"อร่อยและหวานมากเลยค่ะ"
"หวานเหรอคะ พี่ก็ผสมเหมือนที่ยายทำนี่นา"
น้องอมยิ้มเคี้ยวขนมก่อนจะบอก
"ไม่ได้หวานส่วนผสม มันหวานเพราะพี่เป็นคนป้อนต่างหากค่ะ"
เพียงเท่านั้นก็พอจะทำให้ได้เห็นริ้วแดง ๆ กระจายขึ้นสู่ใบหน้าขาวของคนเป็นพี่บ้าง
"แล้วไป นึกว่าผสมผิดสูตร"
ชัชญาบอกออกไปและก็ไม่รู้ว่าเพราะอาการเขินที่น้องเป็นคนก่อ หรือเพราะลืมไป เธอหยิบเอาอีกถ้วยมาตักชิมบ้าง และรสชาติมันก็ไม่ได้หวานผิดปกติอย่างที่คิด
"ป้อนด้วยค่ะ"
คนที่นั่งยิ้มกริ่มเอ่ยขึ้น ส่วนคนที่ยังไม่ทันคิดอะไรก็เอาช้อนตักชิ้นใหม่มาป้อนน้องอีกแล้ว โยธกาเคี้ยวตุ้ย ๆ ทั้งก็ยังอมยิ้มไปด้วย
ไม่อยากจะพูดอะไรออกไปตอนนี้ ให้เสียบรรยากาศ แถมถ้าพี่เขาอายขึ้นมา ต่อไปคงไม่กล้าป้อนอะไรเธออีก เด็กเจ้าเล่ห์เลยได้แต่อ้อนพี่ป้อนไปอีกสี่ห้าชิ้น จนกระทั่งขนมชุดที่สองสุกเรียบร้อย
แต่ถึงน้องจะไม่ทักอะไรออกมา ชัชญาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าเราสองคนใช้ช้อนเดียวกันป้อนขนมไปตั้งหลายชิ้น มิน่าล่ะ อีกฝ่ายถึงได้นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด อยากจะบิดแก้มชมพูนั่นให้หายมันเขี้ยวอยู่เหมือนกัน
"ไว้คราวหน้าจะพาเอามะพร้าวอ่อนใส่ด้วย อันนั้นก็อร่อย"
"หืม แค่คิดก็อยากให้ถึงเสาร์หน้าเร็ว ๆ แล้วค่ะ"
น้องเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มกับแววตาที่เป็นประกายตื่นเต้น จนอดยิ้มตามไม่ได้
ทั้งคู่ช่วยกันแคะขนมออกจากถ้วยลงกล่อง มันได้เกือบยี่สิบกล่องแล้วยังเหลืออีกหลายชิ้น เอามาให้สองผู้ใหญ่ชิมอีก
"โห เยอะนะเนี่ย พี่ไม่แบ่งไปฝากเพื่อนที่ทำงานเหรอคะ"
"เดี่ยวพี่เอาไปสักห้ากล่อง ที่เหลือเราก็เอาไป กินไม่หมดก็แช่ตู้เย็นไว้ได้สองวันไม่เสียหรอก"
น้องพยักหน้าจากนั้นก็ช่วยกันเก็บล้างอุปกรณ์ทุกอย่างจนเรียบร้อยก็เที่ยงพอดี ถึงจะกินขนมไปเยอะอาหารกลางวันน้องก็ยังสามารถกินได้อีก ไหนจะตบท้ายด้วยบวชฟักทองไปอีกถ้วย
"อร่อย ๆ มีแต่ของอร่อยอิ่มมาก แหะ ๆ"
ทุกคนพากันส่ายหน้ายิ้มมองคนนั่งพิงเสาเอามือลูบท้องป้อย ๆ
"พี่จ๋า มีบริการแท๊กซี่ที่เรียกประจำมั้ย"
บ่ายสองโมงที่จะพากันกลับน้องก็เอ่ยถามขึ้นมา
"ก็มีลุงชัยที่แกขับแท๊กซี่ บ้านอยู่แถวนี้แหละค่ะ เดี๋ยวไปขอเบอร์จากแม่ก่อนว่าแกจะว่างไปส่งมั้ย"
ชัชญาลงไปเอาเบอร์จากมารดามาโทร
"แกไปส่งผู้โดยสารกำลังจะวิ่งกลับมาพอดีค่ะ คงอีกสักครึ่งชั่วโมง ชุดที่ยังไม่ได้ใส่ก็เอาไว้นี่แหละ มารอบหน้าก็จะได้ไม่ต้องขนมาเยอะแยะ"
เมื่อพี่บอกคนน้องก็พยักหน้ายิ้มรัว ๆไม่อยากจะพูด เมื่อเช้าพี่ซักเสื้อที่แช่ไว้ให้เธอด้วยล่ะ น้องโยปลื้มปริ่ม พี่น่ารักที่สุด
"แต่โยจะขนมาไว้สักสิบชุดค่ะ อืม ไม่เอาดีกว่า ไว้เราไปเดินตลาดนัดแถวนี้แล้วไปเลือกซื้อด้วยกันดีกว่าเน๊อะ"
ชัชญามองคนที่ไม่รู้ในหัวมีแผนอะไรบ้าง ก่อนจะพยักหน้าตามใจ ให้เจ้าเด็กฉีกยิ้มกว้างพออกพอใจนักหนา
"กลับแล้วนะคะคุณยายคุณแม่ ไว้เสาร์หน้าหนูจะมาโยเยใหม่ค่ะ"
เจ้าเด็กขี้อ้อนเข้าไปกอดผู้ใหญ่ทั้งสอง ให้ท่านลูบหัวลูบไหล่ด้วยความเอ็นดู
"มาเถอะ มีคนมาช่วยทำขนมยายจะได้เหนื่อยน้อยลง"
ยายปิ่นเอ่ยเย้าด้วยรอยยิ้มใจดี
"ไว้ให้หนูทำคล่องกว่านี้ก่อนเถอะ ยายแค่นั่งเป็นกำลังใจก็พอค่ะ ที่เหลือหนูจะจัดการเอง"
เจ้าเด็กขี้โม้ยังพูดเอาใจคนแก่เข้าไปอีก สองสาวกอดลาผู้สูงวัยอีกครั้งก่อนจะพากันกลับเมื่อรถที่เรียกมาถึงแล้ว
โยธกามาถึงบ้านตอนสี่โมงพอดี หลังจากแยกกับคนเป็นพี่ วันนี้วันอาทิตย์ร้านปิด แต่เสียงพูดคุยกันที่ดังแว่วออกมาให้ได้ยิน บอกให้รู้ว่าทุกคนรวมตัวกันอยู่ด้านในนี่แหละ
"ฮัลโล ๆ น้องโยกลับมาแล้วจ้า มีของมาฝากด้วยล่ะ"
"โอ้โห นี่ไปเหมาขนมเอาใจว่าที่แม่ยายมาหรือไงโยเย"
พี่ชายเอ่ยแซวเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนแม้แต่น้องสาวเอง โยธกาถือถุงที่บรรจุกล่องขนมมาตั้งสิบสองกล่อง วางลงที่โต๊ะ
"หูย น่ากินอ่ะโยเย ดูสิม๊า มีใส่ฟักทองด้วยค่ะ"
ยุวดีดึงกล่องขนมออกมาดู ทำเจ้าเด็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ไม่อยากจะอวด ว่านี่ผลงานโยหยอดเองเลยนะคะ มีอย่างเดียวที่ไม่ได้ทำเองคือผสมแป้ง"
"เหรอ จริงอ่ะ ไหน ๆ หลักฐาน"
นั่นไงล่ะ เพราะสายเลือดตำรวจจะพูดลอย ๆ ไม่ได้ ทุกการกระทำต้องมีหลักฐาน โยธกาจึงเอามือถือมาเปิดคลิปที่คนเป็นพี่ช่วยถ่ายให้ มาเปิดให้ทุกคนดู
"น้องสาวพี่ยอดเยี่ยมมาก แบบนี้ต่อไปก็ทำขนมนี่ให้พวกเรากินได้แล้วสิเนี่ย"
พี่สาวกล่าวแกมชม พลางตักขนมชิมไปด้วย ขนมถูกแบ่งกันไปชิมคนละกล่อง ไม่เว้นแม้แต่พนักงานในร้านทั้งสองคน
"โอ้ย แซบหลาย ๆ คุณโย"
หนูดี สาวจากเมืองปากเซเอ่ยชมให้โยธกายิ้มกริ่ม
"ถ้าจะทำกินเองก็ต้องไปหาซื้อถ้วยตะไลมาไว้ค่ะ แต่โยผสมแป้งเองไม่เป็นหรอกนะ ต้องให้พี่เขามาผสมให้"
หึ ๆ
"แหม แผนสูงนะเราน่ะ"
ยุทธการเอ่ยแซวน้องสาวอีกรอบ ให้คนเป็นน้องหัวเราะคิกคักที่โดนรู้ทัน
"ไปบ้านพี่เขาเป็นไงบ้างลูก"
ยศพลเอ่ยถามขึ้นบ้าง
"ดีค่ะ ยายกับคุณแม่น่ารักใจดีด้วย ที่สำคัญโยไปผูกสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ คิก ๆ อ้อ ป๊า ปีใหม่นี้จะได้คนไปร่วมทริปที่วังน้ำเขียวเพิ่มอีกสามคนนะคะ"
"แหม ร้ายจริง ๆ เลยลูกเราฮ่า ๆ"
ยศพลหัวเราะถูกใจ ลองลูกสาวพูดขนาดนี้ก็คงจะไปโปรยเสน่ห์ขี้อ้อนเอาใจคนฝั่งนั้น จนหลงวิชาโยเยเข้าแล้วนั่นแหละ
ศุกร์ต่อมาโยธกาก็มารอคนเป็นพี่ที่ป้ายรถเมล์หน้าที่ทำงานเหมือนเดิม แต่รอบนี้ เธอเอาแค่หมูกรอบมาอย่างเดียวเพราะเมนูที่ตั้งใจชวนพี่เขากินเย็นนี้ คือจิ้มจุ่มร้านที่ขายปลาเผานั่นแหละ
ใช้เวลาเดินทางไม่ต่างจากคราวก่อน ทั้งคู่ก็มานั่งอยู่ที่ร้านซึ่งมีโต๊ะตั้งขายอยู่ตรงริมฟุตบาท และด้านในที่เป็นเพิงมีหลังคา พวกเธอเลือกนั่งด้านนอกเพราะวันนี้อากาศดี ไม่มีเมฆให้ห่วงว่าฝนจะเทลงมา
"จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกนะที่พี่กินจิ้มจุ่มร้านนี้น่ะ เคยแค่ซื้อปลาเผาไปกิน"
ชัชญาเอ่ยขึ้นในขณะที่รอของที่สั่งมาเสิร์ฟ
"ดีแล้วค่ะ ถ้าอยากจะกินอีกก็รอมากินพร้อมโยนะ อย่ามานั่งกินคนเดียวเด็ดขาดเลย"
"ทำไมคะ"
"ก็โยหวงอ่ะ ห่วงด้วย ร้านแบบนี้ส่วนมากก็ชอบมีผู้ชายเป็นกลุ่มมานั่งดื่มกินกันด้วย ถ้าพี่มานั่งคนเดียวเชื่อเถอะ ต้องมีคนเข้ามาวอแวแน่ คือ คนเมาน่ะพี่สติมันไม่ค่อยจะมีหรอก"
ชัชญาได้ฟังเหตุผลก็พอจะเข้าใจ คนเป็นพี่ระบายยิ้ม ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายสบายใจ
"ก็ไม่เคยคิดจะมานั่งกินคนเดียวสักทีนะคะ ถึงจะไม่มีเหตุการณ์อย่างที่เราบอกก็เถอะ มันก็ดูเขิน ๆ น่ะ คนอื่นเขามากันเป็นกลุ่มหรือเป็นคู่ เรานั่งคนเดียวมันก็ดูยังไงอยู่"
"นั่นแหละค่ะ ต่อไปพี่ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรคนเดียวแล้ว น้องโยอยู่ตรงนี้เรียกใช้บริการได้เสมอเลยค่ะ"
เจ้าคนทะเล้นโปรโมทตัวเองอีกแล้ว
"พูดยังกะตัวติดกันตลอดอย่างนั้นแหละ"
ชัชญาพูดพลางหัวเราะไปด้วย
"แต่ถ้าเมื่อไหร่พี่ต้องการเรียกใช้ โยก็จะรีบมาหาทันทีเลยนะ"
เจ้าเด็กพูดด้วยรอยยิ้มที่เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้
"พี่จะไปไหนละคะ นอกจากทำงานแล้วก็กลับบ้านแค่นั้นแหละ ว่าแต่เราเถอะ ไปกินเที่ยวกับเพื่อนบ่อยหรือเปล่า"
คนเป็นพี่ถามบ้าง ตั้งแต่รู้จักกันมาก็เดือนกว่าแล้ว เธอก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวน้องเลย
"ไม่ค่อยบ่อยหรอกค่ะ ส่วนมากพวกเราจะนัดสังสรรค์กันก็คือวันเกิดกับหลังสอบเสร็จแค่นั้น คือบังเอิญว่าเพื่อนสนิทในกลุ่มโยมีหกคน ชายสามหญิงสามและก็เกิดเดือนเดียวกันด้วยค่ะ ที่รู้จักกันก็เพราะตอนรับน้อง รุ่นพี่เขาจัดกลุ่มให้ใครเกิดเดือนเดียวกัน มาอยู่ด้วยกัน พวกเราเลยสนิทกันมาจนทุกวันนี้
เวลาฉลองวันเกิดก็จะรวบยอดครั้งเดียวไปเลย ส่วนมากโยจะอยู่กับครอบครัวมากกว่า ไม่ค่อยไปเที่ยวไหนกับเพื่อนหรอกค่ะ ว่างก็คือทำงานตัวเอง แล้วพี่จ๋าล่ะมีเพื่อนสนิทมั้ย"
คนเป็นพี่พยักหน้า
"ถ้าแบบสนิทจริง ๆ คุยกันได้ทุกเรื่องก็มีแค่สองคนค่ะ รู้จักกันตั้งแต่มัธยมปลาย แล้วก็สอบได้ที่เดียวกันคณะเดียวกันด้วย แต่พอต่างคนต่างทำงานนาน ๆ จะได้เจอกันส่วนมากก็วันเกิดของใครสักคน และหนึ่งในนั้นก็คนที่พี่บอกว่าเขาคบผู้หญิงนั่นแหละ"
"เหรอคะ เอ่อ แล้วทุกวันนี้พวกพี่เขาก็ยังไม่มีใครเปลี่ยนไปใช่มั้ยคะ"
ชัชญาพยักหน้าเมื่อนึกถึงคู่ของเพื่อน ถึงเพื่อนเธอมันจะดูงี่เง่าในบางครั้ง แต่มันก็นิสัยดีส่วนแฟนเพื่อนก็ดีหน่อย ที่อีกคนไม่เจ้าชู้และก็เหมือนจะตามใจเพื่อนเธอพอสมควร
"ดีจังเลย อย่างน้อยพี่ก็มีเพื่อนสนิทให้เห็นเป็นตัวอย่าง ว่าความรักแบบนี้มันก็ยืนยาวได้เหมือนกันว่ามั้ยคะ"
คนเป็นพี่อมยิ้มก่อนจะพยักหน้า
"มันก็คงแล้วแต่คนนั่นแหละค่ะ ถ้าเจอคนดีก็โชคดีไป หลายคนที่พี่เห็นเลิกรากันไปมีคนใหม่ก็มีให้เห็นเยอะเหมือนกัน"
"แต่ถ้าพี่เลือกน้องโยคนนี้ มันจะไม่เป็นแบบนั้นเลยนะ"
ชัชญาหัวเราะมองคนที่พรีเซ้นต์ตัวเองแทบจะทุกเรื่องก็ว่าได้
"เรื่องนำเสนอตัวเองนี่ ไม่มีใครเกินจริง ๆ เลยนะเราเนี่ย"
ฮ่ะ ๆ
"ก็เสนอแค่กับพี่คนเดียวแค่นั้นละค่ะ โยบอกแล้วไงว่าแค่อยากเป็นคนสำคัญในใจใครสักคนก็พอ และคน ๆ นั้นโยก็อยากให้เป็นพี่"
คำพูดบอกความรู้สึกอันซื่อตรงที่ได้ฟัง มันสามารถทำให้หัวใจคนฟังฟองฟูไปได้เหมือนกันนะ ชัชญามองเจ้าเด็กที่อายุห่างกันห้าปีก่อนจะอมยิ้ม
"พี่ให้โอกาสพิสูจน์ตัวเองแล้ว ก็ใช้มันแสดงให้พี่เห็นสิคะ ว่าเด็กอายุยี่สิบเอ็ดคนนี้จะไม่ทำให้พี่เสียใจน่ะ"
คำพูดที่ได้ยินมันเหมือนมีเสียงดังคลิ๊คขึ้นข้างหู เหมือนมีสัญญาณบ่งบอกว่าคนนี้แหละที่รอคอย
"แน่นอนค่ะโยจะใช้และรักษาโอกาสนี้แสดงให้เห็นว่า ถึงโยจะยังไม่โตเต็มที่แต่โยจะไม่ทำให้พี่ต้องอายใคร ที่เลือกเด็กคนนี้เป็นแฟน"
จะเขินก็ใช่จะหมั่นไส้ก็ไม่เชิง กับคนที่นั่งตัวตรงพูดออกมาต่อหน้ากัน เฮ้อ ดีนะที่โต๊ะมันห่างกัน หวังว่าคงไม่มีใครสนใจฟังบทสนทนาของเราสองคนหรอกนะ
ชัชญามองไปรอบ ๆ ที่ร้านมีคนเริ่มมานั่งสั่งของกินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่ได้อายที่จะมีคนรักเป็นผู้หญิงด้วยกัน ขอแค่คน ๆ นั้นไม่ทำให้เธอเสียใจก็พอ
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือเพราะวางใจจนเริ่มชินพอตื่นนอนมาอีกทีก็เป็นแบบนี้ เดี๋ยวน้องกอดพี่ ไม่ก็พี่เข้าไปซุกกอดน้อง แต่ครั้งนี้ไม่มีคำล้อให้เขินอาย นอกจากคำอ้อนให้พี่หมั่นเขี้ยวแต่เช้า
"ถ้าได้ตื่นมาในอ้อมกอดกันแบบนี้ทุกเช้าคงจะดี อือ ๆ อุ่นจัง"
อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นพร้อมกับขยับโยกเบา ๆ
"ลุกได้แล้วค่ะ ไปจัดการหน้าที่ตัวเองเลย"
ชัชญาจับคางคนที่กอดรัดกันส่ายไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว นอนกอดกันมันก็อุ่นดีหรอกนะแต่มันก็เขินอยู่ดีแหละ เจ้าเด็กยอมปล่อยคนเป็นพี่ออกจากอ้อมกอด รอยยิ้มของความสุขเกลื่อนบนใบหน้ายามมองตามไม่ว่าพี่จะทำอะไร
เราสองคนกินมื้อเช้าง่าย ๆ อย่างเคย ก่อนจะลงมือทำหน้าที่ของตัวเอง พี่ซักผ้าน้องทำความสะอาดห้อง และถึงเวลาก็เรียกบริการลุงจ่าศักดิ์ให้ไปส่งเหมือนเดิม
โฮ่ง ๆ เสียงทักทายของเจ้าโปเต้วิ่งเข้ามาต้อนรับ และครั้งนี้โยธกาก็ไม่ลืมเอาอาหารโปรดของมันติดมือมาด้วย
"ให้กินแค่ครึ่งห่อก็พอนะคะ กินมากเคยตัว"
คนเป็นพี่เอ่ยบอก เมื่ออีกคนเอาขนมห่อใหญ่ที่ขนมาหลายถุง ไปแกะให้สุนัขของเธอ
"น้องโยมาแล้วค๊า ขอกอดหน่อย"
ร่างสูงปรี่เข้าไปกอดยายกับแม่ก่อนลูกสาวตัวจริงเสียอีก ชัชญาได้แต่ส่ายหน้ายิ้มกับความขี้อ้อนน่าหมั่นไส้นั่น
"ขนอะไรมาเยอะแยะละนั่น"
ยายปิ่นชี้ที่ถุงใบใหญ่
"ของฝากโปเต้ทั้งนั้นเลยค่ะ หนูเอามาจากบ้าน มันเป็นขนมที่หนูก็ชอบกินด้วยแหละ"
"อ่าว สรุปคนชอบขนมหมา หรือหมามันชอบขนมคนละเนี่ย หึ"
ฮ่า ๆ คำเย้าของคนสูงวัยก็เรียกเสียงหัวเราะฮาของเจ้าเด็ก ที่ดันชอบขนมแบบเดียวกันกับหมาซะแล้ว
"แถวนี้มีตลาดนัดมั้ยคะ"
โยธกาถามขึ้น เมื่อเป็นเวลาพักผ่อนของผู้ใหญ่ทั้งคู่ก็ขึ้นมาบนบ้าน
"มีค่ะ มีทุกวันเสาร์ ตรงหน้าหมู่บ้านไม่ไกลจากนี่เท่าไหร นั่งวินไปสิบห้าบาท"
"งั้นเย็นนี้เราไปเดินกันนะคะ"
คนพี่พยักหน้าก็ไม่เคยที่จะไม่ตามใจอีกฝ่ายสักที ตอนนี้ถึงได้มาเดินเลือกเสื้อผ้าอยู่นี่ไง
"พี่ แบบนี้น่ารักมั้ย"
น้องหยิบเสื้อยืดราคาร้อยเก้าเก้าสีเทามาให้ดู มันก็เสื้อยืดคอกลมธรรมดา แค่มีสกรีนตัวหนังสือคำว่าLove ตรงด้านหลังแค่นั้น ส่วนด้านหน้าก็มีรูปหัวใจเล็ก ๆ ตรงอกซ้าย
"ก็สวยดี เราชอบสีนี้อยู่แล้วนี่"
"อืม เสียดายที่มันไม่ใช่คอวีน่ะ"
เห็นน้องบ่นแบบนั้นเธอก็นึกว่าจะไม่เอา ที่ไหนได้ดันไปเลือกอีกตัวที่เหมือนกันแต่เป็นสีขาว มาโชว์ให้เธอดูแล้วยิ้มกริ่ม
"หนูเอาสองตัวนี้พี่"
ชัชญาอยากจะกลอกตามองบน เสื้อคู่มาแล้วจ้า เห็นสภาพตัวเองในอนาคตอยู่รำไร ว่าจะโดนเจ้าเด็กตัวสูงอ้อนจนไม่อยากขัดใจตามเคย
หลังพากันเดินเลือกซื้ออยู่หลายร้าน น้องก็ได้เสื้อกับกางเกงมาเกือบสิบตัว ก่อนจะพากันไปเดินซื้อกับข้าวมื้อเย็น ชัชญาเดินไปร้านประจำที่เคยซื้อบางอย่าง
"กินมั้ย"
พี่หันมาถามและน้องก็พยักหน้า มันคือเต้าฮวยนมสดที่มีพวกผลไม้สามสี่อย่างโปะหน้าด้วย
"เอาห้าถ้วยค่ะ เจ้านี้พี่กินประจำอร่อยดี แม่กับยายก็ชอบด้วย"
เมื่อได้ของกินหลายอย่างก็พากันกลับ วิถีชีวิตของบ้านนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ทานมื้อเย็นเสร็จก็มาเตรียมของสำหรับทำขนม จากนั้นก็อาบน้ำเข้านอนแต่หัววัน ก็เพิ่งรู้ว่ายายกับแม่ไม่ติดละคร ท่านจะเปิดดูแค่ช่วงข่าวแค่นั้น
ตื่นเช้ามาอีกวันโยธกาก็หยิบจับอะไรคล่องมากขึ้นแล้ว จึงช่วยทำให้การแคะขนมใส่กล่องวันนี้เสร็จเร็วขึ้น
"ทุ่นแรงยายไปเยอะเลยนะเนี่ย เก่ง ๆ"
คนสูงวัยเอ่ยชมเมื่อออเดอร์ชุดแรกเสร็จตั้งแต่หกโมง ก่อนที่จะปล่อยให้สองสาวไปทำบุญใส่บาตรอย่างครั้งก่อน เมื่อขนมตามออเดอร์ครบหมดก็เป็นการทานมื้อเช้า และจบมื้ออาหารโยธกาอาสาล้างถ้วยชาม เพราะคนเป็นพี่ไปซักผ้าที่เราไปเดินซื้อมาเมื่อวาน แต่คราวนี้ใช้เครื่องปั่นเอาไม่นานก็เสร็จ
และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะทำขนมกลับไปฝากคนที่บ้านอีกครั้ง ด้วยเมนูขนมถ้วยหน้าผสมมะพร้าวอ่อน และที่ทำให้เจ้าเด็กอมยิ้มไม่หุบ ก็คงเพราะพี่คอยป้อนขนมแสนอร่อยนี่แหละ
"พี่ทำให้โยหลง จนเรียกว่าโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะเนี่ย"
คนเป็นพี่ยกยิ้มจะว่าเธอตั้งใจเอาใจเด็กก็ไม่ผิดหรอก แถมยังตั้งใจที่จะใช้ช้อนร่วมกันแบบรู้ตัวนี่แหละ
"ก็ดีค่ะ หลงแบบไม่มีสายตาไปมองใครอีกเลยนั่นยิ่งดี"
โยธกาหัวเราะ