"โยเดินไปส่ง"
ร่างสูงลุกขึ้นทันที ให้ป๊ากับม๊าพากันยิ้ม
"เมื่อคืนนอนกี่ทุ่มคะ"
"น่าจะเกือบตีสองค่ะ แล้วก็ตื่นตอนหกโมง"
"แล้วมีเรียนกี่โมง ไม่ใช่ไปหลับในคลาสล่ะ"
"แฮะ ๆ พูดเหมือนไปนั่งคุมกันเลยนะคะ วันนี้มีเรียนสิบโมงค่ะแต่โยจะเอางานไปส่งอาจารย์ก่อน ก็คงไปเก้าโมงแหละ ปกติพี่เลิกงานห้าโมงใช่มั้ย"
"ค่ะ แต่ถ้าอาทิตย์สุดท้ายของเดือนจะมีโอทีแล้วแต่จะยุ่งขนาดไหนน่ะ บางวันก็ทุ่ม สองหรือสามทุ่ม"
"งั้นก็อาทิตย์หน้าสิคะที่พี่ต้องกลับมืดน่ะ"
ชัชญาพยักหน้าเพราะตั้งแต่ทำงานที่นี่มาสามปี วงจรการทำงานก็เป็นแบบนี้มาตลอด ข้อดีของที่ทำงานคือหัวหน้างานเป็นผู้หญิง และเพื่อนร่วมงานด้วยกันก็ไม่ค่อยมีผู้ชายเท่าไหร ถึงมีก็จะเป็นรุ่นที่มีครอบครัวกันแล้วมากกว่า
"ต่อไปถ้าพี่จำเป็นต้องไปไหนแล้วกลับดึกมาก ๆ พี่บอกโยนะ โยจะไปเป็นเพื่อน"
"ไปเป็นเพื่อนพี่แล้วเราจะกลับยังไง"
โยธกาฉีกยิ้ม
"โยมีคนที่ไว้ใจได้ไปรับอยู่แล้วค่ะ เฮียไง"
"ใช้เจ้าหน้าที่คุ้มเลยนะคะ"
ฮ่ะ ๆ
"มันเป็นหน้าที่ของพี่ชายด้วยนี่คะ แต่สำหรับพี่ โยเป็นห่วงนะ ถึงจะมีอุปกรณ์ช่วยเหลือแล้วก็เหอะ"
"ขอบคุณค่ะ เอาไว้ถ้าถึงเวลานั้นพี่จะใช้บริการเรา"
"ด้วยความยินดีค่ะ"
ไม่คิดว่าเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานในคืนนั้น มันคือจุดเริ่มต้นในการรู้จักกันของเราสองคน จากวันเป็นสัปดาห์จนกระทั่งน้องสิ้นสุดภารกิจการสอบกลางเทอม
กลางสัปดาห์หลังสอบกลางเทอมเสร็จก็เหมือนจะเป็นช่วงพักสมองของนักศึกษา ใครมีอะไรอยากทำอยากเล่นกินเที่ยวก็จะใช้เวลาช่วงนี้แหละ ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ช่วงการเรียนหนักในปลายเทอมอีกครั้ง
Yoye: เย็นนี้พี่ว่างมั้ยคะ ไปทำบุญกัน
ข้อความถูกส่งหาคนเป็นพี่ตอนสี่โมงเย็น หลังจากเลิกคลาสเรียนในวันนี้ เวลาผ่านไปราวสิบนาทีอีกฝ่ายถึงได้ตอบกลับมา
Chatchaya: ไปได้ค่ะ วัดหัวลำโพงใช่มั้ย
Yoye: ค่ะ ให้โยมารับมั้ยแว๊นมาแป๊บเดียว
Chatchaya: ไม่เป็นไรค่ะ พี่นั่งรถเมล์ไปเจอกันที่นั่นดีกว่า ไม่อยากให้ขับมอไซค์มาโยต้องไปกลับรถไกล รถเยอะด้วยพี่เป็นห่วง
คำว่าพี่เป็นห่วงก็ทำเอาคนอ่านยิ้มกว้าง พร้อมที่จะทำตามนั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข
Yoye: โอเคค่ะ งั้นโยรอที่หน้าวัดแล้วกัน
สติกเกอร์โอเคถูกส่งกลับมา โยธกาแยกกับเพื่อนขับเจ้าสกู๊ตเตอร์คู่ใจมายังตึกที่อยู่ติดถนนใหญ่ ฝั่งตรงกันข้ามคือวัดที่คนละแวกนี้มักจะมาทำบุญบริจาคโลงศพกันมากในแต่ละวัน
หลังหาที่จอดรถเสร็จเธอแวะไปห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนจากชุดนักศึกษามาเป็นเสื้อกีฬาสีชมพูอ่อนกับกางเกงวอมสีเทาแถบขาว เพื่อความสะดวกเวลาเข้าไปไหว้พระ
เธอยังไม่ข้ามไปอีกฝั่งแต่หาที่นั่งรอเวลาที่คนเป็นพี่จะมาถึง ไอแพดถูกนำออกมาเข้าโหมดเกมฆ่าเวลาเล่นไปมาจนเพลิน ดูเวลาอีกทีห้าโมงสิบนาทีแล้วโยธการีบเก็บของลงเป้ ก่อนจะรีบเดินเพื่อข้ามไปยังอีกฝั่ง
เธอยืนเตร่อยู่ตรงจุดที่รถเมล์จอดคอยชะเง้อมองว่าคนที่นัดไว้มาคันไหน และไม่นานร่างคุ้นตาในชุดทำงานกางเกงสกินนี่สีครีมกับเชิ้ตสีชมพูอ่อนสวมทับด้วยสูทผู้หญิงสีเทา ก็ก้าวลงจากรถเมล์ ชัชญายิ้มให้คนที่เดินเข้ามาหา
"มารอนานแล้วเหรอคะ"
น้องส่ายหน้ายิ้ม ยิ้มกับการที่เสื้อผ้าเรามันบังเอิญสีใกล้เคียงกันมากน่ะสิ
"โยเพิ่งข้ามมาค่ะ ไปไหว้พระก่อนมั้ยคะ ค่อยออกมาทำบุญโลงศพ"
เมื่อคนพี่พยักหน้าทั้งสองจึงพากันเดินเข้าไปด้านใน เวลานี้ผู้คนที่มาไหว้พระทำบุญมีเยอะพอสมควร ทั้งคู่พากันเข้าไปไหว้พระในอุโบสถก่อนจะออกมาไหว้ตามจุดด้านนอก
"มาบ่อยเหรอคะ"
คนเป็นพี่เอ่ยถาม
"ก็บ่อยนะคะ เดือนล่ะสองถึงสามครั้งน่ะ โยจะมาทำบุญบริจาคโลงศพทุกเดือนค่ะ"
ชัชญาฟังแล้วก็ยิ้ม ถ้าดูเพียงอายุแล้วโยธกาก็ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นแต่น้องมีความคิดบางอย่าง หรืออาจจะหลายอย่างที่ต่างจากเด็กวัยเดียวกัน เพราะส่วนมากก็เห็นวัยรุ่นน้อยคน ที่จะสนใจเรื่องไหว้พระหรือเข้าวัดทำบุญแบบนี้
เมื่อไหว้พระเสร็จก็พากันออกมาส่วนด้านนอกที่เป็นมูลนิธิสำหรับคนที่สนใจอยากทำบุญซื้อโลงศพ หรือผ้าห่อศพบริจาค การทำบุญก็แล้วแต่ศรัทธาแต่ถ้าจะบริจาคเป็นชุดครบเลยก็ห้าร้อยบาท
ทั้งคู่ก็บริจาคกันคนละชุดเสร็จแล้วก็มาจุดธูปขอพรตามจุดต่าง ๆ และปิดท้ายด้วยการเผากระดาษที่บริจาคโลงศพ เป็นอันสิ้นสุดในการทำบุญครั้งนี้
"เห้อ อิ่มบุญ"
เด็กตัวสูงยกมือท่วมหัวก่อนจะพูดออกมาให้คนเป็นพี่ยิ้มตาม ใช่ เธอเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน การได้ทำบุญแม้เราจะไม่รู้ว่าผลบุญนั้น จะเกิดหรือมีจริงหรือไม่ แต่อย่างหนึ่งที่เรารู้สึกได้คือความสุขและสบายใจเมื่อได้ทำ
"หิวอ่ะ"
"อ้าว เมื่อกี้ยังบอกอิ่มบุญอยู่เลย"
"อิ่มบุญคืออิ่มใจนี่คะ แต่ตอนนี้กระเพาะมันหิว"
ชัชญาหัวเราะขำคนที่เอามือลูบท้องทำหน้ายุ่ง สายตากวาดไปรอบ ๆ บริเวณหน้าวัด มีรถเข็นมาจอดเรียงรายขายของอยู่หลายร้าน และดูเหมือนเด็กหิวจะเจอของกินซะแล้ว
เมื่อมองไปเห็นรถเข็นที่มีควันจากการย่างอยู่ห่างออกไป โยธกาก็ยิ้มกริ่มหันมาถามคนที่ยืนข้าง ๆ
"ไส้กรอกอีสาน พี่กินมั้ย เจ้านี้อร่อยนะโยกับเพื่อนกินบ่อย"
"งั้นเผื่อพี่สองไม้ละกัน เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำก่อน"
โยธกาพยักหน้าก่อนจะเดินไปร้านเป้าหมาย ปล่อยให้คนเป็นพี่แยกไปร้านขายน้ำ ชัชญาซื้อน้ำเปล่าสองขวดและแวะซื้อผลไม้อีกสองอย่างจากร้านรถเข็นใกล้ ๆ กัน ก่อนจะเดินย้อนกลับไปหาอีกคน
"ยังไม่ได้เหรอคะ"
น้องเงยหน้ามายิ้มให้แถมยังไปช่วยลุงเขาย่างอีก
"คิวเยอะค่ะย่างไม่ทัน แต่ชุดนี้ของโยแล้วล่ะ"
ไส้กรอกที่กำลังถูกพลิกกลับไปมาส่งกลิ่นยั่วความหิวอยู่เหมือนกัน ชัชญายืนมองคนที่ยืนพลิกไส้กรอกทั้งคอยหลบควันที่ลอยเข้าหาตัวเอง ก็เผลอยิ้ม
รอไม่นานลุงเจ้าของร้านก็บอกว่าสุกแล้ว ก่อนจะหยิบใส่ถุงแยกให้ถุงละสี่ไม้ เห็นเด็กตัวสูงหยิบเอาผัก ทั้งแตงกวากระหล่ำพริกสดและขิงดอง ก็ให้นึกสงสารเจ้าของร้าน แต่เธอก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อน้องส่งแบ้งค์สีแดงให้ลุง
"ไม่ต้องทอนค่ะ ที่เหลือค่าผัก"
"ขอบคุณครับ มาอุดหนุนทีไรก็เห็นจ่ายค่าผักลุงตลอดแหละ"
เจ้าของร้านพูดพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดูให้กับเด็กสาว ที่เขาจำได้เพราะมาอุดหนุนกันบ่อย
"ไปแล้วนะคะ ขอให้มีคนมาเหมาหมดไว ๆ"
"ขอบคุณครับ"
"ทำไมซื้อเยอะจัง กินหมดเหรอคะ หรือว่าอยากอุดหนุนลุงเขา"
ใบหน้าใสหันมาฉีกยิ้มให้
"หมดสิคะ โยกินเก่งน่ะ เดี๋ยวเราข้ามไปฝั่งนั้นนะคะ ไปหาที่นั่งกินนี่ก่อนไว้โยไปส่งที่ป้ายรถเมล์"
ชัชญาพยักหน้า แล้วทั้งคู่ก็พากันข้ามถนนมาอีกฝั่ง น้องเดินจับจูงกันมาตั้งแต่ข้ามถนน จนเข้ามาในบริเวณตึกของสภากาชาด ก่อนจะมองหาที่นั่งที่เป็นม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นไม้ โยธกาวางถุงของกินกับเป้ลงที่ม้านั่ง
"ขอไปล้างหน้าแป๊บค่ะ พี่กินได้เลยนะถุงนี้วุ้นเส้นกับอันนี้จะเปรี้ยวหน่อย"
น้องชี้บอกถุงไส้กรอกที่แยกกันมา ก่อนจะเดินไปข้างตึกซึ่งมีก๊อกน้ำอยู่
ชัชญาจึงหยิบเอาที่ผสมวุ้นเส้นมาเป่าไล่ความร้อน เมื่อได้กินคำแรกรสชาติมันกลมกล่อมพอดี อืม ก็อร่อยอย่างที่อีกคนโฆษณาไว้ น้องเดินกลับมานั่งลงทั้งใบหน้าที่ยังพราวไปด้วยหยดน้ำ
"อร่อยมั้ยคะ"
คนเป็นพี่พยักหน้า
"บอกแล้ว เจ้านี้โยกับเพื่อนกินบ่อยค่ะ"
เมื่อน้องหยิบเอาอีกถุงที่บอกว่าเปรี้ยวไปเป่าฟู่ก่อนจะงับเข้าปากไปครึ่งไม้ เคี้ยวตุ้ย ๆ พร้อมกับอีกมือก็หยิบทั้งแตงทั้งขิงและพริกสดเคี้ยวตามไปอีก
คนเป็นพี่เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ แต่ที่ดูจะขัดตาก็คงใบหน้าขาวอมชมพู ที่ยังพราวไปด้วยหยดน้ำ เธอจึงเปิดกระเป๋าสะพายดึงเอาทิชชู่เปียกออกมา
"หันหน้ามานี่ค่ะ"
คำสั่งกลาย ๆ ทำให้คนที่กำลังเคี้ยวของกินเต็มปากหันมามองคนพี่ ชัชญายื่นมือข้างหนึ่งไปจับคางน้อง ก่อนจะยื่นทิชชู่ไปซับหยดน้ำออกให้
และนั่นก็ทำเอาหัวใจดวงน้อยของน้องเต้นตุ๊บตั่บ ยังกับจะกระดอนออกมาข้างนอก งือ พี่จะทำให้โยหัวใจวายเอาได้นะคะ
ส่วนคนที่ไม่ได้รู้ตัวว่าเผลอทำอะไรลงไป ก็ทั้งหมั่นเขี้ยวปนเอ็นดูกับท่ายิ้มตาปิด แถมแก้มป่องสองข้างยังเต็มไปด้วยอาหารที่ยังไม่ได้เคี้ยว
"ขอบคุณค่ะ"
เจ้าเด็กรีบเคี้ยวทุกอย่างกลืนลงคอเสร็จก็เอ่ยขึ้น ให้คนเป็นพี่ยิ้มบาง ๆ
"โยเล่นกีฬาอะไรบ้าง"
คำถามที่ได้ยินก็ทำให้น้องยิ้ม
"ที่จริงก็ไม่ได้เล่นจริงจังนะคะเล่นเอาสนุกมากกว่า โยเลยเล่นยูโดกับเทควันโดน่ะ แล้วพี่ล่ะ แต่ถ้าให้เดาอย่างพี่คงจะเป็นหลีดเชียร์มากกว่านักกีฬานะ"
คำพูดนั้นก็ทำให้คนเป็นพี่ระบายยิ้มออกมาเหมือนกัน
"เดาเก่งนะเราน่ะ พี่ก็เป็นแค่นั้นแหละค่ะ กีฬาไม่ได้เรื่องสักอย่างไม่ค่อยได้เล่นหรอก ส่วนมากก็คือเรียนมากกว่า"
โยธกาพยักหน้า
"โยสอบเสร็จแล้ว อาทิตย์นี้ไปบ้านพี่นะ"
คนพี่มองแล้วก็ยิ้มก่อนพยักหน้าให้น้องยิ้มแก้มปริ ไม่รู้ว่าดีใจอะไรนัก
"งั้นคืนวันศุกร์โยไปค้างห้องพี่ได้มั้ยคะ เช้าวันเสาร์จะได้ไปแต่เช้าไง"
ชัชญาหัวเราะกับความใจร้อนของน้อง
"พี่ต้องซักผ้าทำความสะอาดห้องให้เสร็จก่อนค่ะ ถึงจะไป"
"เดี๋ยวโยช่วยซัก จะได้เสร็จไว ๆ"
คนเป็นพี่มองหน้าคนที่อาสาแม้กระทั่งจะช่วยซักผ้า
"อะไรจะรีบขนาดนั้นคะหืม บ้านพี่ไม่หนีไปไหนหรอก"
โยธกาอมยิ้ม บ้านพี่ไม่หนีหรอกแต่โยอยากไปค้างกับพี่เร็ว ๆ ต่างหากล่ะ ชัชญามองคนที่เอาแต่ยิ้มไม่ยอมตอบ
"ตกลงให้โยไปค้างห้องพี่นะ"
"ตามใจค่ะ"
ไม่รู้หรอกว่าน้องคิดอะไรอยู่ แต่อดหมั่นเขี้ยวรอยยิ้มตาปิดนั่นไม่ได้จริง ๆ
"อิ่มแล้วเหรอคะ"
โยธกาถามเมื่อเห็นพี่กินไปแค่สองไม้ ส่วนเธอกินหมดไปสี่ไม้แล้ว
"เรากินให้อิ่มเถอะ"
"ช่วยกันค่ะ คนละไม้ เดี๋ยวโยก็กลับไปกินข้าวอีก"
น้องส่งไส้กรอกวุ้นเส้นไม้สุดท้ายมาให้ ชัชญาจึงต้องกินไปด้วย เราใช้เวลาจัดการของกินทั้งหมดเวลาก็ล่วงไปหกโมงกว่าแล้ว รอบตัวความสว่างเริ่มน้อยลงเมื่อดวงตะวันตกดินไปแล้ว
"เดี๋ยวโยขับไปส่งที่ป้ายรถเมล์นะคะ"
คราวนี้ชัชญายอมที่จะให้น้องไปส่งที่ป้ายรถเมล์อีกด้าน ถ้าเดินไปก็ไกลพอสมควร โยธกาเดินไปที่จุดจอดรถไม่นานรถสกู๊ตเตอร์สีเขียวขาวยี่ห้อหนึ่งก็มาจอดตรงหน้า ที่พักเท้าถูกดึงลงให้คนเป็นพี่ขึ้นไปนั่งคร่อมซ้อนหลัง
"เกาะแน่น ๆ นะคะ น้องโยจะพาบินแล้วนะ"
คำพูดแสนทะเล้นจนอยากจะบิดแก้มแดงนั่นสักที รถคันน่ารักพาเธอวิ่งออกถนนใหญ่ด้วยความเร็ว ที่มากกว่าคำว่าเต่าคลานอยู่นิดหน่อย น้องขับมาจอดที่ป้ายรถเมล์และรออยู่ตรงนั้น จนกระทั่งเธอได้ขึ้นรถอีกฝ่ายถึงได้กลับ
วันศุกร์ชั่วโมงสุดท้ายในการเรียนถูกยกคลาสไปเพราะอาจารย์ติดประชุม โยธกาก็เลยได้กลับบ้านตั้งแต่บ่ายสามโมง
กระเป๋าเสื้อผ้าถูกจัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วยังมีไก่ที่ถูกเลาะเอาเฉพาะส่วนเนื้อพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดที่ลงมือทำเอง ถูกจัดใส่กล่องสำหรับใส่อาหารและหมูกรอบอีกส่วนหนึ่ง ถูกสับเป็นชิ้นพอดีคำก็แยกลงในช่องหนึ่ง
แถมยังมีกล่องข้าวเปล่าและข้าวมันอีกต่างหาก ยศพลกับภรรยามองลูกสาวที่ขมักเขม้นจัดอาหารลงกล่องก็อดแซวไม่ได้
"ยังไม่ทันไรก็หอบผ้าหนีตามสาวซะแล้ว แบบนี้ป๊าต้องเตรียมค่าสินสอดหรือเปล่าฮึ"
คำเอ่ยแซวของบิดาทำให้ลูกสาวเงยหน้ามามองก่อนจะขำ
"ถ้าพี่เขาไม่เรียกเกินล้าน ป๊าแค่ไปสู่ขอก็พอแล้วค่ะ ที่เหลือโยจัดการเอง"
"โห ลูกมันเอาจริงเว้ยคุณ ฮ่า ๆ"
ยศพลหัวเราะชอบใจ ส่วนศรีวรรณก็ยิ้มขำไปด้วย ถึงลูกสาวจะอายุแค่นี้แต่โยธกาหารายได้เข้ากระเป๋าตัวเองตั้งแต่เรียนปีหนึ่งแล้ว และตั้งแต่ปีสามพวกเธอก็ไม่ได้จ่ายค่าเทอมให้เจ้าตัวแสบนี่เลย
ของทุกอย่างถูกเตรียมเสร็จเรียบร้อยโยธกาก็ไปอาบน้ำ วันนี้เธอบอกจะไปรอพี่เขาที่หน้าตึกจะได้นั่งรถเมล์กลับพร้อมกัน เมื่อสะพายเป้ลงมาข้างล่างก็ต้องยิ้มเมื่อเห็นพี่ชายกำลังนั่งกินข้าวอยู่
"เฮีย ไปส่งโยหน่อยสิที่ตึกตรงสถานีคลองเตยน่ะ"
"นี่หอบผ้าหนีตามสาวจริง ๆ เหรอโยเย"
ยุทธการเอ่ยเย้าน้องทั้งยิ้มขำ
"ไม่ได้หนีตาม เขาเรียกว่ากำลังสร้างความสัมพันธ์อันชิดใกล้ต่างหากเล่า"
"โหย ร้ายนะเรา รอแป๊บ"
นี่แหล่ะความน่ารักของพี่ชาย แค่น้องขออะไรพี่ก็พร้อมจะทำให้เสมอ
ยี่สิบนาทีต่อมารถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของพี่ ก็พาน้องสาวมาส่งที่ป้ายรถเมล์ใกล้กับตึกสูง
"ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวจะเอาหนมถ้วยอร่อย ๆ มาฝากนะคะพี่ชาย"
"โอเค พี่กลับนะ"
เมื่อรถของพี่ขับออกไปแล้วโยธกาดูเวลาตอนนี้ใกล้เวลาเลิกงานของพี่เขาแล้ว เธอเดินไปนั่งที่ป้ายรถเมล์เพื่อรออีกฝ่าย เวลาผ่านไปจนกระทั่งมีคนมาสะกิดไหล่ โยธกาเงยหน้าจากมือถือก่อนจะเผยยิ้มกว้าง
"มานานแล้วเหรอคะ"
"ไม่นานค่ะ พอดีให้เฮียมาส่งน่ะ"
โยธกาบอกก่อนขยับให้พี่เขานั่งลงข้างกัน ตอนนี้คนเริ่มมายืนรอรถกันหลายคนแล้ว
"นั่งสายไหนคะ"
เมื่อพี่เขาบอกสายรถเธอจึงคอยชะเง้อมองรถเมล์ที่วิ่งมาจอดตลอด และก็ใช้เวลาไม่นานรถเมล์คันสีส้มก็วิ่งให้เห็นมาแต่ไกล เธอลุกจูงมือพี่เขาเดินไปรอริมถนนทันที
ชัชญาอมยิ้มการกระทำทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นธรรมชาติไปหมดสำหรับเด็กคนนี้ เพราะทุกอย่างไม่เคยทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเลยสักนิด ด้วยความที่เป็นจุดต้นสายก็เลยยังพอมีที่นั่ง
โยธกาให้พี่เขานั่งเบาะเดี่ยวท้ายสุดก่อนที่เธอจะยืนเกาะราว กันคนเป็นพี่เอาไว้ ชัชญาบอกให้น้องปลดเป้มาให้เธอถือพร้อมกับถุงกระดาษ ที่น้องหิ้วมาด้วย พอก้มดูก็เห็นว่ามันเป็นกล่องใส่อาหาร
"กลัวที่พักพี่ไม่มีของกินเหรอคะ ต้องห่อข้าวมาด้วยน่ะ"
คนพี่เอ่ยเย้าออกไปยิ้ม ๆ
"เปล่าค่ะ แค่เผื่อพี่อยากกิน โยเอาไก่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดมาด้วย"
"อืม น่าอร่อย"
โยธกายิ้ม พร้อมกับส่งเงินให้กระเป๋ารถ ชัชญาเลยยื่นแบ้งค์ยี่สิบคืนให้
"โยจ่ายได้ ไม่ได้อวดรวยนะแต่โยหาเงินเก่ง"
ใบหน้าใสที่โน้มลงมาบอกใกล้ ๆ ทำให้พี่ทั้งขำทั้งหมั่นไส้ไปด้วย
"พี่เคยมาไหว้ศาลนี้มั้ย"
ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อรถมาจอดติดไฟแดงตรงแยกพระพรหม
"เคยครั้งนึงค่ะ นอกนั้นก็ยกมือไหว้เวลารถผ่าน เราล่ะ เคยมาบนอะไรไว้หรือเปล่า"
"ถ้าบน ยังไม่เคยนะคะ แต่คิดว่าอาจจะได้มาขออะไรบ้างแล้วล่ะ"
ชัชญาฟังแล้วขมวดคิ้วเมื่อน้องพูดแล้วก็อมยิ้มมีเลศนัยอีกแล้ว อะไรของเด็กคนนี้
ในช่วงการเดินทางที่ใคร ๆ ก็ต่างมุ่งกลับบ้านจราจรเลยติดเป็นเรื่องธรรมดา กว่ารถจะมาถึงเขตที่พักของคนเป็นพี่ก็กินเวลาเป็นชั่วโมง