ตอนที่1

3327 Words
   สวัสดีคุณนักอ่าน ฉันคือตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องนี้ ที่พี่นักเขียนเขาสร้างขึ้นมา แหม่ รู้สึกได้รับเกียรติอย่างสูง(บ่นอะไรโยเย) แหนะ อายุยืนจังนะพูดถึงเป็นไม่ได้เชียว ไม่ได้บ่นเลยค๊าแค่อยากขอบคุณที่เชิญหนูมานำแสดงเรื่องนี้ค่ะคุณพี่เลิฟ (แล้วไป ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีล่ะ อย่าให้เสียชื่อพี่เชียวนะ) รับทราบค่ะ  'เอาละค่ะมาแนะนำตัวกันหน่อย ฉันชื่อโยธกา หรือชื่อเล่นโยเย มีพี่น้องสามคน ฉันเป็นคนสุดท้อง พี่ชายคนโตชื่อยุทธการและพี่สาวชื่อยุวดี พ่อชื่อยศพลแม่ชื่อศรีวรรณ ที่จริงฉันก็พอมีเชื้อสายจีนอยู่ในตัวเหมือนกัน แต่เป็นเชื้อทางฝ่ายแม่ อากงของฉันเป็นคนจีนที่เข้ามาอาศัยทำมาหากินในประเทศไทยเมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน ท่านก็ได้เมียเป็นคนไทยแท้ ๆ นี่แหละ มีลูกสี่คนชายสองหญิงสอง แม่ฉันเป็นคนสุดท้อง ขอเล่าย้อนถึงต้นตระกูลฝั่งแม่นิดนึงค่ะ คือสมัยก่อนอากงแกเข้ามาในไทยตั้งแต่อายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น ก็มาทำงานเป็นลูกจ้างในร้านอาหารแถวเยาวราช เพราะที่นั่นคือแหล่งที่มีคนจีนมาอาศัยอยู่กันเยอะ อากงทำงานเก็บเงินอยู่หลายปีและช่วงนั้นก็ได้รู้จักกับอาม่าหรือยายของฉัน ซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ในร้านละแวกนั้นเหมือนกัน เมื่อความรักสุกงอมท่านทั้งสอง ตกลงใช้ชีวิตคู่ด้วยกันโดยไม่ได้จัดงานแต่งงานแต่อย่างใด เพราะอากงมีเพียงเพื่อนที่มาจากจีนด้วยกันไม่มีญาติ ก็เพียงแต่บอกกล่าวให้ญาติฝั่งยายรับรู้แค่นั้น เมื่อท่านทั้งสองเก็บหอมรอมริบได้เงินมาก้อนหนึ่งก็อยากจะลงทุนทำอะไรเป็นของตัวเองบ้าง ซึ่งตอนนั้นพวกท่านมีลูกแล้วหนึ่งคนแถมยายก็กำลังตั้งท้องคนที่สองด้วย จากประสบการณ์ ที่เป็นลูกจ้างในร้านอาหารที่ทำอยู่ อากงที่เป็นคนชอบทำอาหาร ท่านมักจะคอยจดจำสูตรอาหารจากพ่อครัว แล้วก็จะลองทำกินโดยมียายกับเพื่อนแกเป็นคนคอยชิมติติงรสชาติ จนสุดท้ายจึงมาจบที่น้ำจิ้มข้าวมันไก่กับสูตรหมักไก่ให้นุ่มนั่นแหละค่ะ จึงเป็นอาชีพที่ตกทอดมาถึงรุ่นลูกของท่าน และปัจจุบันคนที่ได้รับมรดกอาชีพขายข้าวมันไก่ก็คือแม่ฉันเอง ส่วนพวกลุงกับป้าท่านก็แต่งงานและไปทำธุรกิจอย่างอื่น ป้าฉันก็ไปแต่งงานกับทายาทร้านทองแถวเยาวราช ส่วนแม่ฉันได้แต่งกับพ่อ เพราะเป็นลูกค้าประจำร้าน ตอนนั้นพ่อเป็นตำรวจสายตรวจก็ชอบแวะเวียนมาที่ร้านทุกวันที่เปิด ไม่ใช่แค่ติดใจรสชาติข้าวมันไก่แต่พ่อกลับสนใจแม่ ซึ่งตอนนั้นเป็นคนคอยเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า สุดท้ายพ่อใจกล้าบอกกับอากงว่าชอบลูกสาวท่าน อากงไม่ห้ามอะไรก็เห็นว่าพ่อก็มีหน้าที่การงาน ถึงเงินเดือนตำรวจจะไม่มากมาย แต่ท่านก็มองว่าเป็นอาชีพมีเกียรติ พ่อกับแม่ถึงได้คบและแต่งงานกัน นั่นละค่ะคือที่มาของร้านข้าวมันไก่เจ๊วรรณ ที่ตั้งของร้านก็เป็นตึกแถวหนึ่งคูหา ติดถนนเส้นหลักในเขตเมืองกรุงย่านเศรษฐกิจเลยก็ว่าได้ อาชีพขายข้าวมันไก่ที่สืบทอดมาจากอากง จนทุกวันนี้ก็ปาเข้าไปเกือบห้าสิบปีแล้ว ก็คงไม่แปลกที่จะทำให้ครอบครัวเราพอจะมีกินมีเก็บ จนพ่อกับแม่สามารถซื้อตึกแถวสองคูหาที่ติดถนนเมนหลักแบบนี้ได้ พวกเราไม่ได้ซื้อบ้านก็อาศัยอยู่ที่ตึกนี่แหละค่ะ คูหาที่ด้านล่างเปิดร้านข้าวมันไก่มีขายหมูแดงหมูกรอบเสริมไปด้วย พ่อกับแม่จะมีห้องพักที่ชั้นสามและมีลูกจ้างอีกสองคนพักที่ชั้นสอง ส่วนพวกเราสามคนพี่น้อง จะอยู่อีกคูหานึงซึ่งอยู่ริมสุดของตึกนี้ ฉันจะอยู่ห้องบนสุดคือชั้นสามส่วนชั้นสี่เป็นดาดฟ้า พี่สาวอยู่ชั้นสองครึ่งคือลักษณะของตึกจะสร้างห้องสลับกันซ้ายขวามีบันไดวนลงไปตามชั้น ห้องพี่ชายก็เลยอยู่อีกฝั่งของห้องพี่สาวนั่นเอง ด้วยความที่ตึกเราอยู่ติดถนนใหญ่แน่นอนว่าเสียงรบกวนจากรถราต้องมีอยู่แล้ว ฉันก็เลยติดนิสัยการอ่านหนังสือในเวลากลางคืน ที่มันเงียบและมีสมาธิมากกว่าอย่างเช่นวันนี้ หลังจากเพ่งอยู่กับตำราเรียนมาหลายชั่วโมงตั้งแต่หัวค่ำ มองนาฬิกาตอนนี้มันเลยเที่ยงคืนมาสิบกว่านาทีแล้ว ฉันเงยหน้าแหงนมองเพดาน บิดคอไปมาคลายอาการปวดเกร็ง ที่นั่งจดจ่อมาหลายชั่วโมง อีกสองสัปดาห์จะเป็นการสอบกลางเทอมของฉันแล้วน่ะสิ ช่วงนี้ก็เลยต้องขยันกอบโกยข้อมูลให้เยอะที่สุด ฉันลุกออกจากโต๊ะ หยิบขวดน้ำเปล่าแล้วเดินไปเปิดประตูระเบียง เพื่อที่จะออกไปสูดอากาศยามดึกสักหน่อย ถึงตรงนี้จะเป็นใจกลางกรุง ในเวลากลางวันนั้นก็ดูจะวุ่นวายพอสมควรไม่ว่าจะเป็นผู้คน หรือรถราที่วิ่งและทุกครั้งที่ติดไฟแดง ก็จะเห็นภาพการจราจรที่แสนจะติดจนน่าอึดอัด ไหนจะควันพิษจากท่อไอเสียของรถนับหมื่นแสนคัน ที่วิ่งผ่านไปมา มันก็ไม่น่าอภิรมย์กับระบบทางเดินหายใจสักเท่าไหรหรอกนะ แต่พอเป็นตอนกลางคืนดึก ๆ แบบนี้รถราบางตานั่นก็พอจะให้เธอ ได้ออกมาสูดเอาอ๊อกซิเจนบ้าง โยธกากระดกขวดน้ำดื่มทั้งสายตาก็มองไปรอบ ๆ เรื่อยเปื่อย ในเมืองกรุงที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากถนนและร้านรวงต่าง ๆ ทุกอย่างไม่ได้เงียบเหงา แม้จะเป็นเวลาดึกแล้วก็ตาม แต่ตามเส้นทางก็ยังคงพอมีคนเดินไปมาบ้าง บางคนก็อาจจะเพิ่งเลิกงานหรือนักเที่ยวหลายคนที่พักอยู่ละแวกนี้ ฝั่งตรงข้ามที่พักเธอ จะเป็นสถานบันเทิงมากมายเลยล่ะ สมัยที่พ่อยังเป็นตำรวจท่านถึงได้มาแถวนี้บ่อย ๆ เพราะต้องมาคอยตรวจตราความเรียบร้อย และในคืนนี้ก็มีกลุ่มหนุ่มสาวออฟฟิศที่มาฉลองวันเกิดใครสักคนเช่นกัน แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหา ก็เพราะมีคน ๆหนึ่ง กำลังแสดงพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจนี่แหละ "นี่ คุณกลับรถทำไมคุณเอนก ที่พักฉันไม่ได้อยู่ทางนั้นนะคะ" หญิงสาวที่นั่งมากับรถเพราะเพื่อนวานให้ผู้ชายคนนี้ไปส่ง แทนที่จะนั่งเสียเงินค่าแท๊กซี่กลับห้อง ส่วนคนที่กำลังหมุนพวงมาลัย กลับตอบมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "พี่ว่าเราคงไปเส้นนั้นไม่ได้แล้วล่ะ พี่ลืมไปว่าแยกประตูน้ำมักจะมีด่านตำรวจ ขืนไป พี่ก็โดนเป่าแอลกอฮอล์สิครับ ไปพักคอนโดพี่ก่อนดีกว่า ไว้พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ" "ไม่ ๆ ค่ะ ถ้างั้นคุณจอดรถฉันจะกลับแท๊กซี่เอง" เธอไม่ได้โง่นะจู่ ๆ จะมาอ้างว่ามีด่านแล้วชวนไปค้างห้องด้วยกัน มันจะหมายความว่ายังไง อีกฝ่ายหาได้ใส่ใจกับเสียงค้าน มีเพียงรอยยิ้มมุมปาก "นี่ ฉันบอกให้จอดรถไง ไม่งั้นฉันจะโทรหายัยนิ ว่าคุณคิดจะทำอะไรไม่ดีกับฉันนะ" "หึ ๆ อย่าเสียเวลาเลยน่าจ๋า เธอก็เห็นสภาพเพื่อนเธอเมาขนาดนั้น ป่านนี้คงสลบไปแล้วล่ะ" บ้าจริง เธอไม่น่าทำตามที่เพื่อนบอกเลย เพราะเห็นว่าเอนกเป็นญาติกับนิภาพร เธอถึงได้ยอมมากับเขา ตอนนี้รถกำลังจะวิ่งผ่านสถานที่ฝั่งตรงข้าม ที่พวกเธอเพิ่งมาฉลองกัน ชัชญายื่นมือไปกระแทกปุ่มแตรรถอย่างแรง จนอีกฝ่ายว๊ากกลับมาด้วยความตกใจ ก่อนจะเบนรถเข้าจอดริมถนน "เฮ้ย! เธอทำบ้าอะไรเนี่ย เกิดรถเสียหลักขึ้นมาทำไง" "ก็ฉันบอกให้คุณจอดไง ปลดล๊อคฉันจะลง" "อย่าเล่นตัวนักเลยน่าคนสวย แค่ไปค้างกับพี่เธออยากได้อะไรพี่จัดให้ได้นะ" มือหนาเอื้อมมาตรงหน้าแต่ชัชญารีบปัดมันออก ก่อนจะได้สัมผัสเธอ รู้สึกสะอิดสะเอียนกับความคิดผู้ชายคนนี้เหลือเกิน มือบางสั่นระริกในใจทั้งกลัวและขยะแขยงไปด้วย เธอหันออกมองรอบรถตรงนี้เป็นตึกแถวที่เปิดแค่ไฟหน้าตึก ถึงใกล้ ๆ จะเป็นป้ายรถเมล์แต่มันก็ไม่มีคนในเวลานี้ หึ ๆ "ไปกับพี่ดี ๆ เถอะน่า คนสวยอย่าดื้อไปหน่อยเลย" จะมีทางไหนบ้างที่จะทำให้มีใครสักคนหยุดรถมาดูเธอบ้าง ชัชญายื่นมือไปกดแตรรถซ้ำ ๆ อีกครั้ง จนเสียงมันดังลั่นไปทั่วในเวลาค่อนดึกแบบนี้ "โอ๊ย!ปล่อยฉันนะ" ข้อมือเธอถูกอีกคนกำแน่นจนรู้สึกเจ็บ "เธอนี่ดื้อจริง ๆ เลย แต่ฉันชอบนะ ฮ่ะ ๆ หวังว่าตอนอยู่บนเตียงกับฉัน เธอจะพยศให้ฉันได้ปราบอย่างสนุกนะคนสวย" "ปล่อยนะ" "หยุดดีดดิ้นเถอะน่าถ้าไม่อยากเจ็บตัวน่ะ ดึกขนาดนี้ใครเขาจะมาสนใจเรา" ก๊อก ๆ กึ๊ก ๆ ๆ "เฮ้ย!อะไรวะ" คำสบถพร้อมกับที่เขามองหาต้นตอของเสียง ด้านข้างนั้นเงียบไม่มีอะไร ชัชญาเองก็หันมองซ้ายขวา ภาวนาขอให้เป็นใครสักคนที่มาช่วยเธอตอนนี้ เสียงเงียบไปแล้ว แต่ไม่นาน กึ๊ก ๆ ๆ ถ้าตั้งใจฟังให้ดีก็พอจะจับทิศทางได้ว่า เสียงประหลาดนั่นมาจากท้ายรถ "แมร่ง ใครมาเล่นพิเรนทร์กับกูวะ" น้ำเสียงหงุดหงิดพ่นออกมาไม่หยุด ก่อนที่เขาจะเปิดประตูลงไป นาทีนั้นเองที่ชัชญาเอื้อมไปกดปลดล๊อคประตู แล้วรีบเปิดออกไป "เฮ้ย! แกมาทำอะไรกับรถฉันห๊ะ" เมื่อลงมาจากรถเพื่อหาต้นตอเขาก็เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาจากท้ายรถ  "รถมีปัญหาเหรอพี่ เห็นบีบแตรลั่นเลย นี่หวังดีนะเลยจะเช็คเครื่องให้น่ะ" "มีปัญหาบ้าอะไร แล้วนี่เธอเอาไม้เบสบอลมาเคาะรถฉันใช่มั้ย หนอยยัยเด็กแว๊นกะโปโล" ร่างสูงปรี่เข้าหาด้วยท่าทางคุกคาม ชัชญาที่เพิ่งจะรู้ว่าคนที่มาช่วยเธอนั้นเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ในมืออีกฝ่ายมีไม้เบสบอลถืออยู่ "เฮ้ ๆ อย่ามากร่างแถวนี้สิคุณ นั่น ๆกล้องวงจรปิด ไม่ได้เอามาติดโชว์นะบอกไว้ก่อน แล้วฉันก็ไม่ได้ทำรถคุณเสียหายด้วย อย่ามาปรักปรำ" โยธกาเดินขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาหญิงสาว ที่ยืนกำสายกระเป๋าสะพายแน่น "คุณกดแตรหรือเปล่าคะ" ชัชญารีบพยักหน้าทันที ก่อนจะเดินเข้าไปเกาะแขนคนที่ตัวสูงกว่าเธอ "เขาจะลากฉันไปห้องเขาน่ะ ฉันไม่ยอมก็เลยกดแตรเผื่อมีใครหยุดรถมาดูบ้าง" "นี่ยัยเด็กแว๊น อย่ามาเสือกเรื่องชาวบ้านหน่อยเลยน่า แฟนเขาแค่ทะเลาะกัน จ๋า ขึ้นรถ เดี๋ยวพี่ไปส่ง" "ไม่มีทาง อย่าไปเชื่อเขานะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขา" โยธกามองหน้าผู้หญิงหน้าตาดีที่กำลังเกาะแขนเธอ แววตาที่แฝงความกลัวออกมาให้เห็นแบบนั้น ไม่ได้โกหก แถมสภาพของเธอ ก็ออกจะตื่นกลัวไม่น้อย "มุขหน้าด้านนี่ทำไมผู้ชายชอบใช้กันเน๊าะ เฮ้อ จะทำมิดีมิร้ายกับคนที่เขาไม่เต็มใจและสมยอมนี่มันเข้าข่ายความผิดอะไรหว่า เดี๋ยวขอโทรปรึกษาท่านผู้รู้แป๊บนะ อ้อ แล้วก็ที่พล่ามด่าฉันว่าเสือกด้วยนะ" โยธกากดเบอร์มือถือหาใครบางคนทั้งยังเปิดลำโพงอีกต่างหาก "ว่าไงตัวแสบ ยังไม่นอนหรือไงเรา" โยธกายิ้มมองหน้าผู้ชายปากเสียที่ยืนหายใจฟึดฟัด ก่อนจะกรอกเสียงลงไป "มีเหตุการณ์รบกวนสมาธินิดหน่อยค่ะผู้กอง พอดีว่ามีคนมากร่างอยู่หน้าบ้านค่ะ และมีผู้เสียหายด้วยนะคะเป็นผู้หญิงเธอ บอกว่าโดนผู้ชายคนนี้ข่มขู่จะเอาตัวไปนอนด้วยค่ะ แบบนี้จะผิดกฏหมายข้อไหนคะผู้กอง อ้อ เขาด่าโยด้วยแหละ ว่ายัยเด็กแว๊น อย่ามาเสือกเรื่องชาวบ้าน" ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ผิดปกติอย่างตอนนี้ ชัชญาก็อยากจะขำอยู่เหมือนกัน กับน้ำเสียงที่อีกคนใช้ มันทั้งฉอเลาะกึ่งฟ้องไปด้วย แล้วก็ไม่รู้ว่าปลายสายนั่นใช่ตำรวจจริงมั้ย "ขนาดนั้นเลยเหรอ ความผิดน่ะมีอยู่แล้ว แล้วผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า" ชัชญาส่ายหน้า "ไม่ค่ะ แต่อาการเธออยู่ในภาวะตกใจตัวสั่นเลยค่ะ" "นี่เธอไม่ต้องมาเล่นละครหลอกฉันเลยยัยเด็กแว๊น หน้าตากะโปโลอย่างแกนี่นะ จะมีเบอร์ผู้กอง ฮ่า ๆ" "ผู้กองขา ได้ยินมั้ยคะเค้าว่าหนูอีกแล้ว หนูเจ็บใจนะ สงสัยนอนไม่หลับไปหลายคืนเลยค่ะ" ยุทธการถึงจะขำกับสิ่งที่น้องสาวทำแต่เสียงของผู้ชายที่ดังชัดเข้ามาในสายก็ทำให้อดไม่ได้ ที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง "บอกให้เขารออยู่นั่นนะโย เผื่อจะได้เพิ่มข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ด้วย เดี๋ยวพี่ไป อ้อ อย่าลืมถ่ายทะเบียนรถไว้ด้วยล่ะ" "เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ โยเก็บหลักฐานเรียบร้อย รีบ ๆ มานะคะผู้กอง" ก่อนที่จะวางสายไปเสียงที่ดังขึ้นมาคล้ายเสียง ว.ของวิทยุสื่อสารก็ดังขึ้น และนั่นทำให้คนกร่างปากเสีย ชักจะลังเลขึ้นมาแล้ว "ถ้าผู้กองมาถึง คุณจะแจ้งความเลยก็ได้นะคะ" โยธกาหันมาคุยกับหญิงสาวข้างกาย สายตาก็มองไปยังผู้ชายหน้าปลาจั่ว ก่อนจะยิ้มเยาะเย้ยออกไป เอนกเห็นท่าไม่ดีเพราะถ้าตำรวจมาจริงเขาอาจจะโดนข้อหาเข้าจริง ๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องดี ทางที่ดีก็ไม่ควรจะอยู่เสี่ยง "อ้าว ๆ จะรีบไปไหนล่ะคุณ เดี๋ยวผู้กองก็มาแล้ว" เอนกหันมามองก่อนจะชี้หน้า แล้วเปิดประตูรถเข้าไปนั่งก่อนจะสตาร์ทรถออกไปอย่างไว "โถ่เอ้ย นึกว่าจะแน่"     เสียงหัวเราะขบขันเมื่อรถเก๋งราคาหลักล้านคันนั้นเปิดแน๊บไปแล้ว และยังไม่ทันที่ชัชญาจะเอ่ยถามอะไรขึ้นมาเสียงรถมอเตอร์ไซค์สายตรวจก็ดังเข้ามาใกล้ กระทั่งหยุดลงตรงหน้าพวกเธอ "เปิดตูดไปแล้วค่ะลุงจ่า" "อ้าว เหรอครับ พอดีผมได้รับวอแจ้งจากผู้กอง ก็เลยขับออกมาจากป้อมนี่เลย แล้วเป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ" "เขายังไม่ได้ทำอะไรรุนแรงค่ะ พอดีว่าฉันพยายามกดแตร เขาตกใจก็เลยหยุดรถ ฉันบอกให้เขาปลดล็อคประตูเขาไม่ยอมเปิด พูดจาชักชวนเสนอให้ฉันไปนอนกับเขา ฉันเลยกดแตรติดกันไปสามครั้งจนน้องคนนี้เค้ามาเคาะกระจกรถ ฉันถึงได้ลงมาจากรถเขาได้" ชัชญาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรถให้เจ้าหน้าที่ฟัง "ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ ว่าแต่คุณรู้จักกับคนนั้นหรือเปล่า ถ้าอยากจะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก็ได้นะครับ" "ไม่ได้สนิทอะไรเลยค่ะ เขาเป็นญาติของเพื่อนที่ทำงาน เคยเจอกันครั้งนี้ครั้งที่สามแค่นั้น คือที่จริงเขาจะจีบฉันนั่นแหละค่ะ แต่ฉันไม่ชอบก็ไม่ได้คุยหรือมีเบอร์ติดต่ออะไรกัน แต่วันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนฉันแล้วเขามาด้วย เพื่อนก็อาการเมาเอาตัวเองไม่รอดเขากลับกับแฟนเขา แล้ววานให้ญาติเขาไปส่งฉัน ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะมีความคิดต่ำ ๆ ขนาดจะลากฉันไปนอนกับเขาง่าย ๆ แบบนี้ เขาอ้างว่าไปส่งฉันไม่ได้เดี๋ยวเจอด่านตรวจแอลกอฮอล์ จะให้ฉันไปค้างที่คอนโดเขาก่อน" "ถ้าเกิดเขามาคุกคามคุณอีกคุณจะไปแจ้งความลงบันทึกไว้เอาผิดเขาได้นะครับ นี่โชคดีที่หนูโยลงมาดู" "เค้าด่าโยว่ายัยเด็กแว๊นด้วยลุงจ่า โยเหมือนเด็กแว๊นตรงไหนไม่ทราบ" ฮ่า ๆ "อืม ไม่เหมือนหรอกครับ เหมือนเด็กเนิร์ดมากกว่า ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมกลับป้อมก่อนนะครับ" "ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มา" ชัชญากล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ "ไม่เป็นไรครับ ตำรวจอย่างผมยินดีรับใช้ประชาชนครับ" "ลุงจ่ารายงานผู้กองด้วยนะคะ" "ได้ครับ ผมต้องรายงานเจ้านายอยู่แล้ว" เมื่อรถคุณตำรวจขับออกไป พร้อมกับที่ประตูระเบียงชั้นสาม ถูกปิดลงเช่นกัน "มีอะไรเหรอป๊า" เสียงงัวเงียของภรรยาถามคุณสามี ยศพลยิ้มบางก่อนจะทิ้งตัวลงที่เตียง "ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เจ้าโยเยจัดการเรียบร้อยแล้ว นอนเถอะ" "ขอบคุณนะที่มาช่วยทันเวลาพอดี ไม่งั้นฉันคงแย่แน่" เสียงหวานกล่าวขอบคุณออกมา โยธกาหันมายิ้มให้อีกฝ่าย "ไม่เป็นไรค่ะ แล้วพี่พักที่ไหนเนี่ย ตอนนี้มันตีหนึ่งแล้วนะ ฉันว่าไม่ควรอย่างยิ่งที่พี่จะใช้บริการแท๊กซี่" "พักแถวสุทธิสารน่ะ ไม่กลับแท๊กซี่จะให้พี่นั่งรอรถเมล์ตรงนี้หรือไงล่ะ" หึ ๆ "เปล่า เอางี้ พี่ไปรอห้องฉันก็ได้ไว้รถเมล์วิ่งพี่ค่อยกลับดีกว่านะ ป่ะ" ชัชญามองตามคนตัวสูงกว่าเดินนำหน้าไปที่ประตูเล็กของตึกแถว ก็ต้องขมวดคิ้ว "มาสิพี่ ไม่มีใครทำอะไรพี่หรอกน่า" "พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น แค่สงสัย เธอพักที่นี่เหรอ" "อืม นี่บ้านฉันเอง ไม่ใช่สิ มันเป็นของพ่อแม่ฉันท่านยังไม่ได้แบ่งสมบัติให้น่ะ" คำอธิบายพร้อมกับหัวเราะไปด้วยทำให้ชัชญาอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ มิน่าล่ะถึงได้มาช่วยเธอทัน เพราะตึกนี้ห่างป้ายรถเมล์ไม่กี่ก้าวเอง "ว่าแต่เธอมีเบอร์ตำรวจได้ไงล่ะ หรือว่าเป็นญาติกัน" "อ๋อ ผู้กองน่ะเหรอ พี่ชายฉันเองค่ะ นี่ไงห้องเขา" เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสอง ที่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง มีรูปวาดการ์ตูนนายตำรวจยืนทำท่าตะเบ๊ะ พร้อมกับตัวหนังสือใต้ภาพว่า "ผู้กองยุทธครับผม" ชัชญาหลุดยิ้มออกมาเมื่อภาพวาดนั้นมันดูน่ารักดี ส่วนหัวโต ๆ แต่ส่วนลำตัวเล็ก ๆ ดูตลกดี "นั่นห้องพี่สาวฉันค่ะ" ชัชญาเดินตามหลังเจ้าของร่างสูงก่อนจะหยุดมองหน้าห้องที่อยู่อีกฝั่ง และก็เห็นรูปการ์ตูนหัวโตตัวลีบเป็นผู้หญิง ยืนกอดอกพิงรถยนต์อยู่ ถึงจะเป็นภาพการ์ตูน แต่ว่ารูปใบหน้าก็วาดออกมาได้ดูเหมือนตัวบุคคลจริง ผู้หญิงในรูปผมยาวหน้าตาน่ารักดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD