ร่างของหญิงสาวเดินไปหาใครคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ด้านนอกอย่างใจเย็น ทันทีที่ร่างนั้นเห็นเพื่อนสาวเดินกลับมาหลังจากได้ยินเสียงลั่นไกปืนไปที่คนๆ หนึ่งแล้วก็รีบยิ้มส่งให้ลิตาหรือลลิตาเพื่อนสาวที่เพิ่งสนิทกันได้ไม่นานเพราะเรียนมหาวิทยาลัยคณะเดียวกัน
เดิมทีมายาวีไม่คิดว่าเพื่อนสาวคนนี้จะมีใจคิดแค้นต่อลลิตาพี่สาวเพราะไม่เคยรู้จักเห็นหน้ากันมาก่อนเนื่องจากเธอไม่เคยพาเพื่อนคนไหนไปเจอพี่สาวหรือครอบครัวเลยสักครั้ง แต่ด้วยความบังเอิญในวันนั้นเธอและเพื่อนคนนี้นัดกันที่คาเฟ่ใกล้มหาวิทยาลัยเพื่อทำงานคู่ด้วยกันในขณะนั้นที่เธอเดินไปเข้าห้องน้ำและวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ อยู่ๆ ก็มีเสียงเรียกจากโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมปรากฎรูปภาพบนหน้าจอเป็นรูปคนที่โทรเข้ามาหรือก็คือพี่สาวของเธอ จากนั้นเพื่อนสาวก็ลอบถามถึงพี่สาวคนนี้เป็นระยะๆ และในที่สุดเธอก็ได้รู้ว่าเพื่อนต้องการกำจัดพี่สาวคนนี้ให้พ้นทาง เหมือนกับเธอที่ต้องการเช่นนั้นเหมือนกันพอดี เธอกับเพื่อนจึงวางแผนการนี้ด้วยกันเพื่อฆ่าพี่สาวคนนี้ให้ออกจากชีวิตพวกเธอ
"เอานังพี่สาวของฉันไปฝังแล้วเหรอ" มายาวีเอ่ยถาม
"ให้พวกนั้นเอามันไปฝังแล้ว แล้วนี่แกจะบอกกับครอบครัวแกยังไง"
"ฉันจัดการไว้แล้ว ว่าแต่แกเถอะลิตามั่นใจนะว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้"
"แน่ใจสิ โกงดังร้างนี้ถูกปล่อยร้างมาหลายปีไม่ค่อยมีใครเข้ามาหรอก เจ้าของที่ก็อยู่ต่างประเทศยังไม่มีวี่แววจะกลับเมืองไทยเพราะฉะนั้นหมดเรื่องหายห่วงว่าจะมีใครมาเจอศพมันก่อนที่ศพมันจะกลายเป็นกระดูก"
"ก็ดี" มายาวีแสยะยิ้มให้เพื่อน แม้เพื่อนคนนี้จะชื่อลลิตาเหมือนกับชื่อพี่สาวต่างแม่ของเธอแต่นิสัยกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง
.
.
.
.
.
.
เพียงคืนเดียวหลังจากนั้นมายาวีก็เกิดอาการวิตกกังวลว่าจะมีคนรู้เรื่องจับได้ว่าเธอเป็นผู้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเพื่อนเพื่อฆ่าพี่สาวต่างแม่คนนี้ ในตอนนี้เธอยังอยู่โรงแรมเดิมและเพื่อนเธอลลิตาก็เช่นกันแต่พักคนละห้อง
จิตใจร้อนรุ่มอยู่ไม่สุขจึงจ้างหนึ่งในชายฉรรจ์สี่คนนั้นให้ไปหลอกล่อลลิตาออกมาไปอยู่ในที่เปลี่ยวไร้ผู้คนในยามกลางคืนและฆ่าลลิตาเพื่อปิดปากแต่แล้วเหมือนลลิตาจะรู้ทันจึงรอดไปได้ทั้งที่ถูกยิงที่ช่วงไหล่ไปแล้วก็ตามทำให้มายาวียิ่งวิตกกังวลมากกว่าเดิมว่าลลิตาจะต้องเอาเรื่องที่เธอวางแผนคิดฆ่าพี่สาวไปบอกคนอื่น
หลังจากกลับจากชลบุรีมายาวีก็จ้างคนคอยเฝ้าดูที่แถวคอนโดของลลิตาว่าได้กลับมาหรือไม่ หากเจอตัวเธอจะต้องจัดการทันที แต่ผ่านไปแล้วสามวันก็ยังไม่มีวี่แววของเพื่อนสาวคนนี้จนมายาวีแอบคิดในใจว่าหรือว่าที่ถูกยิงที่ไหล่จะไม่รอด หากเป็นเช่นที่คิดก็ดี แต่ใช่ว่าจะวางใจเธอยังคงให้จับตามองเอาไว้เช่นเดิมหากพ้นสามเดือนไปแล้วเธอจึงจะมั่นใจว่าลลิตาเพื่อนสาวคนนี้ไม่รอดแล้วจริงๆ
.
.
.
.
.
.
ร่างบางที่นอนสลบมาสามวันสามคืนค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะปรับสายตาของตัวเองให้มองชัดๆ ถึงสิ่งที่อยู่รอบข้าง สถานที่เช่นนี้มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าที่นี่คือโรงพยาบาลแน่นอน
แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เท่าที่จำได้ในตอนนั้นเธออยู่ที่โกดังร้างแห่งหนึ่งและถูกผู้หญิงคนหนึ่งเคียดแค้นเธอยิงฆ่าเธอและยังใจโหดเอาเธอไปฝังในตอนที่เธอยังไม่สิ้นใจดีด้วยซ้ำ
ใช่ เธอถูกจับฝังไปแล้วไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ได้ล่ะ หรือว่าคำขอของเธอจะช่วยให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริงๆ มีคนมาช่วยเธอไว้ได้ทันก่อนที่จะหมดลมหายใจจริงๆ
เธอพยายามขยับตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความทรมานเพราะยังเจ็บที่บาดแผลแต่ทว่าความรู้สึกเจ็บปวดกลับไม่ใช่ที่ท้องของเธอแต่เป็นช่วงไหล่ด้านขวาแทน
ทำไมกันนะ เธอถูกยิงที่ท้องแน่ๆ เธอไม่ได้จำผิด แต่ทำไมที่ท้องถึงไม่มีอาการปวดอะไรเลย มีแต่ปวดที่ไหล่อย่างเดียวเท่านั้น
ในระหว่างที่กำลังนั่งคิดไม่ตกอยู่นั้นประตูห้องพักในโรงพยาบาลก็ถูกเปิดโดยชายชุดดำและเดินเข้ามาถึงสองคนด้วยกัน ท่าทางน่ากลัวนั้นทำเอาร่างบางที่เพิ่งฟื้นสั่นกลัว
เพิ่งฟื้นมาเอง อย่าบอกนะว่าจะถูกคนฆ่าอีกรอบแล้วอ่ะ
"คุณลิตาฟื้นแล้วเดี๋ยวฉันจะไปแจ้งพยาบาลก่อน ส่วนแกก็อย่าลืมโทรรายงานนายด้วย" ชายชุดดำคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นคนที่นอนสลบหลายวันฟื้นแล้วก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
แต่ยังเหลืออีกคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ
"คุณลิตาต้องอะไรไหมครับ"
คนบนเตียงคนไข้นั่งทำหน้างง
ลิตาคือใคร เธอไม่รู้จัก เอ๊ะ หรือว่าเขาจะเรียกชื่อเธอแต่จำชื่อเธอไปไม่ครบกันนะ เธอมีชื่อจริงว่าลลิตาแต่เขากลับเรียกแค่ลิตา แต่เดี๋ยวก่อนแล้วเขาเป็นใครทำไมถึงรู้จักเธอ คงไม่ได้จะมาทำร้ายกันใช่ไหม
เธอเอื้อมมือไปหยิบหมอนมาป้องกันตัวแม้จะรู้ว่ามันคงป้องกันอะไรไม่ได้ก็ตาม
"คุณเป็นใครคะ" เอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ไกรชายหนุ่มที่อายุไม่เกินสามสิบมองคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อย่างงงๆ ทำไมหนึ่งในผู้หญิงของนายเขาถึงจำเขาไม่ได้ เห็นหน้ากันก็ออกจะบ่อยไป หรือนอนหลับนานเกินไปพอตื่นมาเลยอาจจะเบลอๆ ไปบ้าง
"ผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณพริษฐ์ไงครับคุณลิตา จำผมไม่ได้เหรอครับ"
คนบนเตียงกอดหมอนอย่างกลัวๆ ส่ายหน้าเป็นคำตอบรัวๆ
"ไม่เป็นไรครับคุณเพิ่งฟื้นมาหลังจากหลับไปหลายวันคงจะเบอลๆ อยู่บ้าง" ไกรเดินไปรินน้ำใส่แก้วและยื่นให้
"น้ำครับ หลับไปนานคงคอแห้ง" เขาเอ่ย ที่ทำก็เพราะทำตามหน้าที่เพราะจำได้ขึ้นใจว่าผู้หญิงหรือเด็กเลี้ยง นางบำเรอของนายเขาคนนี้ขี้วีนเสียยิ่งกว่าอะไร แต่พออยู่ต่อหน้านายเขากลับอ่อนหวานออเซาะทันที หากทำอะไรให้ไม่พอใจมีหวังรายงานนายเขาแน่นอน ทางที่ดีอย่าทำให้อะไรเธออารมณ์เสียจะดีกว่าเพราะในตอนนี้เธอคือคนที่เจ้านายหลงในช่วงนี้
เธอรับน้ำมาอย่างเกรงๆ ก่อนจะดื่มจนหมดแก้วเพราะเธอกระหายน้ำจริงๆ
"รอสักครู่นะครับเดี๋ยวหมอกับพยาบาลคงมาดูอาการคุณ ผมขอตัวไปโทรรายงานนายก่อนว่าคุณลิตาฟื้นแล้ว" ในขณะที่ไกรกำลังหันหลังเดินไปเธอก็ส่งเสียงเรียกเขาเอาไว้ก่อนเพราะมีบางอย่างที่ต้องพูดเผื่อเป็นการเข้าใจผิด
"เดี๋ยวค่ะ"
"คือฉันชื่อลลิตาค่ะ"
"ครับผมรู้ว่าคุณลิตาชื่อจริงว่าลลิตา" ไกรตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยแม้ในใจจะงงๆ อยู่บ้างก็ตามว่าทำไมถึงต้องบอกชื่อจริงแก่เขาด้วย