รอยยิ้มบนริมฝีปากหยักลึกและสายตาที่มองมาจากดวงตาของผู้ชายคนนั้นเย็นเยียบตรึงทุกความเคลื่อนไหวของเธออยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่อัยวาจะสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามกดข่มความตื่นเต้นและตึงเครียดที่อยู่ภายในตัวเองลง หันไปเปิดปากยิ้มเล็กน้อยเมื่อเจ้านายของเธอสังเกตเห็นความผิดปกติเพียงน้อยนิดของเธอแล้วหันมามอง
“มีอะไรรึเปล่า เมื่อกี้ดูคุณแปลก ๆ”
คำพูดนั้นแสดงให้เธอรู้ว่า เจ้านายคนนี้คอยสังเกตเธออยู่ตลอดเวลา เธอมั่นใจว่าท่าทีที่แสดงออกไปตอนที่เห็นเขาคนนั้นมันเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวหนึ่งของลมหายใจเท่านั้น
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“สวัสดีค่ะอาเมศวร์”
นิ่มอนงค์พนมมือไหว้อย่างอ่อนหวานเมื่ออยู่ต่อหน้าปรเมศวร์ที่มีศักดิ์เป็นอาในสายเครือญาติ ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันบ่อยนักเพราะไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ที่บริษัทก็แทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน มีบ้างตอนที่เข้าประชุมบอร์ดผู้บริหารทุกสายงาน ทว่านิ่มอนงค์ก็ยังขึ้นไปไม่ถึงบอร์ดผู้บริหารระดับสูง โอกาสที่จะเจอกันก็มีแต่ในวันรวมญาติ หรือวันสำคัญของครอบครัว
“สวัสดีครับหนูนิ่ม สวัสดีครับคุณอวิ๋น”
ปรเมศวร์เรียกสรรพนามของหลานสาวว่าหนูนิ่ม เพราะเขาให้ความเอ็นดูเธอมาตั้งแต่เด็ก และรับรู้ว่าชายหนุ่มหน้าหยกที่ยืนอยู่ข้างหลานสาวของเธอคือคู่หมั้นที่มาจากตระกูลระดับสูงและมีอิทธิพลในวงการธุรกิจ
“สวัสดีครับคุณเมศวร์”
อินทวิชญ์กล่าวตอบ ก่อนจะเหลือบสายตาไปทางหญิงสาวในชุดราตรีสีเทาเงินด้านหลังปรเมศวร์เพียงแวบหนึ่งแล้วดึงสายตากลับมาสบตาคมอีกคู่
“ขอบคุณที่มาร่วมงานของเราวันนี้นะครับ เป็นเกียรติมาก”
ปรเมศวร์สุภาพและอ่อนน้อมกับทุกคนเสมอ ดังที่มารดาของเขาคอยพร่ำสอน
“ยินดีมากครับ ให้ยังไงผมก็ต้องมา” หันไปส่งสายตาหวานเชื่อมให้คู่หมั้นสาว “เพื่อน้องนิ่ม”
เขาเอ่ยชื่อคนที่ยืนอยู่ข้างกายราวกับอยากแสดงให้ใครบางคนรู้ว่าเธอสำคัญกับเขามากเพียงใด อัยวาหลุบสายตาลงต่ำก้มหน้าลงเล็กน้อย เรื่องส่วนตัวของผู้บริหารคุยกันเธอไม่ควรเข้าไปรับรู้รับฟังมากนัก แม้จะได้รับฟังมาก็ไม่แสดงความคิดเห็น
ปรเมศวร์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “อาขอแสดงความยินดีกับความรักของทั้งสองคนด้วยนะ”
“ขอบคุณค่ะอาเมศวร์”
“ขอบคุณครับ ผมเองก็อยากดูแลน้องนิ่มให้มากขึ้น เลยแพลนว่าจะแต่งงานกันภายในปีนี้ครับ”
อินทวิชญ์โพล่งออกมาโดยที่เขาลืมตัวไปครู่หนึ่งว่าได้หยุดสายตาไว้ที่ใบหน้าใครบางคนซึ่งก็กำลังมองเขาอยู่ แต่ต่างกันตรงที่เธอคนนั้นไม่มีสีหน้าที่บ่งบอกความรู้สึกใดเลย
“โอ้ ภายในปีนี้ก็อีกแค่หกเดือนน่ะสิ นี่จะแต่งกันปลายปีเลยใช่มั้ย”
นิ่มอนงค์ได้แต่อมยิ้ม เธอเองก็เซอร์ไพรส์ที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากของคู่หมั้นหนุ่ม
“ก็ราว ๆ นั้นครับ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ
ปรเมศวร์เห็นนิ่มอนงค์ชำเลืองสายตามองไปทางอัยวาอยู่สองสามหนจึงเอ่ยแนะนำกับทั้งสองคน
“นี่คุณอัยวา เลขาคนใหม่ของอา”
นั่นประไร เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด
“สวัสดีค่ะ ดิฉันอัยวา”
หญิงสาวทำหน้าที่อย่างมืออาชีพด้วยการพนมมือไหว้คู่รักทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยมีมีพิรุธใด ๆ ทางสีหน้า นอกจากรอยยิ้มที่สวยหวานจนแม้แต่ผู้หญิงที่มั่นใจมาตลอดว่าตัวเองสวยจนยากจะหาใครเทียบเคียงได้มองเห็นแล้วยังรู้สึกไม่ชอบใจ
“สวัสดีค่ะ เลขาคนใหม่ของคุณอาสวยมากเลยนะคะ”
ปรเมศวร์ยิ้มและเสริมว่า “ไม่ใช่สวยอย่างเดียวนะ ทำงานเก่งมากด้วย”
“เหรอคะ ดีจังเลยค่ะ”
อัยวามองเวลาจากหน้าจอมือถือและเห็นว่าเหลืออีกห้านาทีปรเมศวร์ต้องไปสแตนด์บายที่ข้างเวทีเพื่อเตรียมพูดเปิดงานกับแขกผู้มีเกียรติ เธอจึงทำหน้าที่ของเธอด้วยการขยับเข้ามาใกล้เจ้านายอีกเล็กน้อยและแจ้งว่า
“บอสคะ ได้เวลาแล้วค่ะ”
“ครับ... ผมขอตัวสักครู่นะครับ เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันใหม่”
คู่หมั้นหนุ่มหล่อสาวสวยยิ้มรับ นิ่มอนงค์ดูจะหน้าแดงก่ำยามสบตากับดวงตาคู่คมนั้น เก็บความดีใจไว้ในอกยังไม่อยากเอ่ยปากถามเรื่องที่เขาเพิ่งพูดกับปรเมศวร์โดยที่เธอเองก็เพิ่งจะรู้ ส่วนอินทวิชญ์เมื่อพูดออกไปแล้วกลับปิดปากเงียบ
^
^
^
^
***ขอกำลังใจให้นักเขียนเยอะ ๆ นะค้า เรื่องนี้ขมปี๋ อิอิ
ebook เรื่องอื่นๆ กดที่เว็บ meb เลยค่า