ระหว่างปาร์ตี้นิ่มอนงค์เห็นสายตาเพื่อนหญิงของเธอหลายคนที่มองเธอด้วยแววตาอิจฉาเพราะเธอคือผู้ที่ได้ครอบครองชายหนุ่มที่แสนจะเพอร์เฟกต์อย่างอินทวิญช์ แต่ก็อย่างว่าแข่งอะไรก็แข่งได้แต่แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้
งานฉลองครบรอบหนึ่งปีการหมั้นของอินทวิชญ์กับนิ่มอนงค์ดำเนินไปอย่างสนุกสนาน มีการเชิญนักร้องดังมาร่วมร้องเพลงสร้างความบันเทิง มีเกมโชว์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในแบบมินิเวอร์ชันมาให้คนที่มาร่วมงานได้เข้าร่วมแสดงฝีมือ สร้างสีสันและเสียงหัวเราะถูกใจเป็นอย่างมาก หลังจบงานซึ่งล่วงเลยเข้าวันใหม่ไปแล้วเล็กน้อย อินทวิญช์ก็ขับรถไปส่งหญิงสาวที่บ้าน
“ขอบคุณนะคะพี่อวิ๋น”
คุณหนูสาวมองเขาด้วยแววตาฉ่ำเยิ้มจากฤทธิ์น้ำเมาที่เธอดื่มลงไปไม่น้อย อ้อยอิ่งคล้ายยังไม่อยากลงจากรถ ทั้งที่มีแม่บ้านมายืนรอรับอยู่
“ครับ”
“พี่อวิ๋นขับรถไหวนะคะ ขากลับอาจจะเจอด่านก็ได้”
ในใจก็อยากให้เขาค้างที่บ้านหลังใหญ่ของเธอจนถึงเช้า
“ไหวครับ ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ได้ดื่มหนักขนาดนั้น”
ในดวงตาคู่นั้นไม่มีความมึนเมาเลยสักนิด
“น้องนิ่มขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ วันนี้เหนื่อยแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะครับ” เขาบอกเสียงอ่อนโยน หญิงสาวจึงพยักหน้า
“ค่ะ พี่อวิ๋นขับรถดี ๆ นะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
เมื่อหญิงสาวลงจากรถชายหนุ่มก็เคลื่อนรถออกจากบริเวณบ้านของเธอ ดวงตาหงส์มองตรงไปเบื้องหน้า มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยมือหนาหมุนพวงมาลัยรถตรงไปยังสถานที่รวมแหล่งบันเทิงย่านดังของเมืองกรุงที่ยิ่งดึกยิ่งครึกครื้น
เขาจอดรถไว้หน้าผับดังที่ค่าเปิดโต๊ะแพงหูฉี่ซึ่งเป็นการคัดกรองลูกค้าได้ระดับหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในมองหาโต๊ะประจำที่มีเพื่อนสนิทกำลังนั่งไขว่ห้างไถโทรศัพท์รออยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงเด่นเป็นจุดโฟกัสสายตาหลายคู่เดินแทรกตัวผ่านเหล่านักท่องราตรีที่ขยับโยกตัวเป็นจังหวะตามเสียงเพลงอีดีเอ็มมาถึงโต๊ะ
“มานานยังวะ”
เสียงถามดังกว่าระดับที่คุยกันปกติ หนุ่มลูกครึ่งหุ่นนายแบบจึงละสายตาจากหน้าจอมือถือมาตอบเพื่อน
“สักพัก” พลางกวาดสายตามองดูผู้คนรอบ ๆ ระหว่างนั้นก็มีพนักงานที่คอยดูแลเข้ามาชงเหล้าให้แขกที่เพิ่งมาถึง
“แล้วมึงเป็นไง ไปฉลอง 1st Anniversary กับคู่หมั้นทำไมไม่ชวนเขามาจอยที่นี่ด้วยวะ”
เคลลี่หรือครองพล เพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่ชั้นประถมถามกึ่งแซวในจังหวะที่อินทวิชย์เพิ่งยกแก้วขึ้นดื่ม ลำคอของเขาเพิ่งได้สัมผัสแอลกอฮอล์ร้อนแรงแบบที่ต้องการก็ตอนนี้ ก่อนจะหันมาตอบ
“เธอไม่เหมาะกับที่แบบนี้จะชวนมาทำไมวะ”
“ฮ่า ๆ”
ครองพลระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง ครู่ต่อมาศานติภพหรือซันก็ตามมาสมทบอีกหนึ่งคนและนักเที่ยวยามราตรีก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดีเจเปิดเพลงบิลต์ให้หนุ่มสาวโยกย้ายอวดลีลา สายตาของเพื่อนสนิทมองเห็นสาว ๆ สามคนครบคู่กับกลุ่มเขาพอดียืนโยกตัวเบา ๆ อยู่หน้าบาร์ ดูเหมือนพวกเธอจะยังไม่มีโต๊ะหรืออาจจะไม่อยากเปิดโต๊ะ จึงหันไปสบตากับอินทวิชย์และศานติภพ ทั้งคู่ยิ้มตอบอย่างรู้กัน ครองพลจึงลุกเดินไปเชิญสาวสวยทั้งสามมาจอยกันที่โต๊ะ เพราะเหล้าที่สั่งมาดื่มกันแค่สามคนมันคงไม่สนุก
ถ้าเป็นครองพลไปดีลไม่มีทางที่สาวจะปฏิเสธ สามสาวเข้ามาจอยด้วยที่โต๊ะยิ่งทำให้บรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวามากขึ้น ทั้งสามคู่ทำความรู้จักกันแม้จะผิวเผินแต่ในสถานที่แบบนี้แค่รู้ชื่อก็มากเพียงพอที่จะเต้นด้วยกันอย่างสนุกสนานรวมถึงคนที่เพิ่งฉลองครบรอบหนึ่งปีกับคู่หมั้นยังไม่ถือตัวให้สาวสวยที่สุดในกลุ่มเบียดตัวเข้ามากระแซะอย่างเต็มใจ
“คืนนี้กลับยังไงคะ”
แม่เสือสาวที่เห็นเหยื่อน่ากินกระซิบที่ข้างหูของชายหนุ่มที่โน้มต่ำลงมาจนผิวหน้าแนบชิดกัน
“กลับคอนโดครับ กลับกับผมไหมล่ะ”
เสือราตรีเขี้ยวคมหยอดกลับ สายตาแพรวพราวยิ่งกว่าแสงไฟที่สะท้อนเพชร ไม่ได้ลืมว่าตัวเองมีคู่หมั้นแต่เวลานี้เขาไม่สนใจสถานะนั้นต่างหาก
“ก็ได้นะคะ กลับพร้อมกัน”
สาวสวยขยิบตาส่งสัญญาณว่าพร้อมเต็มที่ จากนั้นก็หมุนตัวร่อนสะโพกโยกย้ายให้เข้ากับจังหวะเพลง จังหวะที่ดรายไอซ์ถูกพ่นออกมาใส่นักท่องเที่ยวจนเย็นฉ่ำเพื่อลดดีกรีความร้อนแรงตัวของอินทวิชญ์ก็ถูกผู้หญิงคนนั้นเข้ามาสวมกอด เขากางแขนออกมือหนึ่งถือแก้วเหล้า อีกมือปล่อยฟรีสไตล์ทว่าก็ไม่ได้ขัดขืนที่จะถูกแตะเนื้อต้องตัว ใบหน้ายิ้มแย้ม ชนแก้วกับทุกคนที่เดินเข้ามา จนกระทั่งเวลาตีสองครึ่งชายหนุ่มก็เดินออกไปข้างนอกเพื่อจะเข้าห้อง... แล้วก็ไม่ได้กลับเข้าไปในส่วนที่นั่งดื่มกับเพื่อนในตอนแรกนั้นอีก
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะค้า