ด้วยความที่เมื่อคืนเสียใจกับคำพูดของสามี เธอจึงไม่สนใจจะชาร์จแบตโทรศัพท์ เช้ามาก็รีบออกจากคอนโดทำให้ตอนนี้โทรศัพท์
แบตเตอรี่หมด ดับไปเป็นที่เรียบร้อยและบังเอิญเธอลืมพกที่ชาร์จมาด้วย หันไปขอจากใครก็ไม่ได้เพราะทุกคนใช้ไอโฟน ส่วนเธอใช้ซัมซุง เห็นทีต้องไปถอยเครื่องใหม่แล้ว จะได้ใช้เหมือนคนอื่นบ้าง
“มีไหมใส ที่ชาร์จแบต” เฟรินเดินมาถามเพื่อน พวกเธอสองคนทำงานที่เดียวกัน ไม่รู้จะขำหรือสงสารพรนับพันดีที่ใช้โทรศัพท์ไม่เหมือนคนอื่น เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ในแผนกที่พวกเธออยู่ไม่มีใครใช้ยี่ห้ออื่นเลยนอกจากไอโฟน
“ไม่มี ไม่มีใครใช้ซัมซุงเลยว่ะ ให้ตายเถอะ”
พรนับพันเอาหัวโขกโต๊ะไปหนึ่งครั้งด้วยความเซ็ง ชีวิตหนอชีวิต มีอะไรได้ดั่งใจบ้าง เพราะเรื่องของสามีแท้ ๆ ทำให้เธอเป็นแบบนี้ มาทำงานหน้าก็ไม่ได้แต่งจนโดนทักว่าหน้าศพ เอ๊ย หน้าสด ยังดีที่เธอยังพอคิดหาทางแก้ปัญหาได้ ด้วยการขอยืมเครื่องสำอางของเพื่อนมาโบ๊ะหน้าหมอง ๆ ให้กลายเป็นหน้าไบรต์ ตบท้ายด้วยสีปากที่แดงยิ่งกว่ากุหลาบ อย่างที่เขาว่า ปากไม่แดงไม่มีแรงทำงาน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ กูบอกแล้วให้เปลี่ยน ดูโทรศัพท์มึงสิ รุ่นเก่าจะตาย เปลี่ยนเถอะเชื่อกู”
จริง ๆ พรนับพันควรเปลี่ยนโทรศัพท์ตั้งนานแล้ว แต่ความเสียดายเงินจึงไม่ยอมซื้อใหม่ เอาแต่บอกว่าเครื่องนี้ก็ใช้ได้ ถึกทนอีกต่างหาก อีกอย่างเธอก็มีไอแพดแล้วไม่จำเป็นต้องซื้อไอโฟน
“เปลี่ยนแล้ว กูจะเปลี่ยนทั้งโทรศัพท์ทั้งผัวเลย” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาหนักแน่นมาก นอกจากจะเปลี่ยนโทรศัพท์แล้ว เธอจะเปลี่ยนสามีด้วย
แววตาของพรนับพันทำให้เพื่อนสนิทถึงกับต้องนั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะถามเสียงเบา
“รอบนี้เอาจริง ทำไม เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกับคุณสามีมาเหรอ” เฟรินถามด้วยความเป็นห่วง เพราะปกติพรนับพันไม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอย่างนี้
“เออสิ กูเหนื่อยแล้ว กูขอใช้ชีวิตแบบมึง ไม่ก็หาผัวใหม่ไปเลย จบ” เธอถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาก่อนตอบเพื่อน ระหว่างที่เดินทางมาทำงานพรนับพันคิดทบทวนแล้ว เธอจะไม่ทนอีกต่อไป การหย่าคือทางออกของชีวิต
“เอาเลย กูสนับสนุนมึง แล้วนี่มึงต้องไปคุยกับคุณพอร์ชไม่ใช่เหรอ เห็นเขาถามหามึง”
“กำลังจะไปคุย แต่คุณพอร์ชมีสายสำคัญโทร.มา กูเลยไม่ได้เข้าไปคุย”
“อ้าวนั่นคุณพอร์ชมาพอดี งั้นกูไปก่อนนะ เดี๋ยวมาตามตอนไปกินข้าว”
“โอเค กูจะไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ด้วย”
สองสาวนัดแนะกันเสร็จเรียบร้อยก็แยกย้ายไปทำงานของตนเอง พรนับพันเข้าไปคุยงานกับเจ้านายสักพักใหญ่ ๆ ก็เดินออกมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น เพราะได้รับคำชมจากลูกค้าทำให้เจ้านายพิจารณาขึ้นเงินเดือน
ถึงเรื่องรักจะไม่สมหวังแต่เรื่องงานเจริญรุ่งเรือง แค่คิดว่าจะหย่ากับสามีเงินเดือนก็ขึ้นเลย ถ้าเธอหย่าเรียบร้อย หน้าที่การงานไม่รุ่งโรจน์กว่านี้เหรอ
“ถ้าโสดแล้วเฮง ฉันจะโสดตลอดชีวิต”
พรนับพันยิ้มร่า มีความสุขกับเรื่องเงินเดือนจนลืมเรื่องของสามีไปเสียสนิท จวบจนเวลาพักเที่ยงมาถึงเฟรินก็เดินมาตามเพื่อนไปกินข้าว
สองสาวกำลังจะออกจากประตูของบริษัทที่ตั้งอยู่ชั้นสิบห้าของตึก AMS ซึ่งเป็นตึกของตระกูลแอมเมอร์สันที่ปล่อยให้บริษัทชั้นนำต่าง ๆ เช่าเพื่อทำเป็นที่ตั้งของบริษัท พวกเธอเจอกับเจ้านายพอดีจึงชวนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
“พวกคุณสองคนอยากกินอะไรตามสบายเลยนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” เจ้านายบอกกับพนักงานของตนเองด้วยน้ำเสียงยินดี นานแล้วที่เขาไม่ได้ไปกินข้าวกับคนในบริษัท
“เกรงใจจังเลยค่ะ แต่ก็ขอบคุณล่วงหน้า” เฟรินเอ่ยก่อน
“เกรงใจเหมือนกันค่ะ แต่ก็ขอบคุณมาก”
ตามมาด้วยพรนับพัน ทำให้เจ้านายหลุดยิ้ม สองคนนี้สมกับที่เป็นเพื่อนกันจริง ๆ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เราต้องทำงานไปด้วยกันอีกนาน”
“แล้วไปกินอะไรดีคะ เฟย์ให้คุณพอร์ชเลือกดีกว่าค่ะ ไหน ๆ ก็เป็นเจ้ามือแล้ว”
“อืม ผมให้คุณสดใสเลือกดีกว่า”
“จะดีเหรอคะ ใสว่าคุณพอร์ชเลือกเองดีกว่าไหม ใสเกรงใจ”
“ถือว่าเป็นคำสั่งแล้วกัน คุณสดใสเลือกเถอะ”
“คำสั่งเลยเหรอ ก็ได้ค่ะ ใสไม่อยากขัดเจ้านาย งั้นกินอาหารญี่ปุ่น คุณพอร์ชกินไหมคะ”
“ผมกินได้หมด ไม่เรื่องมากครับ”
“งั้นเราไปกันเถอะค่ะ ยิ่งนานคนยิ่งเยอะ”
“ใช่ค่ะ เฟย์เห็นด้วยกับสดใส”
“ครับ เชิญ”
ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่มีคนเริ่มมาใช้บริการไม่น้อย ร้านนี้ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าซึ่งอยู่ติดกับตึก AMS
พรนับพันกำลังจะก้าวขาตามเจ้านายกับเพื่อนสนิทเข้าไปในร้าน แต่แขนกลับโดนดึงทำให้เธอหันไปมองด้วยความตกใจ แต่คนที่ไวกว่าคือคุณพอร์ชหรือพิรันต์ที่เข้าไปจับมือของออร์ดี้ด้วยความไม่พอใจ
“กรุณาปล่อยแขนผู้หญิงด้วยครับคุณ”
“ปล่อยค่ะ ถ้าไม่อยากให้คนมอง”
ออร์ดี้เห็นคนหันมามองจึงจำเป็นต้องปล่อยแขนของภรรยา ก่อนจะหันไปจ้องตาพิรันต์ที่กำลังมองพรนับพันด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวแต่งงานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าชื่ออะไร
“คุณออร์ดี้มาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ” เฟรินเอ่ยถามก่อนจะมองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังแสดงความไม่พอใจผ่านแววตาและสีหน้า
“ผมมาทำธุระแถวนี้ เลยมาหาข้าวเที่ยงกิน ไม่คิดว่าจะเจอภรรยากับเพื่อนแล้วก็...”
“คุณพอร์ชค่ะ เจ้านายของพวกเราเอง”
“ภรรยา? หมายความว่าผู้ชายคนนี้คือสามีของคุณสดใสเหรอครับ”
“ครับ ผมออร์ดี้สามีของพรนับพัน ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมพอร์ช เจ้านายของคุณสดใส”
พรนับพันรู้สึกว่าคนมองมาทางนี้เยอะจึงชวนสามีกับเจ้านายและเพื่อนสนิทเข้าไปคุยต่อในร้านอาหาร
ในระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ เธอไม่คุยกับออร์ดี้แม้แต่คำเดียว ไม่เหมือนกับพิรันต์ที่คุยจ้อจนสามีต้องกระแอมขัดจังหวะ เหมือนไม่พอใจที่เห็นภรรยาคุยกับชายอื่น
เฟรินจึงหันไปถามออร์ดี้แทนเพื่อนว่าไม่สบายรึเปล่า แต่สามีเพื่อนตอบกลับว่าเขาไม่ได้เป็นไร และขอคุยกับภรรยาเป็นการส่วนตัว ก่อนจะจูงมือพรนับพันออกนอกร้าน แล้วพาไปยืนในจุดที่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมา
“คุณออมีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“ทำไมปิดเครื่อง ฉันโทร.หาเธอไม่ติดเลย”
“ไม่ได้ปิดเครื่องค่ะ แต่โทรศัพท์แบตหมด ไม่ได้พกที่ชาร์จแบตมา แล้วคุณออโทร.หาใสมีอะไรไม่ทราบ”
“ฉันจะถามเรื่องกินข้าวกับพ่อแม่เสาร์นี้ เธอจะไปไหม”
เขาโกหก แต่ไม่กล้าพูดความจริงว่าโทร.หาภรรยาทำไมจึงเอาเรื่องบิดามารดามาอ้าง
หญิงสาวจึงพยักหน้าก่อนตอบ เธอต้องไปอยู่แล้วเพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพวกท่านและพี่น้องของสามี
“ไปค่ะ ใสมีเรื่องสำคัญจะบอกพวกท่าน”
“เรื่องอะไร ทำไมเธอถึงทำหน้าเครียดแบบนั้น”
“เรื่องสำคัญมากค่ะ เอาไว้คุยกันเย็นนี้ ใสขอตัว”
พรนับพันจ้องเข้าไปในดวงตาของสามี ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ เธอตัดสินใจแล้ว ในเมื่ออยู่ด้วยกันไม่มีความสุข อย่างนั้นก็ให้ต่างคนต่างไปเผื่ออะไร ๆ มันจะดีขึ้น