ในขณะเดียวกันผู้หญิงคนหนึ่งก็กำลังนั่งเบิกตาดูการแข่งขันรถฟอร์มูราวันอยู่ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งที่เธออาศัยอยู่คนเดียว ระหว่างรอรับสายจากคนซึ่งอยู่ห่างกันคนละซีกโลกที่บอกไว้ว่าจะโทร. มา... พี่สาวกับหลานชายสุดที่รักของเธอ
อัยวา วาริชวิศิษฐ์ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นแฟนการแข่งขันรถตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ดูทุกรายการที่มีการแข่งขัน ทั้งแบบมอเตอร์ไซค์ และรถสปอร์ต รวมถึงติดตามข่าวการแข่งขันทุกช่องทางเผื่อมีรายการไหนที่จะได้เห็นใครคนหนึ่งลงแข่งด้วย แต่ผ่านมากว่าห้าปีแล้วทุกการแข่งขันเธอก็ไม่เคยเห็นเขาคนนั้นอีกเลย
หญิงสาวจ้องหน้าจอทีวีบนผนังแต่เหมือนแววตาจะไม่ได้โฟกัสที่ภาพการแข่งขัน แม้นักแข่งที่เธอเชียร์จะเข้าเส้นชัยไปแล้วแต่เจ้าตัวก็เหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเพราะจิตใจล่องลอยจมไปกับภาพอดีตที่ผุดขึ้นมาในตอนที่ใจไม่สามารถควบคุมได้ ริมฝีปากอิ่มสวยค่อย ๆ แย้มยิ้มออกมาเพราะความทรงจำนั้นสวยงาม
ก่อนเสียงวิดีโอคอลจากโทรศัพท์จะดังขึ้น กระชากสติเธอกลับมาอยู่กับปัจจุบัน อัยวารีบหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดรับด้วยสีหน้าดีใจ เพียงไม่นานหน้าจอก็ปรากฏภาพใบหน้าของลียาพี่สาวที่แต่งงานและไปอยู่ต่างประเทศ
“ฮัลโหลยู โทษทีนะโทร. หาช้า ยุ่งนิดหน่อย”
อัยวาส่ายหน้าบอกว่า ‘ไม่มีปัญหาเลย’ ก่อนจะถามถึงหลาน
“แล้วฟอร์ดล่ะ อยู่ไหน”
“ก็อยู่นี่แหละจ้า” บอกแล้วก็หันไปเรียกลูกชายที่วิ่งเล่นอยู่กับสุนัขพันธุ์เล็กในบ้าน “ฟอร์ดมาคุยกับคุณน้าจ๊ะเอ๋ยหน่อยลูก มาครับ”
ลียาฝึกให้ลูกชายพูดภาษาไทยตั้งแต่เริ่มหัดพูด และให้ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกับสามี เด็กชายจึงเข้าใจและพูดได้ทั้งสองภาษา
“สวัสดีครับน้าเอ๋ย”
น้ำเสียงแจ้วกังวานของเด็กชายผมดำวัยสี่ขวบ ดวงตากลมใสราวกับเม็ดลำไย พวงแก้มยุ้ย จมูกหน่อย ปากนิดสีชมพูฉีกยิ้มหวานจนเห็นฟันน้ำนมซี่เล็กเรียงกัน
“สวัสดีครับลูก ฟอร์ดกำลังทำอะไรอยู่ครับ”
“เล่นกับแพนดี้ครับ แพนดี้ แพนดี้ มาคุยกับน้าเอ๋ยหน่อย”
เสียงเล็กเรียกสุนัขพันธุ์พูเดิลทอยสีขาวขนฟูนุ่มวัยสามขวบที่นั่งคลอเคลียเจ้าของอยู่ไม่ห่าง ก่อนจะอุ้มขึ้นมานั่งบนโต๊ะให้น้าสาวที่อยู่อีกฟากโลกได้เห็นด้วย
“โอ้โห เหมือนแพนดี้จะตัวใหญ่ขึ้นนะ อ้วนรึเปล่า”
เสียงสุนัขเห่าขึ้นเหมือนไม่ค่อยชอบใจคำทักทายที่ดังมาจากหน้าจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า
“แพนดี้ไม่ชอบให้ทักว่าอ้วนครับ” เสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากเด็กชายอิงควัตพร้อมกับเสียงเห่าเล็ก ๆ ของเจ้าสุนัขสีขาว
อัยวาคุยกับพี่สาวประมาณเกือบชั่วโมงก็วางสาย โดยปกติจะวิดีโอคอลคุยกันสัปดาห์ละครั้งหรือไม่ก็แล้วแต่โอกาส หญิงสาวกลับเข้าห้องนอนด้วยความสบายใจ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเธอจึงนอนดึกได้
อินทวิชญ์ชิ่งจากแม่สาวสวยร้อนแรงกลับมาคอนโดมิเนียมที่เขาพักอาศัยโดยใช้บริการคนขับรถมาส่งไม่ได้ขับกลับมาเอง เมื่อเปิดมาประตูเข้ามาในห้องที่เงียบเหงาแม้แต่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานแบบอัตโนมัติก็ไม่ได้ยิน ร่างสูงเดินมาทรุดนั่งลงบนโซฟา แสงจากหลอดไฟวอร์มไวต์ดวงเดียวที่เปิดอยู่ไม่ได้สร้างความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายตามวัตถุประสงค์ของมัน แต่กลับทำให้บรรยากาศในห้องอ้างว้างเงียบเหงา ความมึนเมาเริ่มออกฤทธิ์จนต้องก้มหน้ากุมขมับก่อนจะทิ้งศีรษะเอนตัวลงนอนราบกับโซฟาเบด แล้วภาพความทรงจำในอดีตก็ฉายชัดขึ้นมาเหมือนจะคอยทิ่มตำและตอกย้ำว่าต่อให้ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยังไม่ลืม
ห้าปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะมีชีวิตตกต่ำลงสักแค่ไหนนะ เขาอยากเห็นจริง ๆ และอยากให้เธอมาดูชีวิตที่รุ่งเรืองของเขาว่ามันช่างดีและมีความสุขขนาดไหน เขาดูแลผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของเขาราวกับเจ้าหญิง ทะนุถนอมปกป้องเธอราวกับตุ๊กตากระเบื้องที่เปราะบางไม่ให้สิ่งใดมากระทบ และจะทำทุกอย่างให้เธอมีความสุข
Rrrr...
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิดที่กำลังจมดิ่งลงไป ใครที่โทร. มาเวลานี้ช่างเป็นพระคุณกับเขาจริง ๆ เปลือกตาที่หนักอึ้งเปิดขึ้น สติที่ยังหลงเหลือช่วยให้เขากดรับสายที่เป็นวิดีโอคอลจากพี่สาว
ทันทีที่กดรับหน้าจอสี่เหลี่ยมของสมาร์ตโฟนเครื่องหรูก็แสดงให้เห็นใบหน้าของเด็กชายหน้าตาน่ารักเอ็นดูแววตาซุกซนคนหนึ่ง
“น้าอวิ๋น” เสียงเด็กน้อยดังมาจากลำโพงของเครื่องมือสื่อสาร อินทวิชญ์ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งพลางสะบัดศีรษะแรง ๆ ยกมือขึ้นเสยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าแล้วทักทายหลานชายสุดที่รัก
“ไง เจ้าตัวแสบ เอาโทรศัพท์แม่มาเล่นอีกแล้วสินะ”
“ฮิฮิ” เสียงหัวเราะซุกซน สีหน้าเจ้าเล่ห์จนน่าจับมาฟัด ก่อนจะเจื้อยแจ้วเอ่ย
“น้าอวิ๋นอยู่ไหน ไม่กลับมาหาโฟล์กที่บ้านเลย”
“บ้านไหน” เขาสับสนเล็กน้อย
“ก็บ้านเราไง โฟล์กกลับมาถึงแล้ว”
“หา!”
ก่อนโทรศัพท์มือถือจะถูกเปลี่ยนมือไปเมื่อมีมือหนึ่งมาหยิบออกจากมือเจ้าตัวเล็ก แล้วใบหน้าของพี่สาวก็เข้ามาแทนที่ใบหน้าเล็กแก้มยุ้ย ตากลมโตราวกับเม็ดลำไย
“พี่กับลูกเพิ่งถึงบ้าน บอกว่าให้นอนก่อน ตื่นแล้วค่อยโทร. ก็ไม่ฟังบอกว่าจะโทร. หาน้าอวิ๋นให้ได้”
อินทรายิ้มมองลูกชายอย่างอ่อนใจ อินทวิชญ์หัวเราะขำพี่สาว ก่อนที่หน้าจอจะถูกยื่นมาใส่มือเล็กไว้อีกครั้ง
“น้าอวิ๋นอยู่หนาย ไม่มาหาโฟล์กเหรอ โฟล์กรอเล่นกับน้าอวิ๋นอยู่นะ”
เด็กน้อยออดอ้อน จนคนเป็นน้ายิ้มไม่หุบกับความน่าเอ็นดู
“ตอนนี้อยู่คอนโดครับ”
“โฟล์กมีของมาฝากน้าอวิ๋นด้วยล่ะ” หลานชายยิ้มจนตาหยี ท่าทางภูมิใจราวกับได้ทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ
“โห น้าอวิ๋นอยากได้แล้ว อะไรน้า โฟล์กบอกน้าอวิ๋นหน่อย” น้าชายทำหน้าตื่นเต้น
“ม่ายบอก ถ้าน้าอวิ๋นไม่มาหาโฟล์ก ก็อดของฝาก” เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก
“ยังงั้นน้าอวิ๋นต้องรีบไปนอน พอตื่นมาก็จะได้รีบไปหาโฟล์กเลย จะตีสี่แล้ว โฟล์กก็ต้องไปนอนแล้วนะครับไม่อย่างนั้นตื่นมาจะไม่แรงเล่นกับน้าอวิ๋นน้า รับรองว่าพอโฟล์กตื่นมาปุ๊บก็ได้เจอน้าอวิ๋นปั๊บเลยครับ”
“จริงนะ”
“จริงสิ”
อินทวิชญ์ตอบเสียงหนักแน่นพร้อมยิ้มให้กับหลานชายที่มีใบหน้าเหมือนเขาราวกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน
“งั้นโฟล์กก็จะไปนอน ตื่นมาจะได้เจอน้าอวิ๋นบ๊ายบายครับ” พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์ให้มารดา อินทิรานั่งอมยิ้มอยู่ด้านข้าง ในที่สุดน้าชายก็ล่อหลอกหลานให้ไปนอนได้สำเร็จ
“เอาเจ้าแสบอยู่จนได้ พี่ล่ะนับถือเราเลย”
“เรื่องแบบนี้มันเป็นเทคนิคเฉพาะตัวครับพี่อวี้”
“ว่าง ๆ ก็ถ่ายทอดให้พี่บ้างเหอะ เจ้าโฟล์กน่ะแสบขึ้นทุกวัน ไม่รู้เหมือนใครสิน่า” พี่สาวส่ายหน้า แกล้งถอนหายใจ น้องชายจึงหัวเราะ
“ไปนอนเถอะครับ เดินทางมาเหนื่อย ๆ สาย ๆ เจอกันครับ”
“จ้า เราก็เหมือนกัน หน้าตามึน ๆ ไปดื่มเพิ่งกลับมาหรือไง ไปพักเถอะ”
“ครับ”
^
^
^
เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ฝากติดตามด้วยค่า