พระตำหนักไท่จี่เตี้ยน
ตำหนักใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางของเขตฝ่ายใน พระราชวังเฉิงเฉียนกงของแคว้นเทียนจิน เต็มไปด้วยความมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์นับตั้งแต่อดีตฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการแต่งตั้งให้พระโอรสโจวเหวินหลง ขึ้นเป็นมหาอุปราชแห่งเทียนจินโดยไร้สิ้นข้อกังขาและคำครหาอื่นใด เหล่าขุนนางล้วนยินดีที่มีผู้นำแคว้นที่เต็มไปด้วยความปราดเปรื่องและนับได้ว่าเป็นยอดคนเลยทีเดียว
ซึ่งนับตั้งแต่แคว้นเทียนจินมีมหาอุปราชเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระราชกิจของแผ่นดินให้กับอดีตฮ่องเต้ในช่วงสุดท้ายของพระชนม์ชีพซึ่งเริ่มจะประชวรอยู่บ่อยครั้ง
เทียนจินเจริญรุดหน้าแบบก้าวกระโดดอย่างผิดหูผิดตา ความคิดอันเฉียบคมจากประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากต่างแคว้นในขณะทำสงคราม
ทำให้อุปราชหนุ่มนำประสบการณ์เหล่านั้นมาช่วยแบ่งเบาราชกิจของพระบิดาได้อย่างชาญฉลาดจนไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่าเพียงแค่สองปีก่อนอดีตฮ่องเต้จะสวรรคต เทียนจินจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายถึงเพียงนี้
จวบจนกระทั่งอดีตฮ่องเต้สวรรคตลงและพระเชษฐาโจวจื่อหยวนได้ขึ้นปกครองแคว้นสืบต่อมาจนระยะเวลาผ่านมาห้าปี แคว้นเทียนจินยิ่งเจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง
ทั่วทั้งแคว้นต่างล่วงรู้ดีว่าที่ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดี ประชาชนเทียนจินต่างอยู่อย่างสงบสุขล้วนเป็นฝีมือของอุปราชโจวเหวินหลงทั้งสิ้น
ในขณะที่ฮ่องเต้ตัวจริงนั้นส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ติดกับแท่นพระบรรทม สร้างความเบื่อหน่ายให้กับขุนนางทุกระดับชั้นที่เห็นฺฮ่องเต้ของตัวเองช่างอ่อนแอและขี้โรคเหลือประมาณ ไม่คู่ควรกับราชบัลลังก์ของเทียนจินแต่อย่างใด
เหตุใดหนอองค์อุปราชจึงไม่ได้ขึ้นปกครองแคว้นทั้งที่มีคุณสมบัติและจัดการงานราชกิจได้ลงตัวในเวลาอันรวดเร็ว รวมไปถึงแคว้นและเมืองต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองก็อยู่อย่างสงบสุขเช่นเดียวกัน
ซึ่งการเติบโตและความเจริญของแคว้นเทียนจินดัง กล่าวเป็นที่จับตามองของแคว้นน้อยใหญ่รอบนอกอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะแคว้นจ้าวซึ่งกำลังจะกลายเป็นบ้านพี่เมืองน้องเพราะผลจากการเป็นทองแผ่นเดียวกันเมื่องานอภิเษกสมรสระหว่างสองแคว้นถูกจัดขึ้นแต่กลับต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น
ภายในห้องทรงพระสำราญ ฮองไทเฮากำลังนั่งทอดพระเนตรพระชายารองหลิวซือเย่เขม็งด้วยเพราะทรงล่วงรู้ดีว่าแมลงพิษที่รุมกัดองค์หญิงแคว้นจ้าวนั้น หลานสาวคนโปรดก็เลี้ยงเอาไว้เช่นกันเพียงแต่ไม่ทรงทราบว่านางเชี่ยวชาญในการใช้พิษ และสามารถสกัดยาพิษนำมาใช้ได้ด้วยตัวเอง
ปัง! พระหัตถ์ฟาดลงบนโต๊ะเสวยชาเสียงดังสนั่นเมื่อพระชายารองยังคงยืนกรานว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้
“จนเหตุการณ์เลยเถิดมาจนถึงป่านนี้แล้ว เจ้ายังปากแข็งกับข้าอยู่อีกอย่างนั้นเหรอเย่เอ๋อ! ข้าเห็นเจ้าหมกมุ่นอยู่แต่ในโรงเลี้ยงแมลงภายในเรือนส่วนตัวที่จวนสกุลหลิวมาตั้งแต่ยังเยาว์ ยังกล้าจะยืนกรานปฏิเสธต่อหน้าข้าอีก! คิดว่าฉลาดนักหรือไงตรงกันข้ามโง่สิ้นดี!”ฮองไทเฮาตวาดสุระเสียงกร้าวจนหลานสาวตัวดียืนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก
“ละ..หลาน..ก็แค่รายงานไปตามความเป็นจริงเพคะ จริงอยู่ที่แมลงพิษชนิดที่รุมกัดองค์หญิงแคว้นจ้าวนั้น หลานมีเลี้ยงเอาไว้ในโรงเพาะพันธุ์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นแมลงพิษของหลานเสียที่ไหนกันเพคะ”
หลิวซือเย่ยังคงยืนกรานเสียงแข็งเช่นเดิมไม่ว่าอย่างไรก็ตามนางจะไม่ยอมรับเป็นอันขาด หาไม่แล้วจะต้องมีผู้ล่วงรู้ว่านางมีความสามารถในการสกัดยาพิษออกมาใช้
“หุบปาก! ยังเถียงข้าอีกอย่างนั้นเหรอ!”ฮองไทเฮาทรงกริ้วเป็นที่สุดเมื่อหลานสาวยังไม่ยอมรับว่าแมลงพิษเหล่านั้นเป็นของนางอยู่ร่ำไป
“ลำพังหานเอ๋อไม่มีความคิดแยบยลและวางแผนฆ่าคนได้อย่างโง่งมเช่นนี้ คงคิดว่าเป็นวิธีที่ชาญฉลาดมากละสิแต่ตรงกันข้ามเจ้าพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย แทนที่จะปรึกษาข้าก่อนจะได้ช่วยกันคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้และไม่ควรที่จะลงมือก่อนวันอภิเษกแทนที่จะลงมือฆ่านางก่อนหน้านั้น!”ฮองไทเฮารับสั่งตวาด
“เสด็จป้า!”หลิวซือเย่อุทานออกมาทันใดเมื่อได้ยิน ฮองไทเฮามีรับสั่งเช่นนั้นพร้อมเอ่ยขึ้น
“เสด็จป้าก็ทรงมีความคิดที่จะกำจัดองค์หญิงแคว้นจ้าวให้หลานด้วยอย่างนั้นเหรอเพคะ”หลิวซือเย่ถามกลับไปด้วยความอยากรู้ว่าเป็นไปตามที่นางคาดเดาหรือไม่
“ใช่! เจ้าเดาไม่ผิดหรอกถ้าเป็นข้าลงมือละก็ไม่มีคำว่าพลาดอย่างแน่นอน รวมไปถึงผู้ใดก็ไม่สามารถเข้ามาช่วยได้”รับสั่งพลางจ้องหน้าหลานสาวเขม็ง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้อุปราชกลับมาแล้ว และที่สำคัญนำหมอส่วนตัวช่วยชีวิตองค์หญิงแคว้นจ้าวจนรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด แทนที่จะวางแผนให้ตายไปเลยทันทีให้สิ้นเรื่องไปกลับทอดเวลาจนมีคนมาช่วยเอาไว้ได้ทัน! ตำแหน่งฮองเฮาที่เจ้าใฝ่ฝันมาโดยตลอดดูท่าอาจเป็นเพียงความฝันอันเลื่อนลอยเข้าให้เสียแล้ว ยิ่งอุปราชผู้นั้นกลับมาจากตรวจเยี่ยมราชการแคว้นทางใต้ไม่ง่ายเลยที่จะสามารถลงมือกำจัดองค์หญิงผู้นั้นได้อีก!”
รับสั่งของฮองไทเฮาสร้างความแปลกใจระคนสงสัยให้แก่พระชายารองอย่างยิ่งยวดครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ทำไมเสด็จป้าจึงมีรับสั่งถึงองค์อุปราชเช่นนั้นเพคะ ในเมื่อก็เป็นพระโอรสอีกองค์เช่นกันแต่เหตุใดหลานฟังแล้วอย่างไรชอบกลบอกไม่ถูก”หลิวซือเย่พูดออกมาตามความรู้สึกของนาง
รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนพระพักตร์ที่เริ่มมีริ้วรอยขึ้นประปรายในพระชันษาปีที่สี่สิบเก้าของฮองไทเฮาพร้อมมีรับสั่งกับหลานสาวคนโปรด
“นั้นมันเรื่องของข้า! จะสงสัยอะไรหนักหนาจงวางเฉย และอยู่ให้เป็นไม่ได้หรือไง มีหน้าที่ทำตามคำสั่งของข้าก็เพียงพอแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าจะต้องทำให้บัลลังก์ของเทียนจินตกอยู่กับสายเลือดที่สืบทอดจากข้าเท่านั้น รวมไปถึงตำแหน่งฮองเฮาก็ด้วยเช่นกันข้าจะต้องทำให้ตำแหน่งนี้เป็นของเจ้าให้ได้ หากเจ้าเกิดเร็วกว่านี้ฮองเฮาคนปัจจุบันไม่มีทางที่จะตกเป็นของจูซือฉีเป็นอันขาด สายเลือดของข้าจะได้ไม่มีเลือดอื่นเจือปน”ฮองไทเฮารับสั่งถึงลูกสะใภ้หลวงที่นางไม่ได้ชื่นชอบเสียที่เท่าใดนัก
แต่เป็นเพราะว่าสตรีจากตระกูลหลิวในเวลานั้นมีอายุที่มากเกินไปไม่คู่ควรกับรัชทายาทโจวจื่อหยวน และส่วนใหญ่ออกเรือนไปแล้วเสียส่วนมากที่หลงเหลืออยู่อายุก็แตกต่างกับพระโอรสองค์โตมากเกินไป ซึ่งมีทั้งอายุมากกว่ากันเป็นสิบปีและน้อยกว่ากันเพียงแค่ไม่กี่ขวบ ซึ่งทั้งสองกรณีไม่สามารถทำหน้าที่สืบทอดสายพระโลหิตได้
ฮองไทเฮายกพระหัตถ์ขึ้นคลึงขมับของพระนางไปมาด้วยรู้สึกวิงเวียนพระเศียรหลังจากครุ่นคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับองค์หญิงแคว้นจ้าว
ขันทีคนสนิทที่ถวายการรับใช้อย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่พระนางเพิ่งเข้าวังมาถวายตัวกับอดีตฮ่องเต้ ต้องรีบยื่นขวดหยกที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรที่แก้อาการวิงเวียนก่อนจะถูกรับเอาไว้นำขึ้นดมกลิ่นสมุนไพรอยู่ชั่วขณะจนมีพระอาการดีขึ้นตามลำดับ
ในขณะเดียวกันทางด้านนอกห้องดังกล่าวพระวรกายสูงใหญ่ของอุปราชโจวเหวินหลงเสด็จมาหยุดยืนอยู่ประตูทางเข้า พร้อมทอดพระเนตรนางกำนัลที่ยืนอยู่นอกห้องเพื่อคอยถวายงาน ครั้นแต่ละนางเห็นอุปราชผู้หล่อเหลาเสด็จมาแต่ละนางพากันเผลอตัวมองอย่างชื่นชมแทบจะสิงเข้าไปในร่างของพระองค์ก็ว่าได้
ครั้นสายพระเนตรคมกริบทอดพระเนตรมายังพวกนาง บรรดานางกำนัลต่างรีบหลบสายพระเนตรกันเป็นพัลวันด้วยความเขินอายเป็นที่สุดพร้อมสุรเสียงขององค์อุปราชดังแทรกขึ้น
“ฮองไทเฮาประทับอยู่ในห้องนี้ใช่หรือไม่”รับสั่งถาม
เหล่านางกำนัลต่างพากันก้มหน้าหลบสายตามองแต่พื้นพระตำหนักอยู่เช่นนั้นเพราะเป็นกฎต้องห้ามของวังหลวงไม่ให้นางกำนัล ส่งสายตาเชื้อเชิญให้กับเชื้อพระวงศ์ชายซึ่งเป็นพระบัญชาของฮองไทเฮา ประกาศไปทั่วทั้งวังหลวงตั้งแต่พระนางประสูติองค์อุปราชพร้อมเสียงของหนึ่งในนางกำนัลทูลรายงาน
“ฮองไทเฮาประทับอยู่ในห้องนี้เพคะ ขณะนี้พระชายารองกำลังเข้าเฝ้าหม่อมฉันจะเข้าไปกราบทูลว่าองค์อุปราชเสด็จมา”นางกำนัลคนดังกล่าวทูลกลับไป
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวข้าจะเข้าไปเอง จริงสิ! ข้ากลับมาจากแคว้นทางใต้มีของบรรณาการมากมายนำกลับมาด้วย และคัดเลือกเพื่อนำมาถวายให้กับฮองไทเฮา พวกเจ้าทั้งหมดไปช่วยกันตรวจรับของถวาย และขนเข้าไปในพระตำหนักตอนนี้องครักษ์ของข้ากำลังยืนรออยู่”
“เพคะ”เหล่านางกำนัลต่างพากันขานรับกันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมย่อกายถวายคำนับอุปราชรูปงาม ก่อนจะพากันเดินออกจากหน้าประตูดังกล่าวทั้งหมดเพื่อไปรับของถวายตามรับสั่ง
ในขณะที่อุปราชหนุ่มกำลังก้าวเข้าไปภายในห้องดังกล่าวจนเกือบถึงหน้าประตู ปลายเท้ากลับต้องหยุดก้าวเดินทันใด เมื่อสุระเสียงของฮองไทเฮาก็ดังออกมาจากห้องดังกล่าวซึ่งบริเวณที่กำลังยืนอยู่ในเวลานั้นพระองค์สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
“กลับตำหนักของเจ้าไปได้แล้ว! อย่าทำเรื่องสิ้นคิดเช่นนั้นอีกหาไม่แล้วตำแหน่งฮองเฮาที่ต้องการจะไม่ได้สมดั่งใจ ตราบใดที่อุปราชผู้นั้นยังอยู่เจ้าและอี้หานห้ามเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น ข้าจะจัดการองค์หญิงแคว้นจ้าวผู้นั้นแทนพวกเจ้าให้เองเข้าใจหรือไม่!”รับสั่งตะคอกกลับไป
“หลานเข้าใจแล้วเพคะ”พระชายารองรับคำเสียงอ่อย
“เช่นนั้นหลานขอลากลับตำหนักก่อนเพคะ ต่อเมื่อเสด็จป้าพระอารมณ์ดีขึ้นแล้วจะมาเข้าเฝ้าใหม่ในวันหลัง”หลิวซือเย่กล่าวพลางย่อกายถวายคำนับรีบก้าวเดินออกจากห้องดังกล่าวอย่างรวดเร็ว โดยมีสายพระเนตรของฮองไทเฮาทอดพระเนตรตามหลังด้วยความรู้สึกขัดพระทัยเป็นยิ่งนัก
“โง่เขลาเช่นนี้ คิดเข้าข้างตัวเองตลอดว่าฉลาดอยู่เสมอและทำอะไรไม่มีการปรึกษาหารือ นางชักเริ่มจะควบคุมยากเสียแล้ว”รับสั่งบ่นพึมพำด้วยพระอารมณ์เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง