ริมชายหาดมีผู้คนเดินผ่านไปมาบ้างเดินเล่นกันเป็นคู่เป็นกลุ่ม บ้างลงเล่นน้ำและนั่งทานอาหารที่ร้านริมชายหาดเช่นเดียวกับลลิตาและมายาวี ลลิตาในชุดเสื้อกล้ามสีครีมที่เผยให้ไหล่ขาวๆ และเนินอกที่อวบอิ่ม กางเกงยีนส์ขาสั้นโชว์เรียวขาพร้อมด้วยเสื้อคลุมไว้กันแดดยามเดินเล่นเหมาะกับอากาศร้อยนั่งชมวิวทะเลพร้อมกับยกมะพร้าวมาดื่มไปด้วย ดวงตาประกายสดชื่นภายใต้แว่นตาดำที่สวมใส่ ส่วนมายาวีกำลังกดโทรศัพท์เพื่อทำอะไรบางอย่างก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลลิตามองไปเห็นพอดีก็สงสัยว่าน้องสาวกำลังยิ้มอะไรทำไมดูมีความสุขอย่างนั้น
หรือกำลังมีความรัก
“ยิ้มอะไรกับโทรศัพท์ มีคนรักหรือไงพลอย”
มายาวีรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์และคว่ำหน้าจอลงบนโต๊ะก่อนจะแสร้งยิ้มอย่างอายๆ
“คนรักอะไรเล่าพี่เกรซ พลอยแค่เจอโพสต์ตลกๆ ในทวิตเตอร์เท่านั้นเอง”
“จริงเหร๊อ… น้องสาวพี่สวยขนาดนี้จะไม่มีคนมาจีบให้ชุ่มชื่นหัวใจเลยหรือไง” นางเอ่ยแซว
“ว่าแต่น้องแล้วพี่เกรซล่ะ ไม่เห็นคบใครสักคนสักที รอใครอยู่หรือไง”
“รอใครที่ไหนล่ะ พี่แค่ยังไม่อยากมีเท่านั้น ชอบอยู่คนเดียวโสดๆ สวยๆ”
ทำเป็นเรื่องมากไปเถอะ เดี๋ยวไม่พ้นคืนนี้ก็ได้หมดลมหายใจไร้ชีวิตอยู่ต่อแล้ว อย่าได้หวังว่าแกจะมีคนรักหรือแม้แต่คนจีบเลยนังพี่เกรซ
มายาวีเบะปากในใจขณะที่สีหน้าที่แสดงออกมาเป็นใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม เธอล่ะเกลียดนักรอยยิ้มและท่าทางของลลิตาพี่สาวต่างแม่คนนี้ ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะรู้สึกรักเสมือนลลิตาเป็นพี่สาวจริงๆ แม้จะเห็นพี่สาวคนนี้มาตั้งแต่เด็กหรือเรียกว่าตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ ตั้งแต่เด็กๆ นั้นเธอก็เริ่มรู้แล้วว่าพ่อปฎิบัติต่อเธอและพี่สาวไม่เหมือนกัน ทำเหมือนจะรักลูกเท่ากันแต่ก็ไม่จริงเลย ไม่ว่าอะไรพี่สาวคนนี้มักได้ก่อนเสมอ พ่อใส่ใจพี่สาวมากกว่าเธอที่เป็นลูกคนเล็ก ยิ่งลลิตาเรียนดีเกรดดีมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกห่างจากพ่อเข้าไปทุกทีเพราะเธอเรียนได้ไม่ดีเท่าลลิตาคนพี่ ยิ่งพอลลิตาเรียนจบมีงานทำเร็วก็มีทีท่าดีใจเกินหน้าเกินตาดูภูมิใจกับลูกสาวคนนี้มาก ไม่เหมือนกับเธอที่ต่อให้ดีแค่ไหนก็แค่ได้คำชมเชยไม่กี่ประโยค แม้ลลิตาจะดีกับเธอแค่ไหนเธอก็ไม่รับรู้และไม่ขอรับไว้เพราะเธอเกลียดพี่สาวต่างแม่คนนี้ยิ่งกว่าอะไรที่เธอแสร้งทำดีด้วยก็เพราะแม่ของเธอสั่งเอาไว้ก็เท่านั้น
.
.
.
.
.
.
ตกกลางดึกลลิตาอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนเพราะวันนี้เดินเที่ยวกับน้องเป็นเวลานานจึงอยากพักผ่อน เธอสวมชุดคลุมอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำและนั่งที่หน้าโต๊ะกระจกเพราะจะลงครีมบำรุงผิวที่ใบหน้า เธอเป็นคนที่รักสวยรักงามจึงจะขาดการบำรุงผิวไปไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้หน้าร้อนอากาศร้อนจึงต้องเร่งบำรุงไม่ให้ผิวคล้ำแดดเดี๋ยวจะแก้ยากในภายหลัง
ก๊อกๆ!
เสียงจากประตูห้องพักทำให้ลลิตาหยุดการทาครีมชั่วขณะและลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องก่อนจะพบว่าเป็นมายาวีที่มาหาน้องสาวองเธอสวมชุดลำลองสบายๆ แต่ดูดีทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้าต่างกับเธอในตอนนี้ที่สวมชุดคลุมอาบน้ำอยู่
“อ้าวพลอยมีอะไรหรือเปล่า”
“เพิ่งอาบน้ำเหรอพี่เกรซ พลอยว่าจะมาชวนพี่เกรซไปเดินเล่นที่ชายหาดตอนกลางคืนซะหน่อย”
“ไปเดินเล่นตอนนี้?”
“ใช่ อากาศกำลังดี เย็นๆ อีกอย่างเดินเล่นเสร็จก็อยากไปหาของกินมื้อดึกไปด้วย ไปนะพี่เกรซ พลอยอยากไปแต่ไม่อยากไปคนเดียว”
“รอพี่เปลี่ยนชุดแป๊บเดียว”
แม้จะแปลกใจเพราะเมื่อกลางวันเธอและมายาวีก็เดินเล่นที่ชายหาดเป็นเวลานานพอควร แต่คงเพราะช่วงกลางวันและกลางคืนมันคงต่างกัน มายาวีถึงได้อยากไปเดินเล่นตอนนี้
ชายหาดยามกลางคืนก็ยังคงมีคนมาเดินเล่นอยู่บ้างแต่น้อยกว่าช่วงกลางวัน มายาวีชวนลลิตาคุยเล่นเดินไปเรื่อยๆ จากที่ยังเจอผู้คนอยู่บ้างก็กลาายเป็นไม่มีใครเดินแล้วนอกจากพวกเธอสองพี่น้อง
ลลิตารู้สึกตัวว่าเดินออกมาไกลมากแล้ว เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ จึงหยุดเดินและจะพาน้องสาวเดินกลับไปที่ที่มีผู้คน แต่มายาวีกลับปฏิเสธเพราะอยากเดินเล่นแถวนี้ต่ออีกสักหน่อย
"สร้อยเส้นนั้นพ่อซื้อให้พี่เหรอ" มายาวีเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่าลลิตาสวมสร้อยเส้นหนึ่งไว้เมื่อวันก่อนเธอยังไม่เห็นใส่สร้อยเส้นนี้เลย สร้อยคอแบรนด์เนมประดับเพชรสองเม็ดสีโรสโกลด์เป็นคอลเลคชั่นใหม่ที่มีราคาเกือบแสน และเป็นสร้อยที่เธอหมายตาอยากได้
"ใช่ พ่อเพิ่งซื้อให้พี่เมื่อวานก่อนนี่เองบอกว่าเป็นของขวัญที่พี่ตั้งใจทำงานจนเริ่มมีชื่อเสียง" ว่าแล้วก็อมยิ้มกับสร้อยสวยๆ เส้นนี้เพราะเธออยากได้และกำลังเก็บเงินซื้อแต่พ่อกลับซื้อมาให้ก่อน ทำให้รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรพ่อก็ยังรักและใส่ใจเธอเหมือนเดิมแม้ว่าแม่จะไม่อยู่แล้วก็ตาม
ในขณะที่อีกคนดีใจแต่อีกคนกลับรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมนี้
ทำไมลลิตาได้แล้วทำไมเธอที่เป็นลูกสาวเหมือนกันถึงไม่ได้บ้าง... ทำไมพ่อถึงทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวเลยเหมือนเป็นคนนอกทั้งๆ ที่เธอก็ลูกพ่อเหมือนกันแท้ๆ หรือแค่เพราะเธอเรียนไม่เก่งเท่าลลิตาถึงไม่เคยได้ของขวัญแบบนี้บ้าง
ความผิดหวัง ความอิจฉาที่เพิ่มขึ้นยิ่งทำให้มายาวีรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่ทำบางอย่างลงไป
หากไม่มีลลิตาสักคน พ่อก็จะรักเธอแค่คนเดียว
ลลิตาเห็นว่าน้องสาวเงียบไปก่อนจะสังเกตได้ในใจ หรือว่าน้องจะไม่ได้ของขวัญจากพ่อเลย เธอส่ายกับความคิดลบๆ ไม่หรอกพ่อต้องซื้อให้น้องด้วยแน่ๆ เพราะเธอเห็นว่ามีอีกกล่องหนึ่งที่พ่อถือติดมาด้วยและไม่ได้ให้เธอ แสดงว่าต้องเป็นของมายาวี พ่อคงจะเซอร์ไพรส์มอบให้ตอนที่เธอและน้องกลับจากเที่ยวเสร็จแน่ๆ
แต่เพื่อไม่ให้น้องน้อยใจไปก่อนว่าพ่อไม่รัก จึงดึงความสนใจมายาวีให้มาอยู่ที่เธอแทน ลลิตาก็หยิบถุงผ้าเล็กๆ จากกระเป๋ากางเกงออกมาและดึงเชือกที่มัดปมออก หยิบกำไลวงหนึ่งออกมายื่นให้น้องสาว
"พี่ให้... พี่เห็นว่ามันสวยและเหมาะกับพลอยเลยซื้อมาให้" เป็นกำไลข้อมือเพชรมีรูปกระต่ายนำโชคประดับอยู่
มายาวีมองกำไลวงนั้นก่อนจะยื่นมือไปรับอย่างไม่เต็มใจแต่ลลิตาเปลี่ยนใจ จับข้อมือของน้องสาวมาสวมใส่ให้เองกับมือ เธอเพิ่งสั่งซื้อมาเมื่อหลายวันก่อนและนำติดมาด้วยเพราะจะมอบให้น้องสาวเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าเพราะวันเกิดของน้องสาวที่ใกล้จะถึงนี้เธอต้องไปต่างจังหวัดเพื่อถ่ายงานหลายวัน จึงถือโอกาสนี้ที่มาเที่ยวและให้ของขวัญไปด้วยเลย
กำไลข้อมือเล็กๆ อยู่บนข้อมือของมายาวีเธอแสร้งยิ้มดีใจแต่ในใจกลับรู้สึกสมเพชตัวเอง กำไลวงเล็กๆ ที่ราคาไม่กี่พันมันคงเหมาะกับเธอมากสินะ หรือจะสื่อว่าเธอไม่เหมาะกับของราคาแพงๆ งั้นเหรอ
มันชักจะดูถูกกันมากเกินไปหรือเปล่าลลิตานังพี่สาวตอแหล!
มายาวีเอ่ยขอบคุณพี่สาว ทั้งสองเดินคุยเล่นกันไปต่อเรื่อยๆ ระหว่างที่ลลิตาเผลอมายาวีก็หยิบโทรศัพท์กดส่งข้อความให้ใครบางคนลงมือทันที
อยู่ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาสาวสองพี่น้องพร้อมด้วยอาวุธมีดและสวมคลุมผ้าปกปิดใบหน้าเอาไว้ ลลิตาและมายาวีมีท่าทีตกใจและพยายามหนีแต่สุดท้ายก็ถูกชายฉกรรจ์สี่คนจับตัวเอาไว้
"นี่ปล่อยนะ! พวกแกจะทำอะไร ถ้าอยากได้ของมีค่าฉันจะให้แล้วพวกแกก็ปล่อยฉันกับน้องไป" ลลิตาเอ่ยต่อรองกับโจรที่จับตัวเธออยู่ พวกมันมีสี่คนแต่เธอมีสองคนไม่ว่าอย่างไรก็สู้ไม่ได้ควรต่อรองไว้ก่อนเพื่อรักษาชีวิต
แต่โจรพวกนี้กลับไม่เอ่ยอะไรและลากพวกเธอสองพี่น้องแต่ลลิตาไม่ยอมขัดขืนทุกวิถีทางทั้งพยายามตะโกนจนโดนปิดปากก็แล้วและขืนตัวไม่เดินตามจนสุดท้ายโดนสับคอจนสลบไป