ในขณะเดียวกันรับสั่งของฮองไทเฮาเมื่อครู่ที่ผ่านมาอุปราชแห่งเทียนจินล้วนได้ยินจนหมดสิ้น ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินพระมารดามีรับสั่งถึงพระองค์เหมือนเป็นคนนอกเช่นนั้น
ซ้ำร้ายยังมีแผนการคิดกำจัดองค์หญิงจากแคว้นจ้าวเพื่อให้หลิวซือเย่หลานสาวคนโปรดขึ้นเป็นพระชายาเอกแทน พระวรกายสูงใหญ่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไปชั่วขณะ
“เหตุใดเสด็จแม่จึงมีแผนการร้ายเช่นนั้น ทรงวางแผนหมายปลิดชีพองค์หญิงแคว้นจ้าวเพื่อให้หลานสาวได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นพระชายาเอกเข้ามาแทนที่ มิหนำซ้ำยังรับสั่งถึงข้าราวกับว่าไม่ใช่พระโอรสแต่กลับเป็นคนนอกเสียมากกว่า”รับสั่งอยูในพระทัยก่อนจะรีบเบี่ยงพระวรกายไปยืนหลบอยู่หลังเสาเมื่อเห็นเงาของหลิวซือเย่ปรากฏอยู่ตรงหน้าประตู
ร่างเล็กๆ ของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายารองขององค์ชายรัชทายาทก้าวพ้นออกจากพระตำหนักพร้อมเสียงบ่นที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด
“บ่นได้บ่นดีเสียเหลือเกิน! ถ้าข้าไม่เห็นว่ามีประโยชน์สามารถเป็นบันไดทำให้ได้ตำแหน่งฮองเฮาแล้วละก็ อย่าหวังเลยว่าจะมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ หมดประโยชน์วันใดจะจับกรอกยาพิษให้ตายไปให้พ้นหูพ้นตาข้าทันที! น่าเบื่อ!!!”
หลิวซือเย่บ่นพึมพำพลางก้าวพ้นออกจากห้องดังกล่าวเดินตรงไปที่ประตูทางเข้าด้านนอกโดยไม่รู้ตัวเลยว่าหลังเสาขนาดมหึมานั้นจะมีคนได้ยินสิ่งที่นางพูดทุกอย่างเมื่อครู่ที่ผ่านมาและที่สำคัญคนที่ได้ยินนั้นก็คืออุปราชแห่งเทียนจินเสียด้วย
“สตรีนางนี้มีความคิดกับเสด็จแม่แบบนี้หรือนี่!”อุปราชหนุ่มครุ่นคิดอยู่ในใจพระเนตรลุกโชนวาววับขึ้นมาทันทีก่อนจะได้ยินเสียงของขันทีคนสนิทที่คอยถวายรับใช้อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ฮองไทเฮาเข้าวังมาเพื่อถวายตัวให้กับอดีตฮ่องเต้
“พระนางอย่าทรงกริ้วมากพ่ะย่ะค่ะเดี๋ยวจะประชวรเอาได้ พระชายารองยังเยาว์วัยยิ่งนักเพิ่งจะสิบหกปีเท่านั้นจึงขาดความยั้งคิดและมีความรอบคอบน้อยเกินไปหน่อย”ขันทีคนสนิทกราบทูลกลับไป
“นางไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เป็นชายาของหลานชายข้าแล้วด้วย! ไม่รู้ว่าอะไรบังตาข้าจึงเลือกนางเข้ามาอยู่ในวัง หากเพราะไม่ใช่รูปโฉมงดงามของนางแล้วละก็มีหรือที่ข้าจะให้เข้ามาในวังเพื่อใช้ประโยชน์จากนาง แต่นี่กลับเหิมเกริมพอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระชายาของอี้หาน คิดทำอะไรโดยพลการไม่มาปรึกหาหารือข้าแม้แต่น้อยมันน่าจะเก็บเอาไว้อีกอย่างนั้นเหรอ!”รับสั่งสุระเสียงกร้าว
ขันทีคนสนิทนามว่าเกาทงหลินหรือขันทีเกาเหลือบสายตามองซ้ายแลขวาด้วยเกรงว่าจะมีผู้อื่นมาได้ยินรับสั่งของฮองไทเฮาและจะทำให้ภาพลักษณ์ของฮองไทเฮาผู้แสนดีจะเสียหาย
“พระนางรับสั่งเบาหน่อยพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวเสียงจะลอดออกไปจนถึงหน้าตำหนักทางเข้าเอาได้ เกิดผู้ใดมาได้ยินเข้าจะทำให้เกิดผลร้ายกับพระนาง”ขันทีเกาทูลเตือนกลับไป
คำกล่าวของขันทีคนสนิททำให้ฮองไทเฮาเหลือบสายตามองไปทางยังทางออกของห้องที่ทรงประทับอยู่พร้อมมีรับสั่ง
“ขอบใจที่เตือนข้าทงหลิน แรงโมโหทำให้ใช้เสียงดังมากเกินไปจริงๆ หาไม่แล้วจะทำให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าเบื้องหน้ากับเบื้องหลังของข้าไม่ได้เป็นดั่งที่คิด”ฮองไทเฮารับสั่งกลับไป
เกาทงหลินก้มศีรษะลงเล็กน้อยเมื่อฮองไทเฮารับสั่งขอบใจเช่นนั้น พร้อมเสียงของพระนางดังแทรกขึ้น
“จริงสิ! เหวินหลงกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเหตุใดข้าจึงไม่ล่วงรู้เลย ราชสำนักจงใจปิดข่าวการกลับมาของอุปราชผู้นั้นอย่างนั้นเหรอซึ่งแม้แต่ข้าก็ยังพยายามปกปิดไม่ให้ล่วงรู้ นี่มันอะไรกันบทจะกลับมาก็ดันมาโผล่ในเหตุการณ์ลอบสังหารองค์หญิงแคว้นจ้าวผู้นั้น แทนที่จะตายเร็วขึ้นกลับรอดตายเพราะคนผู้นั้น ไม่รู้ว่ามันจะตามหลอกหลอนข้าไปถึงไหน เห็นหน้าคราใดทำให้พาลนึกถึงนางฟางหลินทุกครั้งไปเหตุใดมันจะต้องเก่งกล้าและได้ดีเกินหน้าเกินตาจื่อหยวนลูกชายของข้าด้วย! เกลียดจริงๆ”ฮองไทเฮารับสั่งด้วยความรู้สึกชิงชังอุปราชแห่งเทียนจินเป็นยิ่งนัก
“ต่อให้เกลียดอย่างไรพระนางก็ต้องอดทนพ่ะย่ะค่ะ อุปราชไม่ได้กำจัดง่ายๆ ดั่งที่คิดอีกทั้งยังมีประโยชน์เพื่อให้มาทำหน้าที่แทนฝ่าบาทซึ่งประชวรอยู่ตลอดเวลา หากอุปราชเป็นอะไรไปตอนนี้ราชบัลลังก์ของฝ่าบาทจะต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน รัชทายาทก็ยังเยาว์เพิ่งจะสิบหกปีเท่านั้น ยังอ่อนด้อยประสบการณ์เป็นยิ่งนัก ไม่อาจเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองและช่วยงานทางราชกิจได้เลย”
คำกล่าวของเกาทงหลินทำให้ฮองไทเฮาพยักพระพักตร์ขึ้นลงพร้อมมีรับสั่งสวนกลับไป
“ก็เพราะว่าข้าเล็งเห็นถึงจุดนี้นะสิ จึงยอมปั้นหน้าต้อนรับเวลามาหาข้า ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วแสนจะชังน้ำหน้ายิ่งนัก ข้าจะใช้ความรักและเทิดทูนที่เหวินหลงคิดว่าข้าเป็นแม่ที่แท้จริงหาประโยชน์ให้ได้มากที่สุด! เพื่อบัลลังก์ของลูกข้าและหลานชายของข้าน้ำหน้าอุปราชผู้นั้นก็เป็นได้เพียงแค่ตัวแทน! ไม่ว่าข้าจะสั่งอะไรเจ้าไม่เห็นอย่างนั้นเหรอว่าคนผู้นั้นยอมให้ข้าทุกอย่างตอนที่แม่มันยังอยู่ก็ต้องถูกข้ากดหัวพอมาถึงลูกก็ถูกข้ากดหัวเอาไว้อีกเช่นกันเอาไว้ใช้เยี่ยงอาชาเยี่ยงสุนัข”รับสั่งพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกสะพระทัย
ทว่าครั้งนี้โชคกลับไม่เข้าข้างฮองไทเฮาเข้าให้เสียแล้ว เมื่ออุปราชแห่งเทียนจินทรงได้ยินการสนทนาดังกล่าวอย่างชัดเจน
รับสั่งของฮองไทเฮาทำให้พระวรกายสูงใหญ่ที่ยืนแอบอยู่หลังเสาในเวลานั้น ได้ล่วงรู้แจ้งเห็นจริงก็ในวันนี้เองแล้ว ว่าเพราะเหตุใดฮองไทเฮาจึงปฏิบัติต่อพระองค์เช่นนั้น สาเหตุนั้นก็เพราะพระองค์ไม่ใช่พระโอรสในสายเลือดของพระนาง แต่พระมารดาที่ให้กำเนิดกลับเป็นสตรีที่มีนามว่าฟางหลิน
ดวงตาสีสนิมเหล็กคมกล้าลุกโชนและแข็งกร้าวขึ้นมาทันที พระพักตร์หล่อเหลาเต็มไปด้วยความถมึงทึงและดุดันก่อนจะก้าวเดินถอยหลังออกไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้คนที่อยู่ภายในห้องล่วงรู้ว่ามีคนนอกเข้ามา พระวรกายสูงใหญ่เสด็จก้าวออกมาจากห้องดังกล่าวก่อนจะกลับไปยืนอยู่ด้านนอกเพื่อระงับแรงพิโรธที่บังเอิญมาล่วงรู้ความจริงในวันนี้
“หลิวเจี้ยนหลิง! ที่แท้เจ้าก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของข้า มิน่าเล่าจึงปฏิบัติต่อข้าเช่นนั้นดั่งที่แล้วมา เหตุใดข้าจึงไม่ฉุกคิดถึงข้อนี้เลยแม้แต่น้อย แล้วแม่แท้ๆ ของข้าเป็นเช่นไร ท่านแม่จะยังมีชีวิตอยู่หรือถูกนางจิ้งจอกเฒ่าทำอันตรายอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”
อุปราชรูปงามรับสั่งพึมพำก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกำลังเดินออกมาจากห้องดังกล่าว พระวรกายสูงใหญ่ที่กำลังยืนหันหลังอยู่ในเวลานั้นจึงยังคงยืนเอามือไพล่ไปทางด้านหลังอยู่เช่นเดิมทำทียืนมองพระจันทร์ดวงใหญ่กำลังส่องแสงสีเหลืองนวลจนสามารถมองเห็นทุกอย่างในความมืดได้อย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกันคนที่กำลังก้าวออกมาจากทางด้านหลังคือเกาทงหลิน คนสนิทของฮองไทเฮาร่างสันทัดที่กำลังก้าวเดินตรงมาที่ประตูใหญ่หยุดชะงักไม่เดินต่อทันที เมื่อเห็นอุปราชแห่งเทียนจินกำลังยืนเอามือไพล่ไปทางด้านหลังชื่นชมความงามของพระจันทร์อยู่ในเวลานั้น
“อุปราชมาเข้าเฝ้าในเวลานี้หรือนี่! เหตุใดจึงทรงยืนอยู่เพียงลำพัง นางกำนัลหายไปไหนกันหมด”เกาทงหลินบ่นพึมพำพลางสืบเท้าเข้าไปหาก่อนจะหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังร่างสูงใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่า
“ที่แท้ก็เป็นองค์อุปราชเสด็จมาไม่คิดว่าจะมาเข้าเฝ้า ฮองไทเฮาทันทีที่กลับมาจากแคว้นทางใต้”เกาทงหลินเอ่ยขึ้นอยู่ทางด้านหลังอุปราชหนุ่ม
พระพักตร์หล่อเหลาแสยะยิ้มเหยียดเพียงบางเบาหากแต่น่าสะพรึงเป็นยิ่งนัก พระเนตรคมกล้าลุกโชนอย่างน่ากลัวพร้อมสุระเสียงรับสั่งตอบกลับไป
“ข้ามีเครื่องบรรณาการจากแคว้นทางใต้ที่คัดเลือกมาเป็นอย่างดีเพื่อนำมาถวายให้กับเสด็จแม่ แต่หลงลืมเวลาไปว่านี่คือยามซวี่แน่นอนว่าเสด็จแม่ไม่ออกมาพบข้าเช่นเคยจึงกำลังจะกลับ”
รับสั่งของอุปราชแห่งเทียนจินทำให้เกาทงหลินแสยะยิ้มพลางเบ้ปากออกมาอย่างหยามเหยียด โดยไม่ทันระวังตัวว่าร่างสูงใหญ่มหึมาตรงหน้าหันกลับมามองขันทีวัยชราและเห็นกิริยาดังกล่าวเข้าให้พอดี จนอีกฝ่ายตั้งตัวปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติแทบไม่ทัน
“หน้าเจ้าเป็นอะไรปากจึงเบี้ยวไปอีกข้าง”อุปราชหนุ่มแสร้งรับสั่งถาม
เกาทงหลินรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติตามเดิมพร้อมรีบทูลแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“กะ...กระ...กระหม่อมอายุมากแล้วพอยิ้มแล้วจึงทำให้ใบหน้าเบี้ยวไปอีกข้าง แต่ในไม่ช้าก็จะกลับมาเป็นปกติคนแก่ก็แบบนี้แหละพ่ะย่ะค่ะ”เกาทงหลินแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“ออ...อย่างนั้นเหรอ”อุปราชรูปงามรับสั่งพึมพำพลางจ้องขันทีชราเขม็ง
“เจ้าอยู่ถวายรับใช้ฮองไทเฮามากี่ปีแล้วขันทีเกา”รับสั่งถามเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
ข้างฝ่ายเกาทงหลินไม่ได้คิดว่าคำถามนั้นจะผิดปกติแต่อย่างใดจึงตอบกลับไปตามความเป็นจริง
“กระหม่อมถวายการรับใช้ฮองไทเฮา นับตั้งแต่ทรงเข้าวังมาถวายตัวให้แก่อดีตฮ่องเต้หากนับพระชนมายุ 16 จนถึงปีนี้มีพระชันษาเข้าสู่ปีที่ 49 รวมแล้วก็ 33 ปีพ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบของเกาทงหลินสร้างความพึงพอพระทัยให้แก่อุปราชแห่งเทียนจินครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น
“นับว่าอยู่มานานมากทีเดียว ก่อนที่ข้ากับฝ่าบาทจะเกิดมาเสียอีกถ้าเช่นนั้นก็ดีนับได้ว่าเจ้าจะเป็นประโยชน์ต่อข้ามากเลยทีเดียวเพราะจะต้องล่วงรู้ทุกเรื่องก่อนที่ข้าจะเกิดมาเป็นอย่างดี”
อุปราชหนุ่มแสยะยิ้มเหยียดพลางหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอ พร้อมเสด็จออกจากบริเวณหน้าประตูดังกล่าวกลับตำหนักของพระองค์โดยไม่มีรับสั่งสิ่งใดอีก
ท่ามกลางสายตาของเกาทงหลินเมื่อได้ยินรับสั่งของอุปราชแห่งเทียนจินเช่นนั้น
“เหตุใดวันนี้อุปราชจึงไม่รบเร้าที่จะพยายามขอเข้าเฝ้าฮองไทเฮาเลยนะ ปกติเมื่อมาแล้วจะขอเข้าเฝ้าให้ได้แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น”เกาทงหลินบ่นพึมพำด้วยความแปลกใจหากแต่เพียงครู่รอยยิ้มหยามเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครา
“ดูท่าคงจะคิดได้แล้วว่าต่อให้จะพยายามอย่างไรก็ตามฮองไทเฮาก็ไม่ทรงโปรดอยู่ร่ำไป”กล่าวพร้อมเดินตรงไปยังตำหนักข้างโดยไม่ใส่ใจอะไรอีก
ในขณะเดียวกันเสียงหัวเราะเย็นยะเยียบดังอยู่ในลำคออุปราชรูปงาม เมื่อพระองค์มีแผนการบางอย่างอยู่ภายในพระทัยและแน่นอนว่าทรงคิดเร็วและลงมือทันที
“เกาทงหลินเจ้าจะต้องล่วงรู้อย่างแน่นอนว่าสตรีที่มีนามว่าฟางหลินเกี่ยวข้องอะไรกับข้า และเจ้า! หลิวเจี้ยนหลิงจะต้องได้รับการตอบแทนจากข้าอย่างสาสมแน่นอน คิดหรือว่าแผ่นดินเทียนจินจะเป็นของลูกหลานเจ้าอีกต่อไป!”
อุปราชแห่งเทียนจินคำรามลั่นอยู่ในลำคอ พระวรกายสูงใหญ่ค่อยๆ เดินออกจากตำหนักไท่จี่เตี้ยนมุ่งหน้าสู่ตำหนักเทียนหลงของพระองค์
ในยามนี้ภายในหัวใจและความคิดที่มีต่อฮองไทเฮาทำให้อุปราชแห่งเทียนจินมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรง แต่พระองค์เลือกที่จะลงมืออย่างเงียบๆ
หัวใจที่ทุ่มเทและเทิดทูนเพราะรักพระราชมารดาเหนือสิ่งอื่นใดบัดนี้ด้านชาและเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นแสนสาหัสยิ่งนัก หัวใจไร้รักไปโดยพลันดุจเดียวกับตำหนักที่ทรงประทับอยู่ในเวลานี้