เสร็จจากการถ่ายรูปปรเมศวร์ก็เดินผ่าวงล้อมมาหาเลขาของตนที่ยืนรออยู่
“หล่อมากค่ะบอส หล่อสุดในงานนี้เลย”
คนที่รู้ตัวเองว่าหล่อกดยิ้มรับการชื่นชมพลางบอกว่า
“ปลื้มที่มีเจ้านายหล่อขนาดนี้ใช่มั้ยครับคุณเลขา”
อัยวาถึงกับยกมือปิดปากหัวเราะคิกเบา ๆ ส่งผลให้ดวงตากลมโตโค้งรับกับรอยยิ้มที่สวยสะกดจนบางขณะคนเป็นเจ้านายยังหวั่นไหว แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะมาคิดเรื่องส่วนตัวกับเธอ ในหัวของเขาไม่มีสมภารที่บอกว่าสมภารจะไม่กินไก่วัด
“เข้าไปในงานกันเถอะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก
“เดี๋ยวค่ะบอส ขอโทษนะคะ เนกไทเอียงไปนิดหนึ่ง ขออนุญาตค่ะ”
อัยวาทำหน้าที่ของเธออย่างไม่ขาดตกบกพร่องบอสหนุ่มยืดอกและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้มือเรียวยื่นมาจัดการขยับเนกไทให้เรียบร้อย
“เรียบร้อย หล่อเนี้ยบทุกองศาแล้วค่ะ”
“ขอบคุณ”
“ยินดีเสมอค่ะ”
อัยวายิ้มพร้อมกับโค้งศีรษะ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในงาน ทุกอย่างทุกการกระทำตกอยู่ภายใต้สายตาใครคนหนึ่ง สมองและความคิดที่ฉับไวประมวลผลจากภาพที่เห็นอย่างรวดเร็วว่าผู้หญิงคนนั้นกับปรเมศวร์อาคนเล็กของคู่หมั้นของเขามีความสัมพันธ์กันฉันใด
เขาเคยพบเจอกับปรเมศวร์เมื่อหลายเดือนก่อนในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเจ้าสัวธรรมรงค์ อัคราพิพัฒน์ผู้ก่อตั้งธุรกิจของอัครากรุ๊ป ปรเมศวร์เป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าสัวธรรมรงค์ที่เกิดกับภรรยาคนสุดท้อง ชายหนุ่มอายุเท่ากับพี่สาวของเขาและเหมือนจะยังครองตัวเป็นโสด และถ้าจะให้ประเมินความสัมพันธ์ของคนคู่นั้นเขาคิดว่า
อัยวา วาริชวิศิษฐ์ อาจจะเข้ามาทำงานกับปรเมธ ในตำแหน่ง...
เลขาส่วนตัวเหรอ?
สรุปความคิดได้แบบนั้นมุมปากหยักก็ยกยิ้มกึ่งเหยียด
‘ไต่เต้าได้ไม่เลว ผู้หญิงสารเลว’
เขาไม่มีวันยอมให้เธอเข้ามาร่วมวงศาคนาญาติเดียวกับเขา อินทวิชญ์แสยะยิ้มร้าย
นิ่มอนงค์เดินเข้ามาหาคู่หมั้นหลังจากที่ยืนอวดโฉมให้ช่างภาพจากสำนักข่าวทางโทรทัศน์ช่องหนึ่งถ่ายภาพพร้อมทั้งให้สัมภาษณ์เดี่ยวกับรายการซุบซิบไฮโซซึ่งมีเหยี่ยวข่าวเป็นเพศทางเลือก มีการจิกกันเบา ๆ พอน่ารัก อินทวิชญ์ยิ้มบาง ๆ ให้คู่หมั้นสาวที่สวยที่สุดในงาน ไม่มีผู้หญิงคนไหนเทียบเคียงเธอได้โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในชุดราตรียาวสีเทาเงิน ผ้าลูกไม้ปักลายใบไม้เหลือบด้วยดิ้นสีเงินทำให้ชุดดูมีมิติ ด้านบนเข้ารูปโชว์ลาดไหล่และเรียวแขนขาวเนียน ส่วนกระโปรงตั้งแต่สะโพกลงมาบานออกช่วงคอระหงไร้เครื่องประดับอวดความงามที่เป็นธรรมชาติ ทำผมรับกับใบหน้าสวยผ่องที่แต่งหน้าอย่างพอเหมาะ ดูเรียบแต่หรูสมงาน แต่...มันช่างจืดชืดในสายตาของเขา ผู้หญิงคนนั้นสู้คู่หมั้นของเขาไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ
“พี่อวิ๋นคะ”
เสียงหวานละมุนของคู่หมั้นสาวสวยดังขึ้น
“ครับน้องนิ่ม”
เขาหันมาตอบรับในน้ำเสียงโทนเดียวกันคือหวานจัด สาวสวยเดินเข้ามาคล้องแขนแกร่งภายใต้สูทสีเข้ม
“เข้างานกันเถอะค่ะ”
“ครับ”
“เสียดายที่วันนี้คุณน้าหลินไม่มาด้วยผู้ใหญ่ทางเราจะได้คุยกัน”
ปกติแล้วงานใหญ่ของตระกูลว่าที่ลูกสะใภ้แบบนี้ทางซิ่วหลินมารดาของอินทวิชญ์ต้องมาร่วมงานด้วย แต่วันนี้คุณผู้หญิงของตระกูลเมธาศิริเกิดมีอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมากะทันหันจนต้องนำส่งโรงพยาบาล หมอประจำตัวบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแค่มีอาการความดันต่ำเล็กน้อยจึงอยากให้พักผ่อน
ชายหนุ่มยิ้มไม่ตอบอะไร ดวงตาคมที่ดูเหมือนกำลังพุ่งมองตรงไปข้างหน้าค่อย ๆ กวาดไปรอบ ๆ เพื่อที่จะหา...
“น้องนิ่มครับ”
“คะ”
“นั่นคุณปรเมศวร์ พี่อยากไปทักทายเขาหน่อย”
นิ่มอนงค์หันมองตามสายตาของคู่หมั้นหนุ่มหล่อด้วยแววตาท่าทีเฉยเมย ปรเมศวร์เป็นลูกชายคนเล็กที่เจ้าสัวธรรมรงค์รักและให้ความสำคัญมากกว่าลูกคนอื่น ๆ เพราะนอกจากจะมีลูกคนนี้ตอนอายุมากแล้ว ปรเมศวร์ยังฉลาดเฉลียวมาตั้งแต่เด็กและยังมีความสามารถในด้านการบริหารจนบิดาของเธอซึ่งเป็นลูกชายคนโตเทียบไม่ติด เขาอายุยังไม่ถึงสี่สิบห่างจากธรรมรัตน์บิดาของเธอเกือบยี่สิบปีแต่กลับได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในบริษัท และเป็นคนที่ได้รับมอบหมายให้ขึ้นกล่าวเปิดงานใหญ่ของอัครากรุ๊ปกับแขกทุกคนในวันนี้
ถ้าหากนิ่มอนงค์ได้แต่งงานกับอินทวิชญ์ บารมีทางธุรกิจของอีกฝ่ายก็จะส่งให้เธอขึ้นไปยืนยังจุดที่สูงสุดห่างจากบรรดาเครือญาติในตระกูลทุกคน
“อ๋อ ได้สิคะ”
คู่หมั้นที่มีความเหมาะสมกันราวกับสวรรค์บรรจงสร้าง เดินควงแขนกันไปทางผู้บริหารหนุ่มที่ยืนสนทนากับเพื่อนร่วมธุรกิจในสาขาอื่น โดยมีเลขา สาวสวยยืนอยู่เยื้องไปทางด้านหลังคอยรับฟังไปด้วย ทว่าในจังหวะหนึ่งสายตาคู่หวานก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามา ร่างบางก็ถึงกับชะงักนิ่งหยุดทุกการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ
^
^
^
***คอมเม้น ส่งใจมาเยอะๆ นะคะจะได้มาบ่อย ๆ