อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้วบรรยากาศทั่วไปก็ดูคึกคักมีชีวิตชีวา ตามตึกสำนักงานหรือห้างร้านต่าง ๆ ก็ติดป้ายติดไฟเป็นสัญลักษณ์สวัสดีปีใหม่ และวันนี้ตั้งแต่เช้าเสียงเพลงประจำวันคริสต์มาสก็แว่วมาเข้าหู ให้ได้อมยิ้มกันกับวันดี ๆ วันหนึ่งของหลายคน
จึก ๆ ชัชญาเงยหน้ามองคนที่มายืนพิงพาทิชั่นโต๊ะทำงานเธอ แล้วจิ้มนิ้วจึก ๆ ที่ไหล่
"วันนี้วันมอบของขวัญ ให้ของน้องยัง"
แค่นั้นแหล่ะชัชญาก็ยิ้มทั้งส่ายหน้า ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะที่นิภาพรอยากรู้อยากเห็นเรื่องนี้น่ะ
"รอให้ปีใหม่เหรอ"
"ก็ไม่เชิงหรอก ยังหาจังหวะให้ไม่ได้น่ะ กลับไปก็ดึกง่วงนอนแล้ว"
"เดี๋ยว ไม่ได้ง่วงเพราะจึกกะดึ๋ยกันหรอกนะ"
"บ้า! คิดทะลึ่งนะเธอน่ะไม่ได้ไวไฟขนาดนั้นย่ะ"
ชัชญาบอกออกไปแต่ก็รู้สึกอายจนหน้าร้อนอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ทำอะไรก็แค่นอนกอดทุกคืน ที่เพิ่มมาก็แค่หอมแก้มนั่นแหละ
คิก ๆ ๆ
"ทำไมตัวหน้าแดงอ่ะ โอเค ๆ ไม่แซวแล้วค่ะ"
เมื่อถูกสายตาค้อนส่งให้นิภาพรก็หัวเราะคิกคัก ก่อนจะกลับไปทำงานตัวเองต่อ ปล่อยให้คนที่ถูกแซวทำได้แค่นึกหมั่นไส้ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้หรอกเมื่อนึกถึงเจ้าเด็กนั่นน่ะ
ภาพชินตาที่เห็นเมื่อเลิกงานก็คือโยธกานั่งเม้าส์ให้ลุง รปภ.หัวเราะอะไรกันชอบอกชอบใจ วันนี้ชัชญากลับเร็วหน่อยเพราะงานที่รับผิดชอบก็เหลือไม่เท่าไหรแล้ว อีกสองวันก็จะได้หยุดพักผ่อน แต่ปีนี้คงพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะมีคนจองตัวทั้งครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัดนี่ล่ะ
"วันนี้เลิกเร็วนะครับ"
ลุงรปภ.เอ่ยทักเมื่อเธอเดินไปใกล้
"ค่ะ งานเริ่มเคลียร์ใกล้เสร็จแล้วก็กลับไวหน่อย"
"กลับก่อนนะลุง สุขสันต์วันคิดมาก เอ้ย วันคริสต์มาสค่ะ"
ฮ่ะ ๆ
"ครับผม ขอบคุณของกินที่หอบมาให้ทุกวัน มีความสุขเช่นกันนะครับ"
คู่ซี้ต่างวัยโบกมือลากันเหมือนว่าสนิทกันมาหลายสิบปี ทำให้ชัชญาอดยิ้มไม่ได้ จะว่าไปเด็กเธอก็ค่อนข้างเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีถึงดีมาก ไม่งั้นแม่กับยายเธอคงไม่หลงเอ็นดูขนาดนี้หรอก จะเรียกว่ากลายเป็นลูกหลานคนโปรดไปอีกคนก็คงได้
วันนี้กลับมาถึงบ้านตอนสามทุ่มกว่า ทุกคนก็พากันพักผ่อนที่ห้องของแต่ละคนแล้ว ยิ่งป๊ากับม๊าก็คงเหมือนแม่กับยายของเธอ ที่มักจะนอนแต่หัววันเพราะต้องตื่นมาเตรียมของขาย พวกท่านก็ตื่นแต่ตีสี่กว่าเหมือนกัน จะได้พบหน้าพูดคุยกันก็คือตอนเช้าก่อนเธอไปทำงาน ส่วนผู้กองกับยุวดีก็เหมือนกันเดี๋ยวนี้เธอสนิทกับครอบครัวนี้มากพอสมควร มากพอที่จะเรียกป๊ากับม๊าแบบสนิทใจและเรียกผู้กองว่าเฮียตามน้องสาวเขา
"โยอาบน้ำหรือยัง"
"ยังค่ะ เห็นพี่ส่งมาบอกว่าอาจจะกลับเร็วโยเลยออกไปรอก่อนน่ะ"
ชัชญาวางกระเป๋าสะพายที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วนั่งลง มองเจ้าเด็กที่เดินไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือแต่ก็ยังหันหน้ามามองกันแล้วก็ยิ้ม
"ยิ้มอะไรคะ"
"ก็โยมีความสุขก็ยิ้มสิคะ คริสต์มาสปีนี้เป็นปีที่โยมีความสุขเพิ่มขึ้นกว่าทุกปี เพราะมีพี่มาอยู่กับโยตรงนี้"
คำพูดของน้องก็ทำให้คนเป็นพี่พลอยยิ้มไปด้วย จะว่าไปปีนี้ก็คงเป็นปีแรกที่วันแบบนี้มีความหมายสำหรับเธอเหมือนกัน ปกตินอกจากวันเกิดและวันแม่หรือวันปีใหม่เท่านั้น ที่เธอจะให้ความสำคัญกับคนใกล้ตัว แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้วเพราะมีเด็กคนนี้เพิ่มเข้ามาในชีวิต แถมของขวัญที่เตรียมไว้ก็ยังนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าสะพายนี่อยู่เลย
"พี่ไปอาบน้ำก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวโยโหลดโปรแกรมลงเวบก่อน"
ชัชญาพยักหน้าก่อนจะลุกเปิดตู้หยิบเอาเสื้อผ้า ที่จริงนอกจากชุดชั้นในกับชุดทำงานแล้วเธอก็ใส่เสื้อผ้าของน้องนั่นล่ะ
โยธกามองตามคนพี่ที่ออกจากห้องไป รอยยิ้มยังคงติดที่ริมฝีปากสีชมพูเรื่อ พี่เขาจะชอบของขวัญของเธอมั้ยนะเจ้าเด็กคิดไปยิ้มไป ที่จริงวันนี้หลังจากปิดร้านช่วงบ่ายเธอและป๊ากับม๊า พร้อมเด็กในร้านทั้งสองคนก็พากันไปเดินห้างซื้อของหลายอย่าง รวมทั้งเธอยังเลือกซื้อเสื้อกันหนาวเอาไว้ไปฝากยายกับแม่ของพี่เขาด้วยคนละสองตัว แล้วของเธอกับของพี่เขาคนละตัว ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพี่เขาชอบสีฟ้ากับสีขาว ก็เลยเลือกสีฟ้าอ่อน ๆ ให้พี่เค้า ส่วนเธอก็เป็นสีเทาอ่อนตามความชอบเหมือนกัน อากาศที่วังน้ำเขียวในช่วงปีใหม่มันเย็นไม่แพ้ทางภาคเหนือหรอก
ใช้เวลาโหลดโปรแกรมลงเครื่องเกือบเสร็จ พี่เขาก็กลับเข้ามาในห้อง กลิ่นครีมอาบน้ำที่เธอใช้ประจำแต่เวลาได้กลิ่นจากพี่เขาทำไมมันถึงได้หอมกว่าปกตินะ ลองดมจากตัวเองก็เฉย ๆ เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ถึงชอบไปกอดซุกแอบดมพี่เขาไงล่ะ เจ้าเด็กคิดไปก็เผลอยิ้มไปด้วย
"สงสัยจะมีความสุขมากจริง ๆ นะคะ ยิ้มไม่หุบเลย"
เสียงหวานของพี่เอ่ยขึ้นมา ให้คนที่คิดอะไรไปเรื่อยหันมาหัวเราะ
"สุขมากกก เลยค่ะ"
ชัชญาอยากจะไปบิดแก้มเจ้าเด็กทะเล้นที่ลอยหน้าลอยตาพูดจริง ๆ เลย หมั่นเขี้ยว โยธกาปิดคอมหลังทำงานเสร็จก่อนจะรีบออกไปอาบน้ำ เพื่อจะได้มามอบของขวัญให้พี่เค้า ชัชญานั่งพิงหัวเตียงครุ่นคิดอยู่ว่าจะให้ของขวัญน้องวันนี้หรือว่าจะให้ตอนปีใหม่ดี ปกติก็ไม่เคยให้ของใครในวันคริสต์มาสน่ะนะมันเลยรู้สึกเขินแปลก ๆ สงสัยเธอคิดนานไปจนน้องอาบน้ำเสร็จ แล้วมานั่งตัวหอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงหน้าแล้วตอนนี้
"พี่จ๋า ถึงโยจะไม่ใช่ลุงซานต้าหนวดเฟิ้ม แล้วก็ไม่ใช่สาวแซนตี้หุ่นเซ็กส์ซี่อวบอึ๋ม แต่วันนี้โยมีของขวัญที่อยากให้พี่ค่ะ"
เอาแล้วไง โดนน้องแย่งซีนไปจนได้ ชัชญามองคนที่เอื้อมหยิบของใต้หมอนหนุน กล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กเท่ากำปั้นถูกห่อด้วยกระดาษสีเงินและผูกโบว์ริบบิ้นสีเดียวกันถูกยื่นมาตรงหน้า
"Merry Christmas ค่ะ"
ชัชญารับกล่องเล็ก ๆ มามอง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เจ้าเด็กที่นั่งยิ้มอยู่ตอนนี้ อดไม่ไหวจริง ๆ กับความน่ารักของน้องเลยก้มไปหอมแก้มใสเป็นรางวัลให้ก่อน แล้วเจ้าเด็กขี้เขินก็เอามือกุมแก้มแดง ๆ ของตัวเองส่ายหน้าไปมา โอ้ย เห็นแล้วมันเขี้ยว
"พี่เปิดสิคะ"
น้องมันบอกหลังข่มอาการเขินได้แล้ว ชัชญาจึงแกะกระดาษห่อกล่องนั้นออก แต่พอเห็นกล่องภายในก็ขมวดคิ้วก่อนจะมองหน้าน้อง อีกคนพยักหน้ายิ้มให้เธอเปิดดู เห็นแค่กล่องก็พอรู้แล้วว่ามันต้องเป็นเครื่องประดับ และเมื่อเปิดกล่องดู สร้อยเส้นเล็กนอนคดตัวอยู่ในนั้น ทองคำขาว นี่น้องซื้อของมีราคาให้เธอเลยนะ ชัชญามองหน้ายังไม่ทันจะทักอะไร ก็เหมือนว่าน้องจะรู้ทันเลยชิงพูดมาก่อน
"มันไม่ได้เกินกำลังที่โยจะซื้อมันได้ค่ะ พี่ไม่ต้องคิดเรื่องราคาเลย โยเห็นว่ามันน่ารักดีและถ้าพี่ใส่มันต้องน่ารักมากด้วย มาค่ะโยใส่ให้ โยหาเงินเองนะไม่ได้ขอใครมาซื้อด้วย"
ให้ตายเถอะเด็กคนนี้จะทำให้เธอหลงรักจนหัวหัวปักหัวปำเหมือนกันแล้วนะ สร้อยเส้นเล็กน่ารักแต่ราคาไม่ได้น้อย ถูกน้องเกี่ยวคล้องกับข้อมือซ้าย แล้วเจ้าตัวก็พลิกไปมาทั้งยิ้มกว้างจนตาปิด
"ดูดี เหมาะกับพี่มากเลยค่ะ"
ชัชญามองสร้อยข้อมือมันน่ารักจริง ๆ นั่นแหละ เธอเงยหน้ามองน้องก่อนจะดึงร่างนั้นเข้ามากอด
"ขอบคุณนะคะสำหรับของขวัญมีค่าชิ้นนี้ พี่ชอบมันค่ะ"
โยธกากอดตอบร่างนุ่มอุ่นของพี่เรียวปากแต้มยิ้ม ยิ้มที่เป็นความสุขเมื่อได้ทำอะไรให้คนที่รัก
"ของขวัญมันอาจจะมีค่ามีราคาในตัวของมัน แต่พี่คือของขวัญที่ประมาณค่าไม่ได้สำหรับโยนะ ถ้าหากโยจะมีอะไรที่มอบให้พี่ในภายภาคหน้า โยไม่อยากให้พี่มองที่ราคาของสิ่งนั้น แต่แค่รู้ว่าโยมีความสุขที่จะมอบสิ่งเหล่านั้นให้คนที่โยรัก และโยก็ไม่เคยคิดจะทำอะไร ที่มันเกินกำลังหรือความสามารถที่ตัวเองจะทำได้หรอกค่ะ"
ชัชญาอยากขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้เธอได้มาเจอกับเด็กคนนี้ น้องไม่ได้แค่จิตใจดีแต่เด็กอายุยี่สิบเอ็ดคนนี้ กลับมีความคิดที่ทำให้คนอย่างเธอต้องยอมจำนน
"จะทำให้พี่แน่นอกจนเก็บคำรักเอาไว้ไม่ได้หรือไงฮึ"
คนเป็นพี่ผละออกมาบอก ให้เจ้าเด็กหลุดหัวเราะชอบใจ
"เก็บไว้ให้มันถึงที่สุดก็ดีนะคะ มันจะได้ระเบิดตู๊มมม"
"เป็นโกโก้ครั๊น"
ฮ่า ๆ ๆ โยธกาหัวเราะขบขันเมื่อพี่ต่อมุขของเธอ
"ไม่ใช่ค่ะ อันนั้นมุขชาวบ้านเขาโยไม่ใช้หรอก ของโยต้อง ระเบิดตู๊ม เป็นดอกรักบานปลิวไสวโปรยปรายลงมาโอบล้อมเราสองคนต่างหาก อ๊า หอมกลิ่นความรักจัง"
ถ้าพวกคุณเห็นหน้าตาท่าทางของน้องตอนนี้ เชื่อเถอะว่าคุณจะไม่ใช่แค่ยิ้ม แต่คุณคงอยากจะดึงเจ้าเด็กนี่มาฟัดให้สาสมกับความน่ารักน่ามันเขี้ยวจริง ๆ นะ
"ลุกไปหยิบกระเป๋าให้หน่อยสิคะ"
หืม โยธกาทำหน้างง แต่ก็ยอมลุกไปหยิบกระเป๋าสะพายมาส่งให้พี่ ชัชญาแกล้งหยิบเอายาดมออกมาสูดดมจนน้องหัวเราะขำ
"ทำไมละคะ พี่จะเป็นลมเหรอ แน่นหน้าอกใช่มั้ย แบบนี้ต้องผายปอดหรือเปล่าคะ"
นิ้วพี่ดันหน้าผากอีกคนจนจะหงายหลังให้เจ้าตัวหัวเราะขำ ก่อนชัชญาจะหยิบของขวัญที่เตรียมไว้มาส่งให้ เจ้าเด็กทำปากวู๊ววตาโตดีใจเกินเหตุน่าหมั่นไส้
"ใจตรงกันจังเลย มีของขวัญให้น้องโยด้วยอ่ะ"
น้องพูดไปก็มองหน้าพี่ไปยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว โยธกาแกะกล่องของขวัญออกมาก่อนจะทำตาโต
"นาฬิกา! หูย สวยอ่ะพี่ให้ของขวัญถูกใจโยมากเลยค่ะ"
น้องเงยหน้ามาบอกหยิบเอานาฬิกายี่ห้อหนึ่ง ชนิดไขลานหน้าปัดมีสีออกทั้งเทาและบางทีก็เหมือนสีครามน้ำทะเล สายหนังแท้อย่างดีสีน้ำตาล
ชัชญามองน้องใส่นาฬิกาแล้วก็อมยิ้ม ที่เธอเลือกซื้อเพราะสังเกตุเห็นนาฬิกาที่น้องใส่ สายมันซีดจนเป็นรอยแตกจะเป็นขุ๋ยอยู่แล้ว คงจะใส่มานานพอสมควร
"ขอบคุณนะคะ โยชอบมันจริง ๆ นะ"
คนเป็นพี่ยิ้มพยักหน้าให้
"เมื่อกี้พี่หอมแก้มเค้า ให้น้องโยหอมคืนด้วยสิ"
"ก็พี่หอมแทนคำขอบคุณนี่คะ"
"งั้นโยก็หอม เพราะอยากขอบคุณพี่เหมือนกันนี่นา ไม่ได้เหรอคะ"
หน้าตาแสนจะอ้อนขนาดนั้นคงใจแข็งได้หรอกนะ
"เร็ว ๆ ค่ะ ห้าทุ่มล่ะ"
แค่นั้นแหล่ะ เจ้าเด็กก็โฉบหน้ามากดปลายจมูกฝังแก้มซ้ายสูดเอาความนุ่มหอมเข้าปอดไปฟอดใหญ่ ชัชญามองเด็กที่ได้สิ่งที่ขอแล้วก็ยิ้มกริ่ม ก็อดยิ้มตามไม่ได้ ความรู้สึกดีมากมายพอกพูนอยู่ในหัวใจ เธอมองน้องที่ยังคงจ้องกันอยู่ ก่อนจะโน้มหน้าลงเอาปากไปแตะเรียวปากสีเรื่อนั่นเร็ว ๆ แล้วถอยออกมามองเด็ก ที่เบิกตาอ้าปากค้างก็อดขำไม่ได้
"อันนี้รางวัลพิเศษสำหรับเด็กน่ารักค่ะ ไม่อนุญาตให้ทำตามตอนนี้ นอนได้แล้วค่ะพี่ง่วงจริง ๆ แล้วนะ"
คนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับจูบสายฟ้าแลบก็ถึงกับสติหลุดไปหลายวิ ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างจนตาปิด รีบเก็บของแล้วไปปิดไฟมาทิ้งตัวลงกอดร่างนุ่มอุ่นของพี่
"ฝันดีนะคะ นางฟ้าของน้องโย"
"ฝันดีค่ะ เจ้าเด็กน่ารักของพี่"
ค่ำคืนวันคริสต์มาสปีนี้อบอวลไปด้วยความสุขความอบอุ่น ที่แผ่ปกคลุมหัวใจของคนสองคนให้อุ่นและอิ่มเอมไปพร้อม ๆ กัน
เทศกาลปีใหม่เวียนมาถึงอีกปีแล้ว หลายคนได้หยุดพักไปเที่ยวได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังมีงานในหน้าที่ต้องรับผิดชอบกันต่อไป วันหยุดอาจจะไม่สำคัญเท่าไหรสำหรับพวกเขา แต่เงินพิเศษที่จะได้มาเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดนี่สิอาจจะมีค่ากับชีวิตมากกว่า
เป็นปกติที่พอวันหยุดยาวทีไร การเดินทางออกต่างจังหวัดก็เป็นเรื่องที่ต้องทำใจ ว่าคุณจะต้องติดอยู่บนถนนหนทางเส้นหลัก ที่คนหลายหมื่นคนก็ต่างมีเป้าหมายมารวมกัน เพื่อมุ่งหน้าสู่สถานที่ต่าง ๆ ของแต่ละคน ครอบครัวของโยธกาพากันออกจากบ้านในเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อจะมารับอีกหนึ่งครอบครัว รถยนต์เจ็ดที่นั่งวิ่งมาถึงบ้านริมคลองในตอนเจ็ดโมงเศษ
ชัชญากับแม่และยายปิ่นก็เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว คนในรถทยอยกันลงมาทักทายสวัสดีเจ้าของบ้าน
"สวัสดีครับคุณยาย สวัสดีแม่นิ่ม ผมเรียกยังงี้ได้เน๊าะ"
ชาลินียิ้มรับทุกคน
"งั้นฉันก็คงเรียกว่าคุณพี่ทั้งสองคนแล้วค่ะ"
ยศพลเดินยิ้มเข้าไปทักทายเป็นคนแรกตามด้วยศรีวรรณ ยุวดีและรั้งท้ายด้วยหนุ่มหน้าตาดี ที่ถอดคราบเครื่องแบบมาอยู่ในชุดลำลองสบาย ๆ ในวันนี้
"สวัสดี ๆ มากันหมดทั้งครอบครัวกันเลยใช่มั้ย นั่นลูกชายเรอะ หล่อเหมือนพระเอกละครตอนเย็นเลยนี่ คนนี้ใช่มั้ยที่ว่าเป็นตำรวจน่ะ"
ยายปิ่นรับไหว้และทักทายกันอย่างอารมณ์ดี ยุทธการถอดแว่นกันแดดออก พร้อมเดินเข้าไปทำความเคารพผู้สูงวัย และผู้หญิงอีกคนที่ยังดูดี หน้าตาเป็นแบบให้กับชัชญาอย่างแท้จริงเลย
"สวัสดีครับคุณยาย คุณน้า ผมยุทธการครับ เป็นตำรวจและตอนนี้ผมโสดอยู่นะครับมีสาว ๆ แนะนำให้ผมมั้ยครับ"
หนุ่มขี้เล่นเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้ม ให้ทั้งยายและชาลินียิ้มขำ
"ทำยังไงล่ะ มีหลานสาวอยู่คนเดียวแต่ก็คงจะไม่โสดแล้วล่ะ มีคนมาจองเอาไปแล้ว"
คำพูดของคนสูงวัยก็เรียกเสียงหัวเราะครืน และสายตาทุกคนก็เหมือนจะมองมาที่สองสาวอย่างล้อเลียน เล่นเอาชัชญาใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเหมือนกัน ส่วนเจ้าเด็กน่ะเหรอก็คงเขินอยู่เหมือนกันแหละ หน้าน้องเป็นสีชมพูเรื่อแต่ปากนี้ฉีกยิ้มจนตาปิดไปแล้ว
"กระเป๋ามีแค่นี้ใช่มั้ยครับ งั้นก็ขึ้นรถเลยครับเดี๋ยวผมจัดการให้"
ยุทธการบอกก่อนจะไปยกกระเป๋าเดินทางขนาดกลางสองใบขึ้นจัดที่ท้ายรถ
"ให้คุณยายนั่งข้างในดีมั้ยแม่นิ่ม เดี๋ยวเราสองคนก็นั่งตรงนี้"
ศรีวรรณบอกกับอีกคนที่คงอ่อนกว่าไม่กี่ปี ชาลินีก็เห็นด้วย ก่อนจะพยุงคนเป็นแม่ให้ท่านเข้าไปนั่งเบาะในสุดของแถวหน้า
"เออ เบาะมันก็กว้างนั่งสบายดีนะรถรุ่นนี้"
ยายปิ่นเอ่ยขึ้นให้คนที่ตามขึ้นมานั่งพากันยิ้ม
"ก็โยบอกแล้ว ว่าไปกับน้องโยจะสบาย นี่ค่ะคุณยายเอาเท้าวางเก้าอี้เล็กนี่นะจะได้ไม่ปวดขา แล้วเอนเบาะลงมาแบบนี้ คราวนี้ก็นอนสบายเลย เอาหมอนกับผ้าห่มด้วยมั้ยคะโยเตรียมมาพร้อมเลยนะ"
เจ้าเด็กช่างดูแลเอาใจคนแก่ ก็จัดแจงปรับเบาะเอาเก้าอี้พลาสติกตัวเล็กมาเป็นที่พักเท้าให้อีก การกระทำนั้นทำให้ผู้ใหญ่อดยิ้มกันไม่ได้
"ไม่เป็นไร ๆ ลูก แค่นี้ก็สบายแล้ว มันไม่ไกลมากไม่ใช่รึ ยายคงไม่ทันได้หลับหรอก"
"ก็ประมาณสามหรือไม่ก็สี่ชั่วโมงครับเผื่อรถติด แต่ถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็บอกเลยนะครับ เราแวะกันได้ตลอดทางอยู่แล้ว"
ยุทธการหันมาบอกกับคนด้านหลัง เขาทำหน้าที่ขับสลับกับบิดาที่นั่งด้านหน้าด้วยกัน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยรถก็เคลื่อนออกจากบ้านริมคลอง มุ่งหน้าสู่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา