“แม่จะไปไหนครับ ใครขับให้”
“ก็ขับเองน่ะสิ ภารกิจสำคัญก็ต้องไปทำด้วยตัวเอง”
“ผมบอกแล้วไงว่าให้ลุงพลขับให้”
“ไม่... ทีหมี่ยังไม่ฟังแม่ แม่ก็ไม่ฟังหมี่เหมือนกัน แม่ไปเองได้ แล้วแม่จะหาลูกสะใภ้ให้เจอด้วย หมี่คอยเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวเถอะ”
วงศวัฒน์ยิ้มส่ายหน้าถอนหายใจเล็กน้อยอย่างระอาใจ “ยินดีเลยครับเจ๊หงส์ แต่อย่าลืมที่ผมขอนะครับ”
“ไม่ลืมแน่นอน หมี่นั่นแหละจะปฏิเสธไม่ได้ คอยดูเถอะ”
เจ๊หงส์บึนปากค้อนลูกชายวงใหญ่ก่อนจะสะบัดหน้าแล้วจากมา โดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของลูกๆ อีก 2 คน เพราะหล่อนต้องรีบไปทำให้ลูกชายคนโตเห็นว่าหล่อนขัดใจเขา ร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลตามวัยเดินไปที่รถ แต่ก่อนจะขับออกไปก็ยังไม่วายจะหันมายิ้มอย่างเป็นต่อ
วงศวัฒน์มองแม่ที่ขับรถออกไปโดยมีส้มเช้งนั่งไปด้วย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ส่ายหน้าไปมา
“เฮียหมี่ งานนี้แม่เอาจริงนะ”
“ใช่ค่ะ แม่ไม่มีทางยอมเฮียแน่”
“แล้วถ้าแม่หาลูกสะใภ้ดวงเนื้อคู่ให้เฮียได้จริงๆ ล่ะ เฮียจะยอมแต่งไหม”
วงศวัฒน์มองน้องชายและน้องสาวที่สลับกันส่งคำถาม แม้ในใจจะร้อนรนเพราะกลัวว่าแม่จะหาลูกสะใภ้ได้จริง แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่าเรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด คนจริงๆ มีดวงเนื้อคู่ที่ไหนกัน
“ดวงเนื้อคู่มีแต่ในหนังในละครเท่านั้นแหละ”
เขาตอบน้องๆ แบบนั้น แต่ในหัวกลับวุ่นวายร้อยแปดอย่าง และขนทั่วกายที่ลุกพึ่บอย่างพร้อมเพรียงก็ทำให้เขาหน้าเหวอ จนน้องๆ มองมาอย่างสงสัย เขาจึงตัดบทให้กินข้าวต่อจะได้รีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ส้มเช้งพาเจ๊หงส์มาที่ศาลเจ้าในหมู่บ้านที่ส้มเช้งเคยอยู่ตั้งแต่เด็กจนถึงรุ่นสาว ก่อนที่จะย้ายไปทำงานที่โรงหมี่ นานทีปีหนหรือช่วงที่มีงิ้วเท่านั้น ส้มเช้งถึงจะกลับมาเยือนอีกครั้ง
ศาลเจ้าที่เห็นแม้จะมีขนาดเล็กกว่าที่เจ๊หงส์เคยไปกราบไหว้อยู่มาก แต่บรรยากาศน่าเกรงขามเพราะถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไทรใหญ่ กระแสลมเย็นๆ โชยพัดมา กลิ่นควันธูปและเสียงสวดมนต์เป็นภาษาจีนที่ดังคลอจากเครื่องเสียงก็ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบด้านดูขลังจนเจ๊หงส์ขนลุกทั้งตัว
“ซินแสไม่รู้ไปไหนค่ะเจ๊”
ส้มเช้งเดินกลับมาบอกหลังจากเดินหาคนดูแลศาลเจ้าหรืออีกนัยหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกกันว่าซินแสไม่พบ นั้นทำให้ยามสายที่ศาลเจ้าแห่งนี้เลยมีแค่เจ๊หงส์กับหล่อน
“อาเช้ง แน่ใจนะว่าจะให้เจ๊บนที่นี่”
“แน่ใจสิคะเจ๊ ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์นะ ใครๆ มาขอก็ได้ค่ะ”
“แต่... อาเช้งลืมไปหรือเปล่าว่าที่นี่น่ะขอลูกนะ ไม่ได้ขอสะใภ้”
“อ้าวเจ๊คะ ขอลูกให้เฮียหมี่ก็เหมือนขอสะใภ้ด้วยนั่นแหละค่ะ เจ๊ขอทั้งหลานทั้งสะใภ้เลยนะคะ”
“เอางั้นเหรอ”
“อย่างนั้นล่ะค่ะ เชื่อเช้งสิ”
“เอาๆ เชื่อก็เชื่อ อาเช้งไปจัดผลไม้ไป เดี๋ยวเจ๊จะจัดดอกไม้เอง”
ส้มเช้งเลี่ยงไปด้านข้างที่มีจานชามคว่ำไว้สำหรับให้ผู้มากราบไหว้ได้จัดเตรียมของไหว้ให้เรียบร้อย เจ๊หงส์เองก็ยืนจัดดอกไม้ใส่แจกันอยู่อีกฟาก แต่เสียงรถยนต์ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ก็ทำให้เจ๊หงส์ต้องละมือแล้วหันมองส้มเช้ง
“อาเช้ง มีทางให้รถเข้านี่นา แล้วทำไมให้เจ๊ไปจอดที่ตลาด”
“ทางนี้มันเละค่ะเจ๊ มันเป็นดินท้องนา รถเก๋งเข้ายาก ต้องบิ๊กอัพหรือไม่ก็โฟวิลน่ะค่ะ เจ๊จอดรถไว้ที่ตลาดอะถูกแล้ว”
“อ๋อ... “
เจ๊หงส์พยักหน้ารับ สายตามองไปยังทิศทางของเสียงเครื่องยนต์ที่เคลื่อนเข้ามาและราวจะจอดอยู่ด้านหลังศาลเจ้า เสียงคนคุยกันหงุงหงิงดังมาแทนเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบไปและกำลังเดินตรงมาทางนี้ เจ๊หงส์มองตรงไปไม่แน่ใจว่าคนที่มานั้นจะเป็นซินแสที่ดูแลศาลเจ้าหรือจะเป็นคนที่อาจมาขอพรหรือบนบานอย่างหล่อนก็ได้ และหนุ่มสาวที่เดินควงกันเข้ามาก็รู้ว่าไม่ใช่
หนุ่มสาวหน้าตาดีทั้งคู่ที่เดินเข้ามา ส่งยิ้มน้อยๆ ค้อมศีรษะเชิงอ่อนน้อมทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ทำให้เจ๊หงส์ยิ้มตอบ “มาหาซินแสเหรอจ๊ะหนู” พลางเอ่ยทัก
“ค่ะ”
หญิงสาวหน้าตาสะสวยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมยิ่งทำให้เจ๊หงส์ชอบใจ นึกเอ็นดูหน้าตาจิ้มลิ้มนี้เหลือเกิน น่าเสียดายที่มีคู่รักแล้ว ไม่อย่างนั้นหล่อนคงได้ทาบทามว่าเป็นลูกสาวบ้านไหน เผื่อจะฟลุค
“ซินแสไม่อยู่หรอกจ้ะ นี่ป้าก็มาคอยอยู่เหมือนกัน”
“ค่ะคุณป้า หนูโทร.หากงแล้วค่ะ กงเข้าไปที่บ้าน กำลังจะออกมา คุณป้ารอสักครู่นะคะ”
เจ๊หงส์ยิ้มกว้างเพราะคำเรียก ‘กง’ นั่นคงรู้จักกันดี
“เหรอจ๊ะ ดีเลย งั้นป้าจะได้อยู่รอ ขอบคุณนะจ๊ะ”
หญิงสาวและชายหนุ่มค้อมศีรษะให้หล่อนอีกครั้งก่อนจะช่วยกันจัดเตรียมของที่นำมาไหว้ซึ่งจัดใส่ถาดซีลด้วยพลาสติกมาเรียบร้อย และของไหว้ที่ทั้งสองคนนำมาก็คือ ‘ทับทิม’ ผลโต 10 ลูก
“ทิม... ถามจริง บ้านเรามีเชื้อจีนหรือเปล่า”
“เหอะ ไม่มีเลย”
“อ้าว! แล้วไหงเราต้องไหว้เจ้าล่ะ และนี่อีก ที่แม่ให้ทิมมาคุยเรื่องเปียของอะ ทำไมต้องส่งของมาเปีย แล้วทำไมเราต้องมาเปียของทุกปีด้วย ชาวบ้านคนอื่นอีก ทำไมต้องมาเปียแข่งกัน ทำไมไม่ซื้อเอา เปียไปแล้วพอถึงปีหน้าก็ต้องมาคอยใช้หนี้ ส่งเสริมให้คนเป็นหนี้โดยใช่เหตุหรือเปล่า ของบางอย่างก็เอาไปใช้ไม่ได้ด้วย”
“ชู่ว!! เงียบๆ ก่อนริน เดี๋ยวค่อยไปคุยที่บ้าน”