"โยไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย ถ้ามองก็อาจจะมองเฉย ๆ แต่ไม่ได้คิดอะไรเหมือนที่มองพี่หรอกนะ"
เพี้ยะ อ๊ะ! เสียงฝ่ามือบางที่จู่ ๆ ก็ตีเข้าที่แก้มซ้ายจนคนเป็นน้องตกใจ มันไม่ได้เจ็บหรอกเพราะพี่ไม่ได้ตีแรง แต่ตกใจมากกว่า
"อะไรอ่า ตบหน้าโยทำไม"
ชัชญาอมยิ้มมองคนที่เอามือลูบแก้มที่กำลังขึ้นสีแดงหน่อย ๆ
"เจ็บหรือเปล่าคะ"
น้องส่ายหน้า แต่หน้าตายังดูงงไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ถึงทำแบบนี้ จะว่าโกรธก็ไม่น่าใช่
"อืม แค่ซ้อมเอาไว้ เผื่อวันนึงได้ลงมือจริง ๆ จะได้กะน้ำหนักถูก"
คราวนี้คนเป็นน้องถึงกับอ้าปากทำตาโต
"โหย นางฟ้าของเค้ามีมุมโหดด้วยอ่า ฮ่า ๆ ชอบอ่ะ โยชอบ ไม่คิดว่าพี่จะมีมุมขี้หึงแบบนี้ แต่เอาจริง ๆ นะถ้าเมื่อไหร่ที่โยทำผิดทำพี่เสียใจ โยจะยอมเป็นจำเลยรักให้พี่ลงโทษจนสาแก่ใจเลยค่ะ แต่ยังไงก็ขอให้ใช้กฏ สสส.กับโยก่อนนะ"
คำพูดกับแววตาจริงจังของน้อง ก็ทำให้คนเป็นพี่แอบพอใจอยู่ไม่น้อย แล้วที่บอกว่าชอบที่เธอแสดงอาการเหมือนภรรยาขี้หวงนี่อีก เธอไม่ได้เป็นคนชอบความรุนแรงสักหน่อย ก็แค่แกล้งขู่ไปเท่านั้นแหละ ถ้าคิดจะนอกลู่นอกทางน่ะ แต่ถ้ามันเกินเยียวยาก็ต้องจบกันอย่างพ่อกับแม่เธอ และเธอจะไม่ทนอะไรขนาดนั้นหรอกนะ
และครั้งนั้นก็เหมือนการได้ไปบ้านริมคลองของเด็กตัวสูงต้องหยุดลงไป เพราะลูกค้าที่ติดต่อจ้างทำเวบไซต์ได้ตกลงที่จะให้น้องเขียนโปรแกรมแล้ว โยธกาก็เลยเหมือนจะยุ่งกับทั้งการเรียนและงานที่รับมา เราสองคนจึงไม่ได้เจอกันนอกจากตอนเย็น ที่น้องจะคอลวีดีโอมาอ้อนขอเติมพลังงานให้อยู่ทุกคืน
และตอนนี้กลายเป็นว่า แม่กับยายที่มักจะถามทุกวันหยุดว่าน้องมาค้างด้วยมั้ย แต่ถึงตัวจะไม่ได้มาด้วยโยธกาก็ยังไม่วายที่จะออเซาะปะเหลาะทั้งสองท่าน ผ่านวีดีโอคอลเวลาที่เธอกลับบ้าน เผลอแป๊บเดียวก็หมดสัปดาห์หมดเดือนไปอีกแล้ว ถ้านับเวลาตั้งแต่ได้รู้จักกันมา นี่เข้าเดือนที่สามแล้ว
และสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ที่ชัชญาต้องอยู่ทำโอทีเพื่อเคลียร์งานต่าง ๆ ให้เสร็จ พนักงานในสำนักงานนี้มีเกือบร้อยคน แต่ละคนก็จะถูกแบ่งงานให้รับผิดชอบกันไป จะมีบริษัทต่าง ๆ ที่ใช้บริการของพวกเราในการจัดทำงบการเงินและตรวจสอบบัญชีต่าง ๆ เพื่อยื่นสรรพากร นั่นคือหน้าที่ของพวกเธอในแต่ละเดือน เสียงโทรศัพท์โต๊ะทำงานของเธอดังขึ้นตอนสองทุ่มกว่า
"จ๋า มาที่ห้องพี่หน่อยค่ะ"
เสียงจากหัวหน้างานส่งมาตามสาย ชัชญารับคำก่อนจะวางหูแล้วเดินไปที่ห้องผู้จัดการ เคาะประตูเพื่อขออนุญาตก่อนเปิดเข้าไป
"มีอะไรหรือเปล่าคะพี่อี๊ด"
อี๊ดหรืออริสาสาวใหญ่วัยสี่สิบแปด กำลังนั่งดูเอกสารมากมายบนโต๊ะด้วยสีหน้ายับยุ่ง
"นั่งก่อนค่ะ ข้างนอกเหลือใครบ้างตอนนี้"
"ก็เหลือหลายคนนะคะ"
อริสาพยักหน้า
"เอกสารพวกนี้เป็นของบริษัทหนึ่ง และคนที่รับผิดชอบคือจารุวรรณ เขากลับไปแล้วใช่มั้ย"
ชัชญาพยักหน้า
"ค่ะ กลับไปตั้งแต่ทุ่มแล้วมั้ง"
ดูท่าว่าน่าจะมีอะไรผิดปกติถ้าดูจากสีหน้าผู้จัดการตอนนี้ จารุวรรณคือหนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่าเธอสองปี และทำงานที่นี่มาก่อนเธอปีกว่าด้วย
"มันมีปัญหา และทางสรรพากรเขาเพิ่งตรวจเจอ ก่อนที่จะส่งเอกสารพวกนี้กลับมาให้พี่ งบการเงินมันมีอะไรบางอย่างที่ไม่สมดุลกันน่ะ เอาง่าย ๆ คือตัวเลขมันผิดปกติจากผลประกอบการจริง รู้ใช่มั้ยทำไมพี่เรียกเรามาแทนที่จะเป็นคนอื่น"
ชัชญาพยักหน้า ก็เพราะพี่เขาไว้ใจเธอ เนื่องจากเธอเคยตรวจเจอเอกสารที่คนเก่า ๆ ทำไว้แบบไม่ถูกต้อง แต่คนเหล่านั้นก็ออกจากที่นี่ไปก่อนแล้ว
"พี่คงต้องรบกวนเราช่วยตรวจและก็ต้องช่วยแก้ไขตัวเลขให้ถูกต้อง คงต้องอยู่ดึกกันหน่อยนะอาทิตย์นี้ เราไม่มีรถใช่มั้ยเดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้ และก็ไม่ต้องให้เขารู้ล่ะ เราแก้เอกสารให้จบก่อนพี่จะเรียกเขามาคุยเอง"
"ค่ะพี่อี๊ด"
ชัชญารวบเอาแฟ้มงาน ที่มีปัญหากลับออกไปที่โต๊ะ
"มีอะไรหรือเปล่าจ๋า"
นิภาพรเดินมาถามเพื่อน ชัชญายิ้มบาง
"ไม่มีไรมากหรอก พอดีต้องเอางานมาแก้นิดหน่อยน่ะ ของเธอใกล้เสร็จยังล่ะ"
"เหลืออ**บริษัทนึงน่ะ แบบนี้เธอก็ได้กลับช้าสิ"
"คงงั้นแหละ ไม่เป็นไรกลับได้"
เธอบอกอีกฝ่ายไปง่าย ๆ นิภาพรถือว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่เธอสนิทที่สุด และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเพื่อน เธอก็เล่าให้อีกฝ่ายฟังหมด นิภาพรตกใจไม่น้อยและขอโทษขอโพยเธอเป็นการใหญ่ ไม่คิดว่าญาติห่าง ๆ ของตัวเองจะทำนิสัยแย่ได้ขนาดนั้น เธอเลยไม่ได้ถือโทษโกรธอีกฝ่าย
งานที่ได้รับมาคือสิ่งที่เธอเลือกจะทำก่อน เพราะไม่รู้จะใช้เวลามากแค่ไหนถึงจะแก้เสร็จ ส่วนงานที่รับผิดชอบโดยตรงเธอไม่ห่วง เพราะแค่ลงตัวเลขกับทำเอกสารแค่นั้น เวลาผ่านไปเรื่อยเพื่อนร่วมงานหลายคนก็ทยอยกันกลับ รวมทั้งนิภาพรด้วย หญิงสาวทำงานไปจนกระทั่งเสียงข้อความแชทดังขึ้นมา
Yoye: พี่กลับหรือยังคะ
ชัชญาเหลือบดูเวลาก็เห็นว่ามันจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว มองไปรอบตัวเห็นเพื่อนร่วมงานแค่สองคน และก็หัวหน้างานที่ยังอยู่
Chatchaya: พี่ยังอยู่ที่ทำงานอยู่เลยค่ะ คงกลับดึกน่ะมีงานให้แก้ แต่หัวหน้าพี่เขาจะไปส่งไม่ต้องห่วงค่ะ
ข้อความขึ้นว่าอ่านแต่เงียบไป เธอจึงวางมือถือแล้วทำงานต่อ แต่ไม่ถึงห้านาทีเสียงเตือนดังขึ้นอีก
Yoye: ถ้าจะกลับดึกขนาดนั้นพี่มาค้างกับโยดีกว่านะ เดี๋ยวโยเอารถป๊าไปรับไม่ต้องกลับห้องหรอก มาพักนี่ใกล้ ๆ ไม่ต้องให้หัวหน้าพี่ลำบากไปส่งด้วยค่ะ เอาตามนี้นะคะ ใกล้เลิกพี่ส่งข้อความมาโยไปแป๊บเดียว
คนเป็นพี่อ่านแล้วอดยิ้มไม่ได้ จะว่าไปพักกับน้องมันก็ใกล้ที่ทำงานเธอดีเหมือนกัน สุดท้ายก็เลยส่งสติกเกอร์โอเคกลับไป
ส่วนเจ้าเด็กที่ได้อ่านข้อความก็ยิ้มกว้าง งืม คิดถึงอ้อมกอดอุ่นกลิ่นกายหอม ๆ ตัวนุ่ม ๆ ของพี่เขาจะแย่ ถึงจะบอกว่าให้พี่ส่งข้อความมา แต่โยธกาก็ไม่ได้รออย่างที่บอก เมื่อเห็นว่าใกล้ห้าทุ่มแล้วคนเป็นพี่ยังเงียบ เธอก็ออกไปขอกุญแจรถปิ๊กอัพของป๊าแล้วก็ขับออกไปรอพี่ที่ตึก
"คุณลุง พอดีหนูมารอรับแฟน หนูจอดแถวนี้ได้มั้ยคะ"
ใบหน้าใสลดกระจกลงคุยกับรปภ.หน้าตึก
"งั้นหนูไปจอดตรงกรวยที่ตั้งไว้เลยครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
เจ้าเด็กบอกขอบคุณแล้วนำรถไปจอดไม่ไกลจากป้อมเท่าไหร จากนั้นจึงหยิบถุงผ้าเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อ ที่อยู่ไม่ไกลหาซื้อน้ำกับของกินไว้เผื่อคนที่ยังทำงานอยู่ เด็กสาวหิ้วถุงของกินกลับมาที่ป้อม
"ลุง นี่ค่ะหนูซื้อมาฝากเอาไว้กินแก้ง่วง"
ถุงที่บรรจุพวกเครื่องดื่มชูกำลังและพวกไส้กรอกรมควัน อย่างล่ะสามถูกส่งให้คนที่นั่งอยู่หน้าป้อม
"โอยขอบคุณมากครับ ไม่เห็นต้องลำบากซื้อมาเลย"
"ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่ลุงเฝ้าอยู่คนเดียวเหรอคะ"
เด็กสาวหน้าตาดีที่มานั่งคุยด้วยแถมยังซื้อของกินมาให้ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน ทำให้ชายวัยห้าสิบกว่านึกเอ็นดูจริง ๆ
"อยู่กันสองคนครับ อีกคนไปเดินตรวจความเรียบร้อยตามชั้นน่ะ แล้วดึกขนาดนี้มารับแฟน น่ารักจริง ๆ ลุงเห็นแต่ผู้ชายเขามารับแฟน เพิ่งเคยเห็นหนูนี่แหละเป็นผู้หญิงแล้วมารับผู้ชาย หึ ๆ น่ารักจริง ๆ"
ลุงรปภ.พูดไปขำไปแต่เจ้าเด็กตัวสูงก็ไม่ได้อธิบายอะไรออกไปเหมือนกัน นอกจากอมยิ้มแล้วยังคงชวนลุงเขาคุยเรื่องอื่นไปเรื่อย
ห้าทุ่มกว่าอริสาก็เดินออกมาหาลูกน้อง
"เป็นไงบ้างเจอจุดปัญหามั้ย"
"ค่ะ จ๋ากำลังไล่เช็คอยู่ว่ามันเริ่มจากปีไหน แต่ดูคร่าว ๆ เหมือนจะเป็นสองปีที่ผ่านมานี่เองนะคะ"
"อืม ถ้างั้นวันนี้พี่ว่าพอก่อนแล้วกันนะ เรายังพอมีเวลาอีกสามวัน ถ้าไม่เสร็จยังไงจ๋ามาช่วยพี่วันเสาร์อีกวันแล้วกัน ป่ะเก็บของเถอะ"
"คือ พี่อี๊ดไม่ต้องไปส่งจ๋าแล้วค่ะ พอดีมีคนมารับแล้วจ๋าจะไปพักกับเขานี่แหละ"
ชัชญาเอ่ยบอกกับหัวหน้างาน อริสาขมวดคิ้วเล็กน้อย
"เหรอคะ แล้วตอนนี้เขามาหรือยังพี่จะอยู่รอเป็นเพื่อน คนอื่นเขากลับกันหมดแล้วชั้นเรา"
"เดี๋ยวส่งข้อความบอกก่อนค่ะ เขาอยู่ไม่ไกลคงใช้เวลาไม่นาน"
Chatchaya:โยออกมาได้แล้วค่ะ พี่เลิกงานแล้ว
Yoye: ลงมาเลยค่ะโยอยู่ข้างล่างแล้ว รอที่ป้อมยามนะคะ
ชัชญาขมวดคิ้วก่อนระบายยิ้ม เงยหน้าขึ้นมาบอกหัวหน้า
"น้องรอข้างล่างแล้วค่ะ"
อริสามองหน้าลูกน้องก่อนพยักหน้ายิ้มให้อีกคน ใช้เวลาเก็บของไม่นานทั้งคู่ก็ลงมาจากตึก
"เจอกันพรุ่งนี้จ๊ะ บอกคนมารับด้วยล่ะว่าอาจจะดึกเหมือนเดิม"
ชัชญาหลุดยิ้มเมื่อคนอายุมากกว่า กล่าวออกมาคล้ายจะแซวกัน
"ค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะพี่อี๊ด"
"จ้า"
สองคนแยกกันตรงหน้าลิฟต์ชั้นสาม อริสาไปจุดลานจอดรถส่วนชัชญาก็ลงไปหน้าตึก มองไปที่ป้อมยามก็เห็นเจ้าเด็กนั่งคุยโม้อยู่กับลุงรปภ.เธอจึงเดินเข้าไปหา โยธกาเมื่อเห็นคนเป็นพี่ก็ลุกขึ้นส่งยิ้มให้
"หนูกลับก่อนนะลุง ไว้จะมาโม้ให้ฟังใหม่ค่ะ"
ลุงรปภ.มองหน้าเธอแล้วก็เด็กตัวสูง เหมือนจะถามอะไรสักอย่าง แต่เจ้าเด็กบอกออกไปสั้น ๆ ว่า
"คนนี้แหละค่ะ กลับแล้วนะคะ บาย"
ชัชญาถูกน้องกุมมือพาเดินมาที่รถปิ๊กอัพสีดำที่จอดอยู่ ไม่รู้หรอกว่าน้องคุยอะไรกับลุงเขาไว้ แต่ดูจากสีหน้าของแกเหมือนจะอึ้ง ๆ หลังจากที่เจ้าเด็กบอกอะไรออกไป
"มานั่งโม้นานแล้วเหรอคะ"
คนเป็นพี่ถามเมื่อเข้ามานั่งในรถแล้ว น้องหัวเราะก่อนจะส่งถุงมาตรงหน้าเธอ
"สักครึ่งชั่วโมงได้มั้งคะ นี่โยซื้อมาไว้ให้เผื่อพี่หิว"
ชัชญามองของกินในถุงมีเกี๊ยวกุ้งสองห่อ กับข้าวปั้นญี่ปุ่นและน้ำเปล่า
"ขอบคุณค่ะ"
คนเป็นพี่บอกด้วยรอยยิ้มในความใส่ใจที่น้องมี เพราะเธอก็หิวอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าจะได้กลับดึกขนาดนี้ก็เลยกินแค่ขนมปังกับนม ที่เป็นเสบียงประจำโต๊ะแค่นั้น
"งานมีปัญหาเหรอคะ"
คนที่ทำหน้าที่ขับรถถามขึ้นมา
"ค่ะ มันเป็นงานที่คนอื่นรับผิดชอบน่ะ แต่อืม เขาทำผิด หัวหน้าก็เลยให้พี่ช่วยดูอีกที"
ชัชญาเล่าให้ฟังคร่าว ๆ และน้องก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ
"ถ้าต้องกลับดึกแบบนี้อีก พี่ก็มาค้างกับโยนะคะ"
"อือหึ"
เสียงรับปากทั้งที่ยังคงกินเกี๊ยวไปด้วย น้องหันมามองก่อนจะยิ้ม คิดไม่ผิดว่าพี่เขาอาจจะหิว ใช้เวลาขับรถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงบ้านแล้ว
"มีเครื่องซักผ้าปั่นแห้งมั้ยโย พี่ลืมเลยว่าไม่มีชุดทำงานสำรองน่ะ"
"มีค่ะ พี่ไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวโยจัดการให้ ถอดมาค่ะ"
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ทำเอง"
คนเป็นน้องมองหน้าพี่สักพัก ก็หลุดยิ้มออกมา
"พี่อายโยด้วยเหรอ"
ชัชญาหันมาส่งค้อนเล็ก ๆ ให้คนที่อมยิ้มน่าหมั่นไส้ จะไม่ซักมันก็ดูยังไงอยู่มั้ยล่ะชั้นในน่ะ
"ไม่ต้องมายิ้มค่ะ แล้วก็ขอเสื้อผ้าหนา ๆ มิดชิดด้วย ที่สำคัญคืนนี้ห้ามเข้าใกล้ด้วย"
"ง่าาา อะไรอ่ะ น้องโยแค่อยากได้พลังงานเฉย ๆ นะคะ"
ไอ้คำว่าพลังงานก็คือการได้กอดเธอนั่นแหละ จะให้กอดได้ยังไงในเมื่อคืนนี้มันจะเป็นครั้งแรก ที่นอนกับน้องแล้วไม่ได้ใส่ข้างในน่ะ
"ถ้างอแง งั้นพี่ไม่นอนร่วมเตียงนะ"
คำพูดน้ำเสียงเด็ดขาดของพี่ ก็พอจะทำให้เด็กขี้อ้อน หยุดความเอาแต่ใจลงทันทีเหมือนกัน
"ก็ได้ค่ะ น้องโยไม่ดื้อไม่งอแง เดี๋ยวโยหาชุดให้"
ชัชญาแอบยิ้มพอใจเมื่อน้องหันกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วได้เสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นสีเข้มมาส่งให้
"ขอบคุณค่ะ น่ารักมากไม่โยเย"
มือพี่ยื่นไปบีบแก้มใสเบา ๆ ให้เจ้าเด็กพอจะยิ้มออกมาได้ ปล่อยให้พี่ไปอาบน้ำและก็พาเอาชุดทำงานลงไปปั่นเครื่องที่ชั้นล่าง
"พี่จ๋า พรุ่งนี้พี่เอากุญแจห้องไว้ให้โยนะ ไว้เลิกเรียนเสร็จโยจะไปเอาชุดที่ห้องมาไว้ให้ อาทิตย์นี้พี่ต้องกลับดึกทุกวันใช่มั้ย"
คนเป็นพี่พยักหน้า
"ค่ะ ดีไม่ดีวันเสาร์อาจจะไม่ได้หยุดด้วย ถ้าสรุปงานไม่เสร็จ"
ใช้เวลาปั่นผ้าที่ซักแล้วไม่นาน ก็ได้ผ้าหมาด ๆ มาตากที่ราว
"ผู้กองเข้าเวรเหรอคะ"
ชัชญาถามขึ้นเมื่อพากันกลับขึ้นห้อง
"ค่ะ ส่วนเจ้ก็คงหลับไม่รู้เรื่องเหมือนเคย"
โยธกาพูดถึงพี่สาวที่มักจะหลับขี้เซากว่าชาวบ้านเขา เมื่อกลับเข้ามาในห้องชัชญาก็มองไปที่เตียง ตุ๊กตาเจ้าโยกเยกนอนแยกกันคนละฝั่งกับพี่ส้มจี๊ดหมอนข้าง
"นอนเลยมั้ยคะจะตีหนึ่งแล้ว"
เมื่อคนเป็นพี่พยักหน้าเดินไปนั่งลงที่เตียง โยธกาก็เดินไปกดปิดไฟ คงเหลือเพียงความสลัวลางจากไฟด้านนอกตึก ที่ส่องผ่านม่านเข้ามา เธอเดินไปทิ้งตัวลงฝั่งของตัวเอง กอดเจ้าตุ๊กตาแขนขายาวแทนคนที่ออกคำสั่งว่าห้ามเข้าใกล้ ไม่ได้น้อยใจอะไรพี่เขาหรอก ก็เข้าใจว่าพี่เขาก็คงอายน่ะแหละ หรือไม่ก็อาจจะไม่ไว้ใจกัน
ริมฝีปากเจ้าเด็กเผลอยิ้มออกมา เธอก็ไม่ได้หื่นขนาดนั้นมั้ยล่ะ นอนคิดอะไรไปสักพักก็นึกขึ้นได้
"ฝันดีนะคะ"
เสียงของน้องเอ่ยขึ้นมาในความมืด ทำให้คนที่ยังไม่หลับระบายยิ้มออกมา
"โย ขยับมานี่ค่ะ"
"คะ?"
โยธกาหันมามองคนที่นอนหันหลังให้ เมื่อกี้พี่เขาบอกให้เธอขยับเข้าไปหาใช่มั้ย
"จะกอดพี่ หรือจะกอดโยกเยก"
ตุ๊บ! เสียงเหมือนอะไรสักอย่างหล่นลงพื้น ทำให้ชัชญาอดขำไม่ได้
"ก็กอดพี่สิคะ อุ่นกว่าเจ้าโยกเยกตั้งเยอะ"
ร่างของน้องขยับเข้ามาซ้อนหลังจนสัมผัสถึงความอุ่น ลำแขนก่ายกอดลงมาที่เอวพี่ก่อนจะรั้งเข้าหาตัว ชัชญาวางแขนทาบกับลำแขนของน้อง
"อย่าซนล่ะ ฝันดีค่ะ"
"งือ น้องโยเป็นเด็กดีไม่ซนค่ะ"
เจ้าเด็กที่กอดคนพี่อยู่ด้านหลัง ส่งเสียงงึมงำกลับไป ทั้งที่ปากยิ้มกริ่ม ส่วนคนเป็นพี่ก็หลับตาลงพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน ยอมให้น้องกอดตอนนี้ ดีกว่าตอนตื่นแล้วกลายเป็นเธอที่ไปซุกกอดน้องอย่างทุกครั้ง แบบนั้นมันน่าอายกว่ากันเยอะใช่มั้ยล่ะ
ร่างนุ่มที่เบียดซุกเข้าหากันตอนค่อนรุ่ง ก็คงเหมือนทุกครั้งที่เราสองคนนอนร่วมเตียงกัน โยธกากระชับอ้อมแขนรั้งคนเป็นพี่เข้าหาตัว ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดซอกคอ ทำให้ปากบางระบายยิ้มทั้งที่ตายังคงพริ้มหลับ
ชอบที่สุดก็เวลาที่พี่เขาเผลอแบบนี้แหละ เจ้าเด็กหลับไปอีกรอบพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"อือ"
เสียงครางต่ำเมื่อสัญญาณเตือนปลุกดังขึ้นในยามเช้า โยธกาเอื้อมหยิบมือถือมากดปิด เพราะอยากให้พี่ได้หลับเต็มที่ เธอเลยตั้งไว้ที่เจ็ดโมงเช้า ก้มลงมองคนที่ยังซุกใบหน้าหลับอยู่ ก็ให้นึกเอ็นดูคนอายุมากกว่า เธอเลยแกล้งกอดรัดอีกคน
"หือ โย"
เจ้าเด็กอมยิ้ม เมื่อเสียงแหบงัวเงียถูกเปล่งออกมาอย่างขัดใจ
"เจ็ดโมงแล้วนะคะ เดี๋ยวโยลงไปเอาผ้ามารีดให้ พี่หลับอีกหน่อยก็ได้"
น้ำเสียงเอ่ยบอกพลางมือก็เผลอลูบแผ่นหลังของพี่ไปด้วย จนมานึกได้ว่าคนที่ซุกกอดกันอยู่โนบรา
ชัชญาขยับตัวปรือตาขึ้นอย่างง่วงงุน เมื่อวานเธอคงใช้สมองกับงานมากไป ถึงได้รู้สึกล้ามึน ๆ เบลอ ๆ
"ยังง่วงอยู่เหรอคะ หลับต่ออีกหน่อยมั้ยเดี๋ยวโยปลุก"
คนเป็นพี่พยักหน้าทั้งยังพลิกตัวไปอีกด้าน กอดเอาพี่ส้มจี๊ดแทนเจ้าเด็กตัวสูง โยธกามองแล้วก็ยิ้มเพิ่งเคยเห็นคนเป็นพี่ขี้เซาก็วันนี้แหละ เธอหยิบมือถือมาตั้งเวลาอีกรอบ ให้หลับอีกสิบห้านาทีพอ เดี๋ยวไปทำงานสาย เธอจะโดนพี่เขากินหัวเอาที่ไม่ยอมปลุก