ตอนที่4

3080 Words
"ขอเสียมารยาทถามอายุได้มั้ย" หืม ชัชญามองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มบาง "ยี่สิบหกค่ะ" "อ้าว เท่ากันเลย งั้นก็เป็นเพื่อนกันได้ เมื่อกี้เห็นโยเยเรียกว่าจ๋า ชื่อเล่นเหรอ น่ารักดี" "อืม ยายตั้งให้น่ะ แล้วคุณทำงานที่ไหนคะ" "ฮึ่ย ไม่ต้องคุณเคินอะไรแล้ว เรียกยุก็ได้ เราทำงานที่แบ้งค์ตรงซอยนั้นน่ะ" พออีกฝ่ายบอกซอยก็พอจะรู้เพราะตรงนั้นเป็นที่ตั้งธนาคารหลายธนาคาร "ดีจังเลย ได้ทำงานใกล้บ้านไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง" โยธกาเดินกลับมาพร้อมกับถาดใบใหญ่ ในนั้นมีกับข้าวอยู่สี่อย่าง ที่ดึงดูดสายตาชัชญาก็คงเป็นคะน้าหมูกรอบนี่แหละ "กินด้วยกันเลย ไม่ต้องเกรงใจ อ่อ อยากเติมข้าวก็บอกนะ มีทั้งข้าวมันกับข้าวธรรมดา เดี๋ยวไปช่วยโยเยก่อน" ยุวดีบอกอีกฝ่าย รู้สึกถูกชะตาเพื่อนใหม่คนนี้ แบบนี้ต้องยุให้น้องสาวจีบให้ติด  ไม่นานสองพี่น้องก็ยกทั้งถาดผลไม้และโถข้าวออกมา และที่เดินตามหลังมาคือผู้ชายวัยกลางคน "พี่ นี่ป๊าค่ะ" "สวัสดีค่ะ" "หวัดดี ๆ เมื่อคืนหนูไม่ได้โดนทำร้ายอะไรใช่มั้ย" "ยังค่ะ โชคดีว่าน้องลงไปทันเหตุการณ์" "อืม เป็นผู้หญิงไปไหนมาไหนมันก็อันตรายรอบด้าน เห็นโยเยบอกให้อาวุธไว้ป้องกันแล้วใช่มั้ย" ชัชญามองน้องที่มานั่งลงข้างเธอก่อนจะตอบผู้ใหญ่ "ค่ะ ภาวนาว่าอย่าต้องได้ใช้จะดีกว่าค่ะ เพราะถ้าหนูตกใจจนสติหลุดอาจจะลืมตัวช่วยนี่ก็ได้" หึ ๆ ยศพลหัวเราะ "คงไม่หรอกมั้ง เมื่อคืนหนูยังมีสติเอาตัวรอดเบื้องต้นได้เลย" "นั่นเพราะหนูยังโชคดี ที่เขาตกใจแล้วมาหยุดรถตรงนี้พอดีค่ะ ถ้าไปจอดที่อื่นจะมีคนมาช่วยหรือเปล่าไม่รู้" "ถือว่าฟาดเคราะห์กันไปนะอย่าคิดมาก ต่อไปเราก็ระวังตัวให้มากขึ้นอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ" "แต่ไว้ใจโยได้ค่ะ" "อื้อหือ ไม่ค่อยจะพรีเซ้นต์ตัวเองเลยน้องฉัน" คำแซวนั้นก็เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนแม้แต่เจ้าเด็กตัวสูง เมื่อยศพลแยกกลับไปหลังบ้าน ก็เหลือเพียงสามสาวที่นั่งคุยกันไปกินกันไป จนกระทั่งเสียงของผู้ชายดังขึ้น "กินอะไรกันอยู่ครับสาว ๆ กินด้วยหิวมากเลย" ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร หนุ่มในเครื่องแบบคนนี้ก็คงเป็นผู้กองนั่นเอง  "เฮีย นี่ค่ะผู้เสียหายเมื่อคืน" ยุทธการยกเก้าอี้มานั่งข้างยุวดี น้องคนเล็กก็แนะนำผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามทันที หน้าตาดีแบบนี้ไม่แปลกหรอก ที่จะโดนพวกเดนสังคมคิดรังแกเอา "โชคดีมากนะครับที่คุณรอดมาได้ เมื่อคืนผมเช็คประวัติหมอนั่นจากทะเบียนรถที่โยเยส่งให้ หมอนี่เคยมีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเมื่อสองปีก่อนด้วย พวกย****์น่ะครับ และที่สำคัญวันที่เขาโดนจับแต่ได้ประกันตัวออกมา พวกเขาเสพยากันที่ห้องพัก แล้วมีผู้หญิงที่ถูกล่อลวงไปร่วมวงสามคน โชคดีว่าหนึ่งในนั้นเขาติดต่อญาติให้ไปช่วย ตำรวจถึงไปจับกุมได้" "โหย แบบนี้เขาคงไปทำกับคนอื่นมาหลายคนแล้วสิเฮีย จ๋าโชคดีมากเลยนะที่รอดมาได้แบบนี้น่ะ" ยุวดีเอ่ยขึ้น ชัชญาเองก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริง ๆ นั่นแหละ มืออุ่นของน้องเลื่อนมาจับมือเธอ สายตาที่มองมาพอจะรู้ว่าน้องแค่อยากปลอบใจ เธอจึงระบายยิ้มให้ "ต่อไปถ้าเขามาคุกคามหรือข่มขู่อะไรคุณสามารถไปแจ้งความได้นะ เขามีประวัติโดนภาคทัณฑ์ไว้อยู่" "ค่ะ ขอบคุณนะคะที่หาข้อมูลเขามาให้ ฉันจะได้ระวังตัวมากขึ้น" ยุทธการยิ้มก่อนพยักหน้า เห็นท่าทางน้องคนเล็กแล้วก็ต้องอมยิ้ม ตัวแสบเอ้ย สงสัยงานนี้น้องจะมีแฟนก่อนพี่ซะแล้ว หลังจากพากันทานอาหารเสร็จชัชญาก็ขอตัวกลับ แต่ก็ต้องแปลกใจที่เด็กตัวสูงเดินตามมาด้วย "โยไปส่ง พี่จะนั่งรถเมล์ฝั่งนั้นใช่มั้ย" คนเป็นพี่พยักหน้า ไม่ได้ค้านอะไรหรอก เราเดินไปขึ้นสะพานตรงสถานีรถไฟฟ้าก่อนจะข้ามไปอีกฝั่ง "พี่เคยไปทำบุญที่วัดตรงนี้มั้ยคะ" ตรงนี้ของน้องคงหมายถึงวัดหัวลำโพงที่อยู่ไม่ไกล "เคยไปสามครั้งค่ะ จะชวนพี่ไปเหรอ" น้องหันมายิ้มพยักหน้า "ไว้วันหลังดีกว่าค่ะ วันนี้พี่ต้องกลับรังสิตไม่ใช่เหรอ" "ค่ะ แต่ต้องกลับไปซักผ้าก่อนทำอะไรเสร็จคงสี่โมงโน่นแหละถึงจะได้กลับ" "แถวพี่พักของกินเยอะมั้ย มีอะไรอร่อย ๆ บ้าง" คำถามธรรมดา แต่คนฟังรู้สึกว่ามันไม่ได้ธรรมดาหรอก และตอนนี้เธอคิดว่าพอจะรู้ทันคนเจ้าเล่ห์อยู่นะ "ที่ถามนี่คืออยากไปกินกับพี่ หรือจะพาใครไปกินคะ" "กินกับพี่สิคะ ก็พี่พักแถวนั้น" คนโดนรู้ทันส่งเสียงตอบกลับงุ๊งงิ๊ง แถมริ้วแดงยังแต้มใบหน้า ให้คนเป็นพี่อดขำไม่ได้ ถึงจะดูเจ้าเล่ห์ไปบ้างแต่น้องก็ยังมีมุมเขินอายให้เห็น เด็กมันก็น่ารักดีนะ "ถ้าไปกินกับพี่ อะไรก็คงอร่อยมั้งคะ หรือยังไง" "งือ พี่อ่า พูดแบบนี้โยเขินนะ" คราวนี้น้องมันเขินหน้าแดงไปถึงคอเลยค่ะ ชัชญาหลุดหัวเราะเด็กหนอเด็กจะจีบเค้าแต่ตัวเองมาเขินแบบนี้จะรอดมั้ยเนี่ย "ขอมือถือพี่หน่อยค่ะ โยยังไม่ได้บันทึกเบอร์ตัวเองเลย" ชัชญาปลดล็อกแล้วส่งมือถือให้ น้องก็เข้าไปกดอะไรยิก ๆ สักพักก็ส่งคืนให้ "แล้วจำเบอร์พี่ได้เหรอคะ" "จำขึ้นใจเลยค่ะ" ชัชญามองคนที่ฉีกยิ้มตาปิดก็นึกหมั่นไส้ ไม่แปลกใจหรอกไอคิวระดับนี้ความจำคงจะดีพอสมควร "หลังสอบเสร็จ พาโยไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือบ้านพี่นะ" "ค่ะ รถมาแล้ว พี่กลับก่อนนะตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ" "ค่ะ บ๊าย" เธอโบกมือให้อีกฝ่ายก่อนจะรีบไปขึ้นรถเมล์สายที่จะพากลับที่พัก โยธกามองตามท้ายรถไปจนลับตา ก่อนจะเดินยิ้มอารมณ์ดีกลับไปทำงานตัวเองต่อ     หลังแยกจากน้องชัชญาใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณครึ่งชั่วโมงก็กลับมาถึงห้องพักย่านสี่แยกสุทธิสาร อพาทเม้นท์สูงหกชั้นห่างจากปากซอยประมาณสองร้อยเมตร พอที่จะลดเสียงดังจากการรบกวนของรถราได้ ห้องเช่าขนาดห้าคูณห้าเมตรไม่ได้กว้างเท่าไหร อาศัยว่าทางตึกมีเฟอร์นิเจอร์ให้พร้อม ทั้งตู้เตียงโต๊ะเครื่องแป้งและแอร์ ราคาสามพันห้าบวกค่าน้ำค่าไฟแต่ละเดือน ก็ไม่เกินห้าพันก็ถือว่าอยู่ในงบที่สาวบัญชีอย่างเธอมองว่าคุ้ม เมื่อวางของทุกอย่างเสร็จเธอก็นำเสื้อผ้าไปแช่ รอเวลาสักครึ่งชั่วโมงถึงจะซัก จังหวะที่รอก็มีเสียงเตือนเบา ๆ ของแอปหนึ่งดังขึ้น หญิงสาวหยิบมือถือมาดูก่อนจะยิ้ม เมื่อเห็นว่าใครส่งข้อความมา Yoye: ถึงห้องหรือยังคะ Chatchaya: เพิ่งถึงค่ะ กำลังจะซักผ้า  Yoye: สติกเกอร์โอเคส่งกลับมา ชัชญามองแล้วยิ้มไม่ได้ตอบกลับอะไร จากนั้นก็เก็บกวาดทำความสะอาดห้องจนเรียบร้อย ก่อนจะไปซักผ้า ใช้เวลาจัดการภารกิจส่วนตัว จนแล้วเสร็จในเวลาบ่ายสองโมงกว่า ก่อนที่จะออกมารอรถเพื่อกลับบ้าน หน้านี้ก็เป็นฤดูฝน ที่เอาแน่เอานอนกับอากาศบ้านเราไม่ค่อยจะได้ บางวันแดดเปรี้ยงร้อนแทบไหม้ พอตกบ่ายฝนกลับเทลงมา แล้วยิ่งในเมืองการจราจรมักจะติดในเวลาฝนตก หรือช่วงเย็นที่หลาย ๆ คนเลิกงาน นั่นจึงเป็นเวลาที่น่าเบื่อพอสมควร ร่มคันเล็กจึงเป็นสิ่งที่เธอขาดไม่ได้ต้องมีพกพาเอาไว้ตลอด ทุกการเดินทาง แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีสิ่งเล็ก ๆ อีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาอยู่ในกระเป๋าสะพายของเธอ เรียวปากสวยผุดรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงคนที่ให้มันมา และวันนี้ก็โชคดีที่ฝนไม่เทลงมาระหว่างเดินทาง เธอเลยใช้เวลาเพียงชั่วโมงก็กลับถึงบ้าน เพียงเดินมาถึงเขตบ้าน สุนัขตัวหนึ่งก็วิ่งกระดิกหางเข้ามาต้อนรับ พร้อมกับวิ่งวนคลอเคลียรอบเธอเป็นการทักทาย หญิงสาวเอามือลูบหัว ให้เจ้าสุนัขพันธุ์บางแก้ว ส่งเสียงร้องครางหงิง ๆ "วันนี้พี่มีอาหารเด็ดมาให้แกด้วยนะโปเต้ แต่ไว้ตอนเย็นค่อยกินนะ" เธอขอเศษกระดูกไก่มาจากร้าน และแม่ของโยธกาก็ให้มาเยอะพอสมควร คงใช้เป็นอาหารเจ้าโปเต้ได้หลายวัน ที่มันชื่อโปเต้เพราะมันชอบกินขนมโปเต้นั่นแหละ สงสัยมันจะเข้าใจว่าขนมเกลียวสีขาวเล็กนั่นเป็นกระดูก ร่างบางเดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่ กับยายวัยเจ็ดสิบสองที่นั่งอยู่แคร่ใต้ถุนบ้าน "หอบอะไรมาลูก" ชาลินีเอ่ยถามลูกสาวเมื่อเห็นถุงกระดาษใบใหญ่ "พอดีวันนี้มีโอกาสไปกินข้าวมันไก่เจ้าอร่อยค่ะ หนูเลยสั่งมาเผื่อแม่กับยายกินด้วย มีหมูกรอบด้วยนะคะ แล้วก็นี่กระดูกไก่สำหรับเจ้าโปเต้ค่ะ" "ทำไมเขาให้กระดูกมาเยอะจังละลูก หรือหนูขอซื้อมา" คุณยายถามเมื่อเห็นถุงที่ใส่เศษกระดูกไก่ถุงใหญ่ ชัชญาส่ายหน้ายิ้ม ที่จริงทั้งหมดนี่ ไม่ได้เสียเงินสักบาท เพราะเจ้าเด็กตัวสูง บอกว่าแลกกันกับขนมถ้วยที่เธอจะเอาไปฝาก "ไม่ได้ซื้อค่ะ น้าเค้าให้มาฟรีน่ะ แม่คะคือเมื่อคืนนี้จ๋าเจอเรื่องไม่ค่อยดีเท่าไหร แต่โชคดีว่ามีคนช่วย ก็เลยไม่เป็นอะไร คนที่ช่วยก็ลูกสาวร้านข้าวมันไก่นี่แหละค่ะ" "หืม เกิดอะไรขึ้นลูก ก็เมื่อคืนหนูบอกไปกินเลี้ยงงานวันเกิดเพื่อน แล้วตอนห้าทุ่มกว่า หนูส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจะกลับแล้วเกิดอะไรขึ้น" ชาลินีถามพลางสำรวจร่างกายลูกสาวไปด้วยว่ามีอะไรผิดปกติ ชัชญาเลยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้มารดากับยายได้ฟัง ถึงจะรู้ว่าพวกท่านห่วงเธอมาก แต่ที่ผ่านมาเธอก็ระวังตัวเองมาตลอด "คุณพระคุณเจ้ายังคุ้มครอง โชคดีแค่ไหนที่น้องเขาลงมาดูน่ะ" "ใช่ค่ะ แล้วน้องยังให้เจ้านี่ไว้ป้องกันตัวอีก แล้วก็ยังลงโปรแกรมเตือนภัยในมือถือให้หนูด้วยนะคะ ต่อไปถ้าเกิดเจอเหตุแบบนั้นหนูคงเอาตัวรอดได้ แต่หนูจะระวังไม่ไปไหน แล้วก็จะไม่กลับดึก ๆ ค่ะ" "โชคดี ที่เจอครอบครัวตำรวจด้วยสินั่น" "ค่ะยาย ครอบครัวเขาน่ารักทุกคนเลยค่ะ ป๊ากับม๊าเขาก็ดูใจดีด้วย วันจันทร์หนูเลยว่าจะเอาขนมเราไปฝากพวกเขาค่ะ ที่จริงน้องเขาอยากมาด้วยแหละแต่พอดีติดงาน เห็นบอกหลังสอบเสร็จขอมาค้างด้วย เขาบอกชอบบ้านติดคลอง" "อืม ดี ๆ ลูกสรุปหนูจะค้างสองคืนแล้วกลับเช้าวันจันทร์" "ค่ะ" ครอบครัวเธอตอนนี้เหลือกันอยู่สามคน คุณตาเสียไปเมื่อหกปีก่อน และบ้านริมคลองหลังนี้ได้ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่หลังจากปีที่น้ำท่วมใหญ่คราวนั้น ลักษณะบ้านริมคลองละแวกนี้จึงคล้าย ๆ กันหมด คือมีใต้ถุนสูงจากพื้นห้าถึงหกเมตร เพื่อป้องกันเวลาเกิดน้ำท่วมก็ยังอาศัยบนบ้านได้ และทุกบ้านก็จะมีเรือยางบ้านเธอก็มีสองลำ ลำเล็กผูกไว้ในคลอง สำหรับเอาไว้พายเก็บผักบุ้งและผักกระเฉดน้ำหลังบ้าน อาชีพทำขนมถ้วยยายทำมานานตั้งแต่แม่กับลุงของเธอยังเรียนมัธยมกันอยู่เลย จนถึงตอนนี้ยายมีลูกค้าประจำที่ซื้อกันมาเกินยี่สิบปีก็หลายเจ้า อย่างเจ้าใหญ่ในตลาดที่เป็นลูกค้ามาจนถึงรุ่นลูก นอกนั้นก็มีลูกค้าที่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวมารับไปเป็นถ้วย ร้านล่ะห้าสิบ ร้านละร้อยถ้วย รายได้ก็ถือว่าอยู่กันได้สบายไม่เดือดร้อน Yoye: พี่ทำอะไรอยู่คะ กินข้าวยัง ข้อความถูกส่งมาตอนทุ่มกว่า ๆ แต่ชัชญาเพิ่งมาดูตอนสี่ทุ่มไปแล้ว หลังจากช่วยแม่กับยายเตรียมของที่จะทำขนมในตอนเช้า Chatchaya: โทษทีนะพี่ไม่ได้ดูมือถือเลย เพิ่งช่วยแม่กับยายเตรียมของไว้ทำขนมน่ะ วันนี้กินข้าวกับน้ำพริกปลาทูแล้วก็ข้าวมันไก่หมูกรอบ ที่เอามาจากร้านแหละค่ะ เราล่ะ อ่านหนังสืออยู่หรือเปล่า เหมือนว่าอีกคนจะอยู่กับมือถือเพราะข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว Yoye: กำลังอ่านอยู่ค่ะ พี่จะนอนยัง Chatchaya: ทำไมคะ ก็ยังไม่ง่วงหรอกน้ำก็ยังไม่ได้อาบ Yoye:ไม่มีไรคะ อยากคุยด้วยแต่ไม่รู้จะคุยอะไร คนเป็นพี่อมยิ้มเมื่ออ่านข้อความนั้น นั่นสินะ คุยแบบนี้มันก็ไม่เหมือนอยู่ต่อหน้ากัน ที่อยากจะคุยหรือถามอะไรกันเรื่อยเปื่อยก็ได้ Chatchaya: ถ้างั้นก็เอาไว้คุยตอนเจอกัน ดีมั้ย เผื่อจะนึกออกว่าอยากคุยอะไร สติกเกอร์การ์ตูนยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกหงักถูกส่งมา Yoye: งั้นฝันดีนะคะ Chatchaya: ค่ะ อย่าหักโหมนักล่ะ อ่านเท่าที่สมองจะรับไหวนะ Yoye: รับทราบค่า และนั่นคือจุดเริ่มต้นในการส่งข้อความถามไถ่กันวันละไม่กี่ข้อความ วันจันทร์ชัชญาตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อที่จะได้มาขึ้นรถเมล์รอบหกโมงเช้า ซึ่งรถคันนี้จะวิ่งขึ้นทางด่วนและเธอก็ต้องลงต่อรถเมล์อีกสายเพื่อที่จะเอาของไปฝากเจ้าเด็กตัวสูง หญิงสาวมาถึงร้านในตอนเจ็ดโมงยี่สิบก็เจอน้องลงมานั่งรอกันแล้ว "มานั่งรอเศษเหรียญอยู่เหรอคะ" โยธกาฉีกยิ้มกว้างรีบลุกขึ้นมารับถุงกล่องใสเจ็ดกล่องที่บรรจุขนมน่ากิน "ไม่ได้รอเศษเหรียญค่ะ แต่รอเศษใจจากใครบางคนน่ะ"  ชัชญาส่ายหน้าพลางยิ้ม เจอหยอดแต่เช้าเลยนะ "ทำไมเอามาเยอะจังคะ ยายไม่ว่าเหรอ" "ไม่ว่าหรอกค่ะ แค่นี้ไม่ได้ขาดกำไร ก็โยบอกกินเยอะพี่เลยจัดให้เราสามกล่องไง ที่เหลือก็ให้พี่กับพ่อแม่คนละกล่อง" "หูย น่ารักที่สุดเลยนางฟ้าของโยเนี่ย" "พี่ไปเป็นนางฟ้าของเราตอนไหนฮึ โมเมเก่งนะเนี่ย" ชัชญาหมั่นเขี้ยวเลยเอานิ้วจิ้มหน้าผากให้เจ้าเด็กทะเล้นหัวเราะชอบใจ "หอบอะไรมาแต่เช้าเลยลูก" "น้าสวัสดีค่ะ หนูแวะเอาขนมถ้วยมาฝากค่ะ ที่บ้านทำเอง" "อ้าวเหรอ เอามาซะเยอะเลยโยเยไปงอแงพี่เขาหรือไงเราน่ะ" "เปล่านะคะ พี่เขาใจดีกลัวโยไม่อิ่มต่างหากล่ะ ใช่มั้ยคะ" ชัชญายิ้มก่อนจะพยักหน้า ศรีวรรณส่ายหน้ายิ้มกับท่าทางของลูกสาว เห็นตื่นมานั่งจุมปุ๊กรอพี่เขาตั้งแต่เช้า อยากเห็นหน้าสาวหรืออยากกินขนมก็ไม่รู้ "กินข้าวก่อนมั้ยลูก หรือจะเอาไปกินที่ทำงานเดี๋ยวม๊าห่อให้" "ไปกินที่ทำงานดีกว่าค่ะ คราวนี้หนูจ่ายตังค์นะคะ" ศรีวรรณยิ้มขำเธอว่าจะทำให้เฉย ๆ นี่แหละ แต่ดูเหมือนอีกคนจะเกรงใจกัน "อร่อยมากเลยค่ะ แป้งนุ่ม หอมกะทิไม่หวานมากด้วย ชอบ ๆ" คนที่นั่งกินขนมไปเกือบหมดกล่องเอ่ยขึ้นมา ชัชญามองด้วยรอยยิ้มเอ็นดู "ก็บอกแล้วว่าจะติดใจ" "สั่งมาขายที่ร้านดีมั้ยม๊า อร่อยมากเลยค่ะ นี่ม๊าชิม อ่ะป๊ามาพอดี พี่กุหลาบพี่หนูดี นี่โยให้กล่องนึง ไว้จะสั่งมาให้กินใหม่นะ" "ขอบคุณค่ะคุณโย" พนักงานในร้านซึ่งเป็นคนลาวแต่พูดไทยคล่องปรื๋อบอกขอบคุณนายจ้าง "อืม อร่อยดี แบบนี้คงขายดีใช่มั้ยหนู" ยศพลลองชิมก็ต้องเอ่ยชม "ก็ดีค่ะ มีลูกค้าประจำที่สั่งมาหลายปี" "แบบนี้เอามาขายที่ร้านน่าจะขายได้หลายกล่องอยู่นะเนี่ย ถ้าหนูอยากเอามาฝากขายที่ร้านก็ได้นะลูก ม๊าไม่คิดค่าอะไรหรอก ลูกค้าเขากินข้าวแล้วส่วนมากหลายคนเขาก็ชอบตบท้ายด้วยของหวาน" ศรีวรรณบอกอย่างผู้ใหญ่ใจดี "มันไกลน่ะสิคะ อีกอย่างที่ทำอยู่ก็คือลูกค้าเขาไปรับเองที่บ้าน ถ้าจะเอามาที่นี่ก็ต้องจ้างคนส่งอีก" "อืม มันก็คงลำบากอะนะ" "แต่ถ้าโยสั่งมากิน ให้เคอรี่มาส่งเลยนะคะเดี๋ยวจ่ายค่าบริการเอง" คนที่กินขนมหมดไปกล่องครึ่งเงยหน้ามาบอก ดูท่าคงจะชอบมากจริง ๆ "ก็ได้ค่ะ ไว้อยากกินก็บอกพี่แล้วกันจะได้ให้แม่เตรียมให้ งั้นพี่ไปทำงานแล้วนะ หนูไปทำงานก่อนนะคะคุณน้า" "เรียกป๊ากับม๊าก็ได้ลูก" ยศพลบอกด้วยรอยยิ้มใจดี ทำให้ชัชญารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ ถ้าเธอมีพ่อที่อบอุ่นใจดีแบบนี้ก็คงดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD