สายวันถัดมาอินทวิชญ์ก็ขับรถมาหาหลานชายที่เพิ่งกลับมาจากจีน ปรากฏว่าหลานยังไม่ตื่นเพราะกว่าจะนอนก็ตีสี่เข้าไปแล้ว เขาเจอมารดาที่นั่งจิบชาอยู่ในบ้านจึงเข้าไปพูดคุยด้วย
“เป็นไงบ้างลูกเมื่อคืนฉลองครบรอบหนึ่งปีกับน้องนิ่ม” ซิ่วหลิน คุณผู้หญิงของบ้านเมธาศิริทักลูกชาย
ซิ่วหลินหรือชื่อไทยว่าอัญมณี เป็นหญิงเชื้อสายจีนที่บิดามารดาย้ายมาทำธุรกิจตั้งรกรากอยู่ในไทยตั้งแต่เธออายุได้ไม่ถึงสิบขวบ และได้แต่งงานกับคุณอินทรทายาทเจ้าของกลุ่มบริษัทเมธาศิริ
“ก็ดีครับคุณแม่ จบงานผมก็ไปส่งนิ่มที่บ้าน”
ผู้เป็นแม่ยิ้ม มองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจ ลูกชายของเธอตอนนี้ได้อย่างใจทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
“หมั้นกันมาก็ปีหนึ่งแล้วแม่ว่าก็เหมาะควรแก่เวลาที่เรากับน้องจะแต่งงานกันได้แล้วนะ ปีนี้ลูกก็สามสิบสี่แล้ว”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบประโยคนี้ของมารดา สีหน้านิ่งเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึกใด คนเป็นแม่จึงกล่าวต่อ
“ถ้าลูกไม่ปฏิเสธแม่จะคุยกับทางคุณหญิงนาถอนงค์เรื่องงานแต่งนะ”
“...ก็แล้วแต่คุณแม่ครับ”
ประโยคนี้เขาตอบออกไปราวกับกำลังพูดคุยเรื่องปกติทั่วไป ไม่ได้มีความกระตือรือร้น
“แล้วนี่พี่อวี้กับโฟล์กยังไม่ตื่นกันเหรอครับ”
“เห็นว่านะ เมื่อคืนแม่ก็ไม่ได้ออกมาดู แต่เห็นเมื่อเช้าแม่บ้านบอกว่ากลับมาถึงก็ตีสามแล้ว คงยังหลับอยู่น่ะลูก”
“ครับ”
อินทวิชญ์คุยกับมารดาอีกครู่หนึ่งก็ขอตัวไปนั่งที่เก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำซึ่งตั้งอยู่กลางบ้านและทำงานที่ค้างอยู่ต่อ จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อมาแต่ไกล
“น้าอวิ๋น น้าอวิ๋น โฟล์กตื่นแล้ว”
ร่างอวบที่ยังอยู่ในชุดนอนผมฟูเป็นรังนกวิ่งหน้าตั้งตรงเข้ามาหาน้าชาย เขาลุกจากเก้าอี้ก่อนจะย่อตัวลงอ้าแขนรับแรงกระแทกที่พุ่งเข้ามา
ฮึบ!
ร่างสูงอุ้มก้อนกลม ๆ ที่สอดมือคล้องคอเขาขึ้น ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มทั้งซ้ายขวาที่ฟูนุ่มเหมือนซาลาเปาก่อนจะซุกจมูกลงที่ซอกไหล่เล็กอย่างมันเขี้ยวจนหลานชายหัวเราะเสียงดัง
“จั๊กจี้” เด็กชายตัวอวบเอ่ยขึ้นเมื่อเขาหยุดแกล้ง
“คิดถึงกันมั้ย”
“คิดถึงน้าอวิ๋นที่สุดในโลกเลย”
“ที่สุดในโลกเลยเหรอ แต่น้าคิดถึงโฟล์กที่สุดในจักรวาลเลย”
เด็กน้อยทำหน้าฉงน “จักรวาลคือไรเหรอครับ”
“จักรวาลก็คือหลาย ๆ โลกรวมกันไง น้าอวิ๋นคิดถึงโฟล์กมากกว่า”
“งั้นโฟล์กก็คิดถึงน้าอวิ๋นที่สุดในหลาย ๆ จักรวาล” คนเป็นน้าหัวเราะชอบใจกับความฉลาดปราดเปรียวของหลานชาย จึงให้รางวัลเป็นการฟัดพุงอีกหนึ่งยก เสียงหัวเราะของเด็กชายดังไม่หยุด
อินทิรายืนมองน้องชายที่อุ้มลูกตัวเองเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นใหญ่ของบ้านก็ทั้งเอ็นดูทั้งขัดใจเล็กน้อย พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ร้องเรียกหาแต่น้าอวิ๋น หน้าตายังไม่ได้ล้าง ฟันก็ยังไม่ได้แปรง น้ำท่าไม่ต้องพูดถึง
“ดีใจล่ะสิ ต่อไปนี้จะกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว อยู่กับน้าอวิ๋นได้ทุกวันสมใจแล้วนะครับลูก”
ก่อนหน้านี้สองแม่ลูกอาศัยอยู่ที่ปักกิ่งเพราะอินทิราไปดูแลสาขาของบริษัทอยู่ที่นั่นถึงหกปี ก่อนจะตัดสินใจพาลูกกลับมาอยู่บ้านที่เมืองไทย อินทิราให้กำเนิดลูกชายที่ปักกิ่งหลังจากเลิกรากับแฟนหนุ่มนักธุรกิจที่คบหากันอยู่หลายปี เรื่องนี้อินทวิชญ์มารู้ก็ตอนที่พี่สาวคลอดลูกได้หนึ่งขวบแล้ว เนื่องจากตอนนั้นเขาเดินทางไปรักษาตัวที่อเมริกาถึงสองปีเต็มโดยไม่ได้กลับมาที่ประเทศไทยเลย เมื่อชายหนุ่มเดินทางไปเยี่ยมพี่สาวครั้งแรกและได้เจอหน้าหลานชายก็เห็นว่าใบหน้าของหลานคนนี้มีความคล้ายกับเขาในตอนเด็ก ๆ อย่างไม่ผิดเพี้ยน อีกทั้งแฟนของพี่สาวที่เลิกรากันไปก็ไม่รับผิดชอบลูกในท้อง เขาจึงทำหน้าที่ไม่ต่างจากพ่อให้หลานชายคนเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ เด็กชายอินทวรัชญ์จึงติดเขามาก และเขาก็รู้สึกผูกพันกับเด็กชายมากเช่นกัน ตอนนี้พี่สาวตัดสินใจพาลูกย้ายกลับมาอยู่ไทยแบบถาวร ต่อจากนี้คงได้เล่นด้วยกันทุกวัน