กดขี่ทางใจ…4/1

1277 Words
สายตาของอินทวิชญ์จับจ้องไปที่เจ้านายหนุ่มหล่อที่เดินนำหน้าไปกับเลขาสาว ก่อนที่ปรเมศวร์จะเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทางสง่างาม ทว่าสายตาของอินทวิชญ์ไม่ได้จับจ้องที่เจ้าของงานเลย จุดโฟกัสของเขาคือผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่กำลังยืนยิ้มให้กับเจ้านายของเธอ จากเลขาส่วนตัว อีกไม่นานก็คงเลื่อนขึ้นไปตำแหน่งอื่นสินะ ไม่นานเสียงทุ้มกังวานของผู้ที่ได้รับมอบหมายให้กล่าวเปิดงานก็ดังขึ้น “สวัสดีครับ ผมปรเมศวร์ อัคราพิพัฒน์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดของห้างสรรพสินค้าทุกสาขาของอัครากรุ๊ป ในนามของอัครากรุ๊ปยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานครบรอบหกสิบปีของห้างสรรพสินค้าอัครา จากการสนับสนุนของทุกท่านทำให้ปัจจุบันอัคราได้เจริญเติบโตจนมีถึงยี่สิบเก้าสาขาแล้ว ในขณะเดียวกันเราก็มีโครงการต่าง ๆ เพื่อคืนกำไรสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง และเราจะยังคงก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้แก่ผู้บริโภคและนำพาผู้ที่ให้การสนับสนุนทุกท่านก้าวเดินไปพร้อมกับเรา อัครากรุ๊ปหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความไว้วางใจและได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านด้วยดีเหมือนเช่นที่ได้รับเสมอมา และเพื่อเป็นการขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานในวันนี้ เรามีการแสดงและรายการต่าง ๆ บนเวทีที่เตรียมมาเป็นพิเศษเพื่อทุกท่าน ขอให้ทุกท่านมีความสุขสนุกสนานกับค่ำคืนนี้ ขอบคุณครับ” มีเสียงปรบมือดังกระหึ่มภายในแกรนด์ฮอลล์ที่จัดเลี้ยง ทุกคนต่างชื่นชมในความสามารถของผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ที่ทุ่มเทให้กับการทำงานจนธุรกิจของอัครกรุ๊ปเติบโตอย่างก้าวกระโดด มูลค่าหุ้นของบริษัทสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ปรเมศวร์ต้องใช้ความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เขาทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังใจในการพิสูจน์ฝีมือของตัวเองให้เป็นรูปธรรมไม่ใช่แค่คำพูดขายฝันจับต้องไม่ได้เหมือนกับลูกเจ้าสัวคนอื่น ดังนั้นการที่เขาขึ้นมารับตำแหน่งสำคัญของธุรกิจของตระกูลได้ก็หมายถึงเขาสามารถนำพาธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้าไปได้ไกล ตำแหน่งนี้จึงเป็นของเขาอย่างไม่มีใครคัดค้าน จะมีก็แค่คนในตระกูลที่ถูกข้ามหน้าข้ามตาเท่านั้นที่ไม่พอใจ แต่นั่นก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ภายในงานมีการแสดงจากศิลปินชั้นนำระดับประเทศที่มาสร้างสีสันและความบันเทิงให้กับแขกที่มาร่วมงาน “คุณตามสบายได้เลยนะ” “ค่ะบอส” ผู้บริหารหนุ่มหล่อบอกกับเลขาสาวหลังจากที่ลงมาจากเวที ก่อนจะเดินมานั่งร่วมโต๊ะอาหารซึ่งจัดแบบสากลและเสิร์ฟอาหารแบบฟูลคอร์ส ผู้ที่นั่งร่วมโต๊ะนั้นประกอบด้วยบุคคลระดับชั้นนำในแวดวงธุรกิจโดยมีท่านเจ้าสัวธรรมรงค์นั่งอยู่ในตำแหน่งหัวโต๊ะ ไล่ลำดับลงมาเป็นทายาทแต่ละคนที่ได้รับตำแหน่งในบริษัทลดหลั่นกันรวมถึงแขกสำคัญคนอื่น อัยวารับคำสั่งจากเจ้านายแล้วจึงเดินไปที่โต๊ะซึ่งจัดไว้สำหรับผู้ติดตาม เธอเห็นจากหางตาว่าอินทวิชญ์นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับปรเมศวร์แต่ห่างจากที่นั่งประธานเพราะนั่งอยู่ข้างคู่หมั้นคนสวยซึ่งลำดับความสำคัญและอาวุโสน้อยกว่าคนอื่นในตระกูลหญิงสาวมีความรู้สึกเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ตลอดเวลาและเมื่อหันไปมองก็ประสานกับสายตาคู่นั้น เธอเก็บสายตากลับมาแทบจะทันที ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขามันจบสิ้นกันตั้งแต่วันนั้นแล้วและจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก และดูเขาเองก็มีชีวิตที่ดีงามรุ่งโรจน์อีกทั้งกำลังจะแต่งงาน ริมฝีปากสวยเผลอหลุดรอยยิ้มที่แสดงความยินดีออกมากับชีวิตที่เดินทางมาถึงจุดนี้ของอีกฝ่าย นั่นคือสิ่งที่คนอย่างเขาเหมาะสมและคู่ควรแล้ว เขากับผู้หญิงคนนั้นคู่ควรกันอย่างยิ่ง! แต่หากมีโอกาสที่จะขอสิ่งหนึ่งได้อีกครั้งในชีวิต เธอก็อยากจะขอ...ขอให้ได้เจอ... อัยวารู้ตัวว่าปล่อยความคิดให้ฟุ้งซ่านเกินไปจึงรีบดึงสติกลับมา ก่อนจะเดินออกไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำครู่หนึ่งค่อยกลับเข้ามาในงานอีกครั้ง เช่นเดียวกับอินทวิชญ์ที่ก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องหรู เมื่อดูหน้าจอก็เห็นว่าเป็นวิดีโอคอลจากพี่สาว ซึ่งคนที่กดมาคงไม่ใช่พี่สาวอย่างแน่นอน มุมปากหยักยกยิ้มเมื่อนึกถึง... หลานชายตัวแสบ “น้องนิ่ม พี่ขอออกไปรับโทรศัพท์เดี๋ยวนะครับ พี่สาวโทร. มา เผื่อแจ้งอาการคุณแม่” เขาโชว์หน้าจอมือถือให้คู่หมั้นสาวดูเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีสิ่งซ่อนเร้น “ค่ะ ฝากความเป็นห่วงถึงคุณน้าหลินด้วยนะคะ” “ครับ” ชายหนุ่มโค้งศีรษะให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างมีมารยาทก่อนจะลุกเดินออกจากโต๊ะ เขารีบเดินออกมาจากห้องจัดเลี้ยงที่เสียงอึกทึกตรงไปยังมุมที่สงบปลอดคนแล้วกดรับสาย พริบตาเดียวใบหน้าอ้วนกลมก็มาจ่ออยู่หน้าจอ “น้าอวิ๋น จะกลับบ้านมาหาโฟล์กเปล่าครับ” เจ้าเด็กอวบร้องหา หลานชายติดเขามากตั้งแต่จำความได้ ด้วยว่าไม่มีบิดาคอยเล่นด้วยในแบบของเด็กผู้ชาย ยิ่งกลับมาอยู่ไทยถาวรเจอหน้ากันบ่อยก็ยิ่งไม่อยากห่าง ก่อนเขาจะมางานก็เล่นอยู่กับหลานชายที่บ้านพักใหญ่ค่อยขับรถมารับคู่หมั้นมาที่โรงแรม “ยังไม่นอนอีกเหรอเรา” “ยัง รอน้าอวิ๋น” “ไปนอนกับแม่ก่อนนะครับ น้าทำงานอยู่ พรุ่งนี้โฟล์กตื่นมาเราไปเล่นน้ำกัน” เขาหมายถึงเล่นน้ำในสระที่บ้าน “ไปทะเล” คนเป็นน้าหัวเราะกับความเจ้าเล่ห์ของหลานชาย “เล่นในสระที่บ้านเราก่อนครับ เดี๋ยวน้าอวิ๋นมีวันหยุดค่อยไปทะเลกัน” “เย่” เสียงใส ๆ ของเด็กที่กังวานออกมาจากสมาร์ตโฟนทำให้คนที่เดินผ่านพลันชุดชะงักพร้อมกับชายหนุ่มที่ตวัดสายตามองมาเห็นพอดี “ตอนนี้นอนได้แล้วครับคนเก่ง พรุ่งนี้เจอกัน” “ครับ โฟล์กจะนอนแล้วนะ จะหลับแล้วนะ หว่านอันครับน้าอวิ๋น” เด็กน้อยบอกราตรีสวัสดิ์เป็นภาษาจีน ขนาดบอกว่าจะหลับแล้วเจ้าแสบน้อยของเขายังตาใสแจ๋วไม่ปรือสักนิด แต่ก็นั่นแหละเมื่อไหร่ที่เจ้าตัวบอกว่าง่วงจะหลับแล้ว ก็สามารถปิดสวิตช์ไปเดี๋ยวนั้นได้ อินทวิชญ์หลุบสายตามองคนที่ยกมือโบกหยอย ๆ และทำแบบเดียวกันกลับไป “หว่านอันครับ รีบนอนเลย พรุ่งนี้น้าจะสอนว่ายน้ำท่ากบให้โฟล์ก” ‘น้า?’ เขาแทนตัวเองว่าน้ากับ... หัวใจของอัยวาเต้นระส่ำ น้ำตารื้นขึ้นมาเกินกว่าจะควบคุมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงในโทรศัพท์พยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึกตัวเองไม่ให้แสดงอะไรออกมา รวบรวมเรี่ยวแรงที่ขาเพื่อจะก้าวข้ามผ่านสิ่งที่กำลังพบเจอไปให้ได้อีกครั้ง แต่ทว่า “อยู่คุยกันก่อนซี” ^ ^ ^ ***โปรดติดตามตอนต่อไปนะค้า ฝากเอ็นดูเด็ก ๆ ด้วยน้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD