“ถ้าน้องนิ่มคิดว่าดี พี่ก็ไม่ติดครับ”
ทุกครั้งที่นิ่มอนงค์ออกความเห็นเขาจะเออออคล้อยตามแฟนสาวอย่างไม่รีรอ ทำให้คนฟังรู้สึกว่าเขาทั้งรักและตามใจคู่หมั้นมาก สายตาคมตวัดไปมองหญิงสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปกำชับหลานชาย
“อยู่กับคนอื่นอย่าดื้ออย่าซนให้มากนะเรา”
“โฟล์กไม่ดื้อไม่ซนครับ” เด็กชายรีบตอบอย่างกระตือรือร้น ยิ้มจนตาเหลือเป็นขีดเดียว ดีใจที่จะได้ออกไปจากที่นั่งที่แสนจะอึดอัดตรงนี้ ยิ่งได้ไปกับคุณน้าคนสวยที่ท่าทางใจดีมากก็ยิ่งแทบจะกระโดดออกจากตรงนั้น
บอสหนุ่มหยิบเครดิตการ์ดใบหนึ่งออกจากกระเป๋ายื่นให้เลขาคู่ใจ “ใช้การ์ดนี่สำหรับค่าอาหารของคุณกับน้องโฟล์กนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะบอส”
“รับไปครับ” เจ้านายทำเสียงดุ อัยวาจึงยื่นมือไปรับเครดิตการ์ดมา
อินทวิชญ์ขมวดคิ้ว สนิทสนมไว้ใจกันขนาดให้บัตรเครดิตไปใช้แบบไม่ต้องหยุดคิดเลย? เขาขยับปากจะพูด แต่ปรเมศวร์ยกมือห้ามเสียก่อน
“มื้อนี้ผมขออนุญาตเป็นเจ้าภาพนะครับ คุณอวิ๋นคงไม่ว่ากัน แล้วก็คุณอัยวาจะช่วยดูแลน้องโฟล์กให้ จะให้เธอแอดวานซ์ไปก่อนแล้วค่อยมาเบิกคืนจะรบกวนเธอมากไป แบบนี้สะดวกกว่าครับ”
“แค่นี้เล็กน้อยมากสำหรับอาเมศวร์ค่ะพี่อวิ๋นจริงมั้ยคะอาเมศวร์” นิ่มอนงค์พูดเสริมขึ้นและหันไปยิ้มกับปรเมศวร์ ผู้เป็นอายิ้มตอบ
“งั้นก็ขอบคุณคุณเมศวร์มากครับ คราวหน้าคุณเมศวร์ให้เกียรติผมเป็นเจ้าภาพบ้างนะครับ”
“ยินดีครับคุณอวิ๋น” ปรเมศวร์ตอบรับอย่างสุภาพ
อินทวิชญ์ยกร่างหลานชายออกมายืนข้างนอก อัยวาสะกดกลั้นความรู้สึกท่วมท้นที่จะได้ใกล้ชิดกับเด็กชายอีกคนที่เธอไม่เคยได้พบหน้าอีกเป็นเวลาเกือบเท่าอายุของเด็กน้อย เธอยื่นมือออกมาให้เด็กชายอินทวรัชญ์
“เราออกไปทานของอร่อยแล้วค่อยไปเล่นกันนะครับ”
มือเล็กยื่นมาสัมผัสมือนุ่มของผู้เป็น... ครั้งแรก หญิงสาวบีบกระชับไว้หลวม ๆ เด็กชายยังมีท่าทางเขินอายอยู่ แก้มแดงจัดจนเห็นได้ชัด อัยวายิ้มอย่างเอ็นดูจนล้นหัวใจ เจ้ารถเต่าของอินทวิชญ์รู้สึกถึงความอบอุ่นคุ้นเคยจากมือนุ่ม ความเขินอายค่อย ๆ ลดลง
“ครับ” เด็กน้อยตอบพร้อมกับพยักหน้าอย่างเต็มใจ
หญิงสาวจูงมือเด็กชายเดินออกไปโดยมีสายตาสามคู่มองตามด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อัยวาซึมซับสัมผัสของมือนุ่มนิ่ม สายตาจ้องมองใบหน้ารวมถึงอวัยวะทุกส่วนที่เจริญเติบโตขึ้นมา แก้มยุ้ยเยอะกว่า แขนอวบกว่า ช่วงตัวดูหนากว่า ร่างอวบน่าฟัดกว่า ดูตัวใหญ่กว่า หญิงสาวเดินผ่านร้านบุฟเฟต์ซึ่งหน้าร้านมีสติกเกอร์รูปยีราฟสำหรับวัดส่วนสูงของเด็กติดอยู่ ซึ่งร้านอาหารประเภทนี้มักจะมีกฎกติกาเรื่องค่าอาหารและบริการสำหรับเด็ก หากลูกค้าพาเด็กที่มีส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดทางร้านก็จะไม่คิดค่าอาหารและบริการของเด็ก หรือหากมีส่วนสูงอยู่ในช่วงที่กำหนดก็จะเสียค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่
“เอ... น้องโฟล์กสูงเท่าไหร่แล้วน้า”
“โฟล์กสูงกว่าเสี่ยวติงแล้วก็เสี่ยวเป่าเท่านี้เลย” เสียงหนุ่มน้อยอวดอย่างภาคภูมิใจว่าตนเองสูงกว่าเพื่อนสนิทที่โรงเรียนพร้อมกับทำมือประกอบ
“โห งั้นเราลองไปวัดส่วนสูงกับพี่ยีราฟดูว่าน้องโฟล์กสูงเท่าไรดีมั้ยครับ” หญิงสาวชี้มือไปที่สติกเกอร์รูปยีราฟสำหรับวัดส่วนสูงของเด็กหน้าร้านบุฟเฟต์
“ดีครับ” เด็กน้อยตอบรับพลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเต็มที่
อัยวาจูงเด็กชายเดินไปวัดส่วนสูงกับเจ้ายีราฟ
“หนึ่งร้อยสิบเซนติเมตร โห...น้องโฟล์สูงมากเลยครับ”
“โฟล์กจะสูงเท่าน้าอวิ๋น” เสียงหนุ่มน้อยพูดอย่างหมายมั่นทำหน้าจริงจัง น้าชายคือไอดอลของเจ้ารถเต่า สีหน้าของอัยวาเปลี่ยนไปนิดหนึ่งก่อนจะกลับมายิ้มตามเดิม
“เราไปทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปตามหาบักกีบีเวอร์กันดีมั้ยครับ” หญิงสาวชี้มือไปที่สแตนด์โพรโมตกิจกรรมสนุก ๆ ของทางห้างซึ่งมีรูปตัวการ์ตูนบีเวอร์หน้าตาน่ารักเป็นอิเวนต์มาสคอตโชว์อยู่
“โฟล์กอยากเจอบักกี” เจ้าตัวอวบชูมือกระโดดขึ้นลงอยู่กับที่ยืนยันความสนใจ หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ยกมือลูบศีรษะทุยอย่างเอ็นดู จูงมือป้อมไปที่ร้าน Z ตามที่เห็นจากสแตนดีว่ามีชุดอาหารสำหรับเด็ก
หลังจากอิ่มเรียบร้อย ทั้งคู่ก็ตามหาเออาร์โคดและใช้โทรศัพท์ของอัยวาส่องไปที่สัญลักษณ์ที่กำหนดทำให้ปรากฏภาพเจ้าบักกีบีเวอร์ผนวกทับกับภาพจริงของสถานที่ตรงหน้าและสามารถหมุนดูเจ้าบักกีได้สามร้อยหกสิบองศา เสียงเด็กชายหัวเราะดังขึ้นอย่างถูกใจ เมื่อตามหาบักกีจนครบแล้ว อัยวาก็ชวนเด็กน้อยไปนั่งเก้าอี้สีสวยที่ทางห้างจัดไว้ให้ลูกค้าได้นั่งพัก แต่ธรรมชาติของเด็กนั้นชอบเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาการนั่งอยู่กับที่นิ่ง ๆ นั้นเป็นเรื่องยากยกเว้นมีของเล่น หรือมีกิจกรรมให้ทำ
อัยวาหยิบสมุดจดกับปากกาออกมาจากกระเป๋า เธอมีสิ่งเหล่านี้ติดกระเป๋าอยู่เสมอแม้จะใช้ไอแพดในการทำงานแทนเครื่องมือพื้นฐานดั้งเดิมเหล่านี้
“เดี๋ยวมาเล่นยิงป้อมอวกาศกันดีกว่า” หญิงสาวชวนเจ้ารถเต่า
“ป้อมอวกาศเหรอครับ”
“ใช่ครับ นี่ไง”
อัยวาวาดฐานทัพอวกาศเป็นโดมกลม ๆ ที่ปลายกระดาษสองด้าน
“ด้านนี้เป็นป้อมของโฟล์ก แล้วก็ด้านนี้เป็นของน้าเอ๋ย” นิ้วเรียวชี้ไปที่ภาพวาดสองด้านบนกระดาษ
“ตรงนี้เป็นปืนใหญ่”
แล้ว ‘บอร์ดเกม’ โบราณที่เคยเรียนรู้จากมารดาเมื่อครั้งที่ที่บ้านยังไม่มีเงินสำหรับซื้อของเล่นหรือโทรศัพท์มือถือให้ลูกก็ถูกนำมาเล่นกับเด็กน้อยยุคเอไอ อัยวาตั้งปากกาขึ้นให้ปลายปากกาอยู่ที่ปลายกระบอกปืนจากป้อมอวกาศฝั่งของตน ใช้นิ้วชี้กดที่ปลายด้านบนแล้วดีดออกไปให้ปากกาขีดออกไปเป็นเส้นตรงตามแรงดีดในทิศทางที่ตรงไปหาเป้าหมายแทนวิถีและเส้นทางของกระสุนปืน
เด็กชายลองทำตามสองสามครั้งก็สามารถทำได้ ทั้งคู่ผลัดกันยิง จนยานลำเล็กของเจ้ารถเต่าเสียท่าไปหลายลำ กัปตันอวกาศโฟล์กฮึดสู้ แต่ก็สู้ความเชี่ยวชาญของกัปตันเอ๋ยไม่ได้ ในที่สุดป้อมอวกาศของกัปตันน้อยก็พลาดท่าถูกยิง
“น้าเอ๋ยกระสุนหมดแล้ว โฟล์กยังมียานเล็กเหลืออยู่ตั้งหลายลำ ถึงตาโฟล์กยิงแล้ว”
เล่นกับเด็ก ต้องรู้จักล่อหลอกและยอมให้เด็กชนะถึงจะเล่นได้ตลอดรอดฝั่งไม่อย่างนั้นเด็กจะงอนและงอแงเอาได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะถูกใจดังขึ้นเมื่อเจ้ารถเต่ายิงถูกฐานของคุณน้าคนสวย
“ว้า น้าเอ๋ยแพ้เลย”
“ไม่แพ้ โฟล์กยิงถูกทีหลัง ชนะทั้งสองคน”
อัยวายิ้มจนตาหยีโค้ง เด็กชายช่างน่ารักฉลาดและรู้ความเหลือเกิน หัวใจของเธออิ่มเอมจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ภาพของเด็กชายที่กำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานกับหญิงสาวที่ยิ้มอย่างมีความสุขทำให้บรรยากาศรอบข้างอบอุ่นสว่างไสว ดึงสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาให้หันมามอง ต่างก็คิดว่าเป็นคู่แม่ลูกที่นั่งเล่นกันอยู่และอดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้ม
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไป และส่งคอมเม้น กดหัวใจให้มนสิด้วยนะค้า
***ebook กำลังเร่งอยู่ ภายในปีนี้แน่นวลค่า แง เขียนไปสะอื้นไปแล้วตอนนี้