ตอนที่ 5 โจวเหวินหลง!/1

1363 Words
เสียงบุรุษดังแทรกขึ้นจากทางด้านหลังจนทำให้การปะทะคารมระหว่างทหารหลวงและเหอยุ่นเหมียวหยุดลงไปโดยพลัน พร้อมร่างของทหารหลวงทั้งสองหันกายกลับไปมองตามเสียงทางด้านหลังอย่างรวดเร็วก่อนจะพากันเข่าอ่อนไปตามๆ กันเมื่อสายตาของทั้งสองพบอุปราชโจวเหวินหลงแห่งแคว้นเทียนจินอย่างไม่คาดฝัน “อะ..องค์..องค์อุปราช!”ทหารหลวงทั้งสองพูดเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด พร้อมรีบถวายคำนับอย่างรวดเร็ว “องค์อุปราชเสด็จกลับมาตั้งแต่เมื่อไรพ่ะย่ะค่ะ ไม่เห็นทางฝ่ายกรมวังประกาศบอกให้ล่วงรู้แต่อย่างใด” ข้างฝ่ายอุปราชแห่งเทียนจินยังคงยืนทอดพระเนตรทหารหลวงทั้งสองเขม็ง พลางเหลือบสายพระเนตรไปทางเหอยุ่นเหมียวด้วยเพราะพระองค์ได้ยินการสนทนาและปะทะคารมมาได้สักพักแล้ว จึงทำให้พอที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวได้โดยไม่ต้องมีผู้ใดรายงานให้ล่วงรู้ “ข้าจะกลับมาเมื่อไรนั้นมันก็เรื่องของข้า! พวกเจ้าจะอยากล่วงรู้ไปทำไม แล้วนี่เหตุใดจึงไม่ตามหมอหลวงมารักษาอาการของพระชายา นางคือองค์หญิงจากแคว้นจ้าวและกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสเป็นพระชายาเอกขององค์รัชทายาท คนของนางก็บอกอยู่ไม่ใช่รึว่าอาการไม่ค่อยสู้ดีเสียเท่าใดนัก”ชินอ๋องหนุ่มรับสั่งถาม “อะ..เออ..คะ...คือ..คือว่า”ทหารหลวงทั้งสองนายต่างพากันติดอ่างไปตามๆ กัน ด้วยเพราะได้รับคำสั่งจากองค์ชายรัชทายาทไม่ให้ผู้ใดติดตามหมอหลวงมารักษาพระอาการ อีกทั้งยังได้รับสินบนมาจากพระชายารองสกัดกั้นทุกคนภายในตำหนักเย่วเชียงไม่ให้เข้าและออกมาจากตำหนักดังกล่าวเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้องค์หญิงจ้าวลี่ย่าได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที “พูด!...อ้ำอึ้งอยู่ทำไม!”อุปราชรูปงามตวาดดังก้อง และนั้นทำให้ทหารหลวงทั้งสองจำต้องเปิดปากออกไปอย่างรวดเร็ว “เป็นรับสั่งขององค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ ว่าไม่ให้ผู้ใดเข้าและออกจากตำหนักเย่วเชียงเป็นอันขาดจนกว่าจะสอบสวนแน่ชัดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระชายาแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่”ทหารหลวงกล่าวอ้างคำสั่งขององค์ชายรัชทายาทรายงานกลับไป คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากันทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น พร้อมเสียงของเหอยุ่นเหมียวดังแทรกขึ้นมาทันทีร่างอวบอิ่มตรงเข้าไปหาอุปราชแห่งเทียนจินอย่างไม่ชักช้า พลางทรุดกายลงนั่งคุกเข่าตรงพระพักตร์ อ้อนวอนขอร้องเพื่อองค์หญิงของนาง “ขอท่านอุปราชได้โปรดช่วยองค์หญิงของหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ ตอนนี้ทรงมีพระอาการไม่ดีเอาเสียเลยองค์หญิงต้องการหมออย่างเร่งด่วนได้โปรดนำหมอหลวงมารักษาองค์หญิงของหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”เหอยุ่นเหมียวพูดพร้อมก้มศีรษะคำนับบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้าติดต่อกันเพื่ออ้อนวอน “เจ้าพอได้แล้ว! ไม่ต้องมาก้มคำนับข้าเช่นนี้ ข้ายังไม่ได้ทำอะไรให้”โจวเหวินหลงพูดตัดบทพร้อมทอดพระเนตรตรงไปที่ร่างของทหารหลวง “หมอหลวงในราชสำนักมีตั้งมากมายไม่รู้เท่าไร เพียงแค่ให้มาถวายการรักษาที่ตำหนักเย่วเชียงมันหนักหนานักเหรอ พวกเจ้าแยกแยะความสำคัญไม่ออกหรือไงว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ!”โจวเหวินหลงถามกลับไป “อะ..คะ..คือ..คือ”ทหารหลวงต่างพากันยืนอ้ำอึ้งใบ้กินไปตามๆ กัน “หลี่ซ่าน!”รับสั่งชื่อขององค์รักษ์คนสนิทขึ้นมาทันใด “พ่ะย่ะค่ะ!”องค์รักษ์เจ้าของนามขานรับอย่างรวดเร็ว “ไปตามหลัวอี้เซิงมาที่ตำหนักเย่วเชียง บอกว่าเป็นคำสั่งของข้าให้รีบมารักษาอาการของพระชายาอย่างเร่งด่วน!” “พ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์คนสนิทขานรับคำสั่งทันทีพร้อมรีบเดินตรงดิ่งออกจากเขตพระราชฐานชั้นใน เพื่อติดตามหลัวอี้เซิง ซึ่งเป็นหมอประจำพระองค์เข้าวังหลวงตามพระบัญชา “ส่วนเจ้า!”เสียงดังกล่าวเอ่ยขึ้นกับพระพี่เลี้ยงจากแคว้นจ้าว “เพคะ”เหอยุ่นเหมียวขานรับทันใด “เจ้ากลับเข้าไปดูแลองค์หญิงและคอยอยู่ข้างกายนาง รอหลัวอี้เซิงซึ่งเป็นหมอประจำตัวของข้ามาตรวจอาการเพื่อทำการรักษาต่อไปอีกไม่นานก็มาถึง” รับสั่งขององค์อุปราชดังกล่าวทำให้พระพี่เลี้ยงวัยสามสิบแปดปีดีใจอย่างที่สุดเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หม่อมฉันขอขอบพระทัยองค์อุปราชมากเพคะที่ช่วยเหลือองค์หญิงของหม่อมฉัน”กล่าวพร้อมก้มศีรษะคำนับอย่างซาบซึ้งใจเป็นยิ่งนักพร้อมรีบลุกขึ้นยืนจากพื้นหินรีบเดินกลับเข้าไปภายในตำหนักเย่วเชียงตามเดิม ท่ามกลางสายตาของทหารหลวงทั้งสองนายกำลังเฝ้ามองตามหลังร่างของเหอยุ่นเหมียวอยู่ตลอดเวลา พร้อมเสียงของอุปราชรูปงามมีรับสั่งขึ้นมาอีกครั้ง “มองตามแบบนั้นคิดเอาไว้หรือยังว่าจะกลับไปรายงานให้กับคนที่สั่งเจ้าเอาไว้อย่างไง ถ้ายังคิดไม่ออกเช่นนั้นข้าก็จะบอกว่าหากรัชทายาทต้องการคำตอบ ว่าเพราะอะไรข้าจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือองค์หญิงแคว้นจ้าวก็ให้มาพบข้าที่พระตำหนัก ข้ากำลังรอต้อนรับอยู่เสมอ” รับสั่งพร้อมส่งเสียงหัวเราะเย็นยะเยียบอยู่ในลำคอก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดหันกายเดินกลับไปที่ตำหนักส่วนพระองค์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับตำหนักเย่วเชียง รับสั่งของอุปราชรูปงามทำให้ทหารหลวงทั้งสองนายต่างหันกลับมามองหน้ากันเลิกลั่กทันที “แย่แล้ว! ต้องรีบไปถวายรายงานให้องค์รัชทายาททรงทราบว่าท่านอุปราชเสด็จกลับมาแล้ว และยังตามหมอส่วนพระองค์ให้มารักษาพระอาการของพระชายาอีกด้วย”เสียงของหนึ่งในทหารหลวงกล่าวอย่างเป็นกังวล “เจ้าหรือข้าจะยังไม่ไปถวายรายงาน หากทิ้งเวรยามไปตอนนี้ไม่ได้เชียวนะ มีโทษร้ายแรงต้องถูกขังลืมไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันนานเท่าใดก็ไม่รู้ยิ่งองค์อุปราชเสด็จกลับมาเช่นนี้วินัยทางทหารเด็ดขาดยิ่งนัก ดีร้ายหัวของเราทั้งคู่ไม่ได้อยู่กับตัวจะทำอย่างไง ทางที่ดีออกเวรแล้วเจ้าและข้าค่อยไปถวายรายงานก็ยังไม่สาย” “เอาอย่างนั้นเหรอ”เพื่อนร่วมชะตากรรมถามสวนกลับไป “ก็เอาแบบนี้แหละ รักษาชีวิตรอดเป็นดีที่สุดเกิดท่านอุปราชล่วงรู้ว่าเราสองคนรับสินบนมาจากพระชายารองคอยดูแลไม่ให้ผู้ใดภายในตำหนักเย่วเชียงเข้าหรือออกมาได้และกีดกั้นเพื่อไม่ให้พระชายาได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หากรั่วไหลออกไปชีวิตของพวกเราคงไม่รอดด้วยกันทั้งคู่ ให้ทรงล่วงรู้ว่าเป็นรับสั่งขององค์รัชทายาทกำชับพวกเรามาเช่นนี้ก็พอแล้ว” ทว่าคำพูดดังกล่าวทำให้อีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป “แล้วพวกเราจะปล่อยให้ท่านอุปราชนำหมอส่วนพระองค์ไปตรวจอาการของพระชายาอย่างนั้นเหรอ จะไม่เป็นการขัดขืนคำสั่งขององค์รัชทายาทและขัดพระทัยพระชายารองหรือนี่”คำถามจากเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันพรั่งพรูออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด “ปัดโธ่! เจ้าจะสงสัยและมีคำถามอะไรหนักหนา คำสั่งก็ไม่ได้บอกว่าห้ามไม่ให้คนจากตำหนักอื่นเข้าไปเสียที่ไหนกันเล่า แล้วเจ้าคิดว่ามีผู้ใดสามารถต้านทานองค์อุปราชได้อย่างนั้นเหรอ รู้ทั้งรู้อยู่ว่าผู้ใดมีอำนาจมากกว่ากันระหว่างองค์รัชทายาทกับองค์อุปราชขนาดฝ่าบาทเองยังต้องเกรงพระทัย” คำตอบของสหายรักทำให้อีกฝ่ายพอจะมองเห็นแล้วว่าควรวางตัวอย่างไรต่อไป ทั้งสองได้แต่เฝ้าสังเกตการณ์และรวบรวมเหตุการณ์ทุกอย่างเพื่อนำกลับไปถวายรายงานให้แก่องค์รัชทายาทและพระชายารองหลิวซือเย่ให้ล่วงรู้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD