมื่อกี้...มัสทำหน้าแบบนั้นจริงๆ หรือคะ?" เธอถามเสียงอ่อน "ใช่" เขาตอบเสียงเรียบ "แล้ว...พูดจริงๆ หรือคะ ที่บอกว่าครั้งสุดท้ายเมื่อห้าปีที่แล้ว" "ใช่" อคิราห์ประสานสายตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย "ทั้งๆ ที่คุณอยากทำเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิงคนไหนเมื่อไหร่ก็ได้อย่างนั้นหรือคะ?" "ใช่!" "แล้ว...ถ้ามัสยอมให้คุณทำ แปลว่ามัสใจง่ายหรือว่าขายตัวให้คุณคะ?" มัสยาเอ่ยถามประโยคนี้ด้วยแววตาตัดพ้อ ต้องมองชายหนุ่มอย่างคาดหวังคำตอบแม้จะรู้สึกหวาดกลัว "ยอมก็แปลว่ายอม แปลว่าต้องการ แปลว่าอยากให้ทำ เวลาอยู่ใกล้ผมคุณไม่มีความต้องการอะไรเลยหรือยังไง?" "มัสไม่เคย...อื้อ!" ทันใดนั้นวงแขนกำยำจึงโอบรั้งร่างบางเข้ามากอดแนบชิดลำตัว ใบหน้างามแนบชิดลงบนแผงอกแกร่งเปลือยเปล่า ความรู้สึกหวามไหวเกิดแพร่กระจายไปทั่วกายอรชร "รู้สึกยังไง?" อคิราห์ถามเสียงดุ มือหนาข้างหนึ่งขยับขึ้นมาดันศีรษะทุยไว้แนบอกอยู่เช่นนั้น "ปล่อยมัสนะคะ" เธอตอบกลับเสียงสั่น และยังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง "ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง ไม่เห็นจะต้องฝืนอะไรเลย ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรด้วย" ประธานหนุ่มคลายวงแขนออก มัสยาจึงก้าวถอยหลังไปหนึ่งเก้าเพื่อเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงไปเพราะสัมผัสเมื่อครู่ "มัสขอเวลาคิดอีกหน่อยได้หรือเปล่าคะ?" "ใกล้จะหกโมงเย็นแล้วนะ จะคิดอีกนานไหม?" ดวงตากลมโตชำเลืองมองนาฬิกาติดผนังจึงเกิดความรู้สึกร้อนรนใจ ถึงอย่างไรความรับผิดชอบในเรื่องงานย่อมมาที่หนึ่งเสมอ เพราะหากเธอไม่ไปคงไม่ใช่แค่ตนที่เดือดร้อน เพื่อนนักแสดงคนอื่นที่รอเข้าฉากอยู่ต้องพลอยจะได้รับผลกระทบไปด้วย มัสยาจึงจำใจรีบร้อนตัดสินใจ "ก็ได้ค่ะ มัสยอมนอนกับคุณก็ได้ค่ะ แต่มีข้อแม้สองข้อ" "ข้อแม้?" เขาเลิกคิ้วถาม "ข้อแรกต้องใช้ถุงยางอนามัย ข้อสอง...ก่อนจะทิ้งมัสไป คุณต้องให้เวลามัสทำใจด้วยนะคะ" อคิราห์เผลอยกยิ้มมุมปากอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วจึงหมุนตัวเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าโดยปราศจากคำตอบ "คุณ..." "นั่งรอ ผมจะพาคุณไปถ่ายละครเอง" หญิงสาวได้แต่ชักสีหน้าหงุดหงิดที่ถูกเขาทำเมินใส่ จากนั้นจึงหมุนตัวไปนั่งบนโซฟาตามคำสั่งของประธานหนุ่ม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD