ดวงใจชีค
บทที่3.
สนามบินสุวรรณภูมิเวลาสี่ทุ่มครึ่ง
ก่อนหน้านั้นราวชั่วโมงหนึ่งเห็นจะได้ ณัชชาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในสนามบินเพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่ทันไฟท์บินเที่ยวสี่ทุ่ม แต่ทำไปทำมาทางสนามบินกลับประกาศว่าไฟท์บินเที่ยวที่จะพาเธอมุ่งหน้าสู่ดินแดนตะวันออกกลางเลื่อนเวลาออกและดีเลย์ช้าไปกว่าสองชั่วโมงนั่น หมายความว่าไฟท์บินเที่ยวนั้นจะออกในเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี
"แล้วจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้?"
ณัชชาบ่นกับตัวเองด้วยความเซ็งก่อนจะหันซ้ายมองขวาเพื่อหาที่นั่งรอ สองชั่วโมงเลยนะ จะให้เธอยืนแกร่วอยู่ตรงนี้คงไม่ไหวแน่
ณัชชาเลือกที่นั่งที่ใกล้กับลำโพงที่สุด เผื่อทางสนามบินประกาศอะไรออกมาอีก เธอจะได้ได้ยินทุกอย่างชัดเจนไม่คลาดเคลื่อน
"อ้าว!คุณหญิง บังเอิญเสียจริง ได้เจอกันอีกแล้ว"
ยังไม่ทันพี่ณัชชาจะได้หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ เสียงทักทายเป็นภาษาอังกฤษก็ดังขึ้นทางด้านหลังของหญิงสาว เธอหันกลับไปมองทันทีและได้พบกับผู้ชายชาวต่างชาติคนที่เธอเจอเมื่อตอนกลางวัน ส่วนทางด้านหลังของเขา ผู้ชายที่เธอเกือบจะวางมวยใส่ก็ยืนอยู่ด้วย และเขาก็กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เรียบเฉย บอกให้รู้ว่าเขาไม่รู้สึกรู้สาใดๆที่ได้พบกับเธอทั้งสิ้น
"คุณ...คุณนั่นเอง..."
"ผมชื่อคามีนครับคุณหญิง"
"ค่ะคุณคามีน ฉันณัชชาค่ะ ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง"
ณัชชาไม่สนใจผู้ชายขี้เก๊กคนนั้นอีก เธอตวัดค้อนให้เขาพองามก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้อีกคนแทน นั่นก็คือคามีน
"แล้วนี่ คุณหญิงจะไปไหน?"
คามีนเอ่ยถาม พร้อมกับชี้มือไปยังสัมภาระของหญิงสาวที่วางระเกะระกะอยู่ข้างตัว
"ดูไบค่ะ แต่โชคร้ายชะมัดที่เครื่องบินดีเลย์เลื่อนออกไปสองชั่วโมง"
ปากเล็กจิ้มลิ้มของคนพูดยื่นออกน้อยๆอย่างสุดเซ็ง เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคามีนได้เป็นอย่างดี
"คุณหญิงจะไปเมืองไหนของดูไบล่ะ?"
คามีนถามอีก ซึ่งณัชชาก็ตอบแต่โดยดี เพราะไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องที่ต้องปิดบังตรงไหน
"ฟาร์ซิสค่ะ ฉันจะไปที่ฟาร์ซิส"
คำตอบของณัชชาทำให้คามีนหันไปมองหน้าชีคอัสมาลที่ยืนเงียบอยู่ทางด้านหลังทันที ในขณะที่อัสมาลก็ขยับตัวทันทีเหมือนกัน บทสนธนาของทั้งคู่เขาได้รู้และได้ยิน แน่นอนว่าอัสมาลรู้ว่าคามินตั้งใจจะทำอะไร
"ไฟท์บินเลื่อนไปออกตอนกี่โมงครับ"
คามีนหันกลับมาถามณัชชาอีกครั้ง
"เที่ยงคืนนู่นแหน่ะค่ะ แย่เลย ฉันเริ่มจะง่วงแล้วด้วย"
พูดจบก็ยกมือขึ้นปิดปากหาว จนคนมองอดยิ้มอีกไม่ได้
"ถ้าอย่างนั้นคุณหญิงรอผมสักครู่"
ไม่รอให้หญิงสาวตอบรับหรือปฏิเสธ คามีนก็เดินตัวปลิวกลับไปหาชีคอัสมาลทันที
...........................
'ฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย?'
ณัชชาคิดในใจพร้อมกับแอบพิจารณาผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอไปด้วย
ดวงตาคมดุสีสนิม ประกายตาคมกล้า ริมฝีปากหนาเรียบเฉยจนเธอนึกหวั่นเกรง ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าของเขาเรียกได้ว่าหล่อเหลาและสมบูรณ์แบบราวเทพบุตรกรีกในตำนานก็ไม่ปาน
'เธอบ้าไปแล้วณัชชา!'
หญิงสาวตำหนิตัวเองในใจ ก่อนจะรีบหันหน้าหลบสายตาคมกล้าของอัสมาลที่หันกลับมามองกับเธออย่างกระทันหัน หัวใจของณัชชาเเต้นแรงและเร็วขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเพียงแค่ได้สบตาคมคู่นั้นแม้จะแค่แป๊บเดียวก็ตาม
หลังจากที่คามีนขอตัวเดินกลับไปหาเจ้านายของเขา ณัชชาเห็นสองคนนั้นทำท่าเหมือนเถียงกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คามีนจะเดินกลับมาหาเธอ
คามีนเอ่ยปากชวนณัชชาไปกับเขาด้วย และเธอก็เพิ่งได้รู้ว่าเขากับเจ้านายของเขาเป็นชาวเมืองฟาร์ซิส เมืองที่เธอกำลังจะไปทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์นั่นเอง
แน่นอนว่าณัชชาปฏิเสธ หนึ่งคือเธอเกรงใจเขา และสองคือเธอไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายของคามีนเท่าไหร่นัก
แต่คามินก็ยังคะยั้นคะยอหญิงสาวจนได้ เขาให้เหตุผลที่น่าเห็นใจและคล้อยตามว่า
'ถือซะว่านี่เป็นการไถ่โทษจากผม ที่เกือบจะขับรถชนคุณหญิงเมื่อตอนกลางวันก็แล้วกันครับ'
สุดท้ายณัชชาก็ใจอ่อนจนได้ และใครจะไปคิดล่ะว่าการตกปากรับคำเดินทางมากับคามีนจะทำให้เธอตกที่นั่งลำบากแบบนี้
และไอ้การตกที่นั่งลำบากที่ว่าก็คือการที่ณัชชาต้องมานั่งเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เธอไม่ชอบขี้หน้ายังไงล่ะ
คามีนบอกกับเธอว่าเจ้านายของเขามีเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งณัชชาไม่คิดว่ามันจะใหญ่โตและหรูหราขนาดนี้ ภายในเครื่องมีพนักเก้าอี้บุนวมอย่างดีหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่เนื้อนุ่มตั้งหันหน้าเข้าหากัน ข้าวของประดับตกแต่งทุกอย่างเป็นทองทั้งหมด เพียงแค่เธอไม่รู้ว่ามันคือของจริงหรือของปลอม ว่ากันว่าชาวตะวันออกกลางร่ำรวยเพราะค้าขายน้ำมันดิบท่าทางจะจริง
ณัชชามัวแต่จมอยู่ในความคิดของตัวเองเลยไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอนั้นคอยชำเลืองหางตามองสำรวจเธออยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาอัสมาลถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วล่ะมั้ง สาเหตุก็มาจากเจ้าคามีนสหายตัวดีที่คิดและตัดสินใจพาแม่คนอวดดีคนนี้ขึ้นเครื่องมาด้วยนั่นแหล่ะ
'คุณหญิงคนนี้เธอจะเดินทางไปฟาร์ซิส'
ในตอนนั้นคามีนเดินกลับมาหาเขาพร้อมกับพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย
'แล้วยังไง นายมาบอกฉันทำไม?'
อัสมาลถาม แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ทั้งที่สังหรณ์ใจไว้อยู่แล้วว่าคามีนต้องการจะสื่อถึงอะไร และเขาจะไม่มีทางยอมเด็ดขาด!
'นายคงไม่ว่าถ้าฉันจะพาคุณหญิงเธอไปกับเราด้วย'
นั่นปะไร ผิดจากที่คิดไว้ที่ไหน คนอย่างคามีนแค่อ้าปากก็เห็นไปถึงลิ้นไก่ และอย่าว่าแต่ลิ้นไก่เลย ตับ ไต ไส้ พุง ของไอ้หมอนี่อัสมาลก็มองเห็น
'ฉันไม่อนุญาต!'
อัสมาลปฏิเสธ บอกแล้วไงว่าเขาจะไม่มีทางยอม
แต่มีหรือที่คนอย่างคามีนจะสนใจ...
'ฉันไม่ได้มาขออนุญาตจากนาย แต่ฉันจะมาบอกให้นายรับรู้ไว้ต่างหาก'
คามีนตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆส่งผลให้อัสมาลหน้าตึงขึ้นมาทันที
'นายกำลังจะขัดใจฉันนะคามีน'
คามีนอมยิ้ม ในบางครั้งชีคอัสมาลผู้ยิ่งใหญ่ก็มีนิสัยไม่ต่างอะไรกับเด็กสามขวบนัก โดยเฉพาะเวลาที่เขาถูกขัดใจ
"มิได้ท่านชีค แต่ท่านต้องอย่าลืมว่าเราเคยเกือบจะขับรถชนคุณหญิงคนนี้ จะเป็นไรไปล่ะถ้าเราจะขอโทษเธอด้วยการพาเธอไปกับเราด้วย"
'ไม่ใช่...นายต้องพูดว่า จริงๆแล้วผู้หญิงคนนั้นเดินทะเล่อทะล่าออกมาจนเราเกือบจะขับรถชนเธอต่างหาก'
ชีคอัสมาลแก้คำพูดของคามีนเสียใหม่
'ก็นั่นแหล่ะ ตกลงให้เธอไปกับเราเถอะ ดูๆแล้วฉันคิดว่าการเดินทางไปฟาร์ซิสครั้งนี้ต้องสำคัญกับเธอมาแน่ๆ'
คามีนพูดโน้มน้าวจิตใจของชายหนุ่มอีกครั้ง หากเขาก็ได้รับคำปฏิเสธอย่างหนักแน่นอีกเช่นเคย
'นั่นเป็นปัญหาของเธอ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักนิด ฉันบอกไปแล้วว่าไม่ ก็คือไม่ อัลมาตินพูดคำไหนคำนั้น'
'ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสายเลือดอัลมาตินในตัวของนายจะคับแคบได้ถึงเพียงนี้ เฮ้อ...สิ้นชื่อกันก็คราวนี้...'
เมื่อโน้มน้าวดีๆแล้วไม่ได้ผล คามีนเปลี่ยนมาใช้คำพูดประชดประชันเหน็บแนมทันที และมันก็ได้ผล ชีคอัสมาลโกรธจนควันแทบออกหู เพราะไม่ชอบใครให้ใครมาดูหมิ่นสายเลือดอัลมาตินในตัวของเขา
"มันจะมากไปไหม!"
อัสมาลตวาดใส่คนสนิทอย่างเกรี้ยวกราด แต่คามีนก็หาได้เกรงกลัวไม่ แถมยังยืนอมยิ้มลอยหน้าลอยตาได้อย่างน่าหมั่นไส้อีกต่างหาก
'ก็ได้! ตามใจแกก็แล้วกัน อยากจะพาผู้หญิงอวดดีคนนี้ไปหรือใครๆทั้งสนามบินก็เรื่องของนาย ฉันจะไม่ยุ่ง และอย่าให้เธอมายุ่งวุ่นวายกับฉันเด็ดขาด!'
พูดจบอันสมาลก็สบัดหน้าไปอีกทางพร้อมกับหมุนตัวเดินไปยังประตูทางเข้าทันที
และไอ้คำว่า'อย่าวุ่นวาย'ของอัสมาลก็ไม่เป็นผล เมื่อเจ้าคามีนตัวดีจัดแจงให้หญิงสาวอวดดีคนนี้มานั่งอยู่ตรงหน้าเขา แล้วชีคอัสมาลจะทำอะไรได้ นอกจากนิ่งเงียบและทำสีหน้าปั้นปึ่งไปตลอดการเดินทาง
โปรดติดตามตอนต่อไป...
Ranadda : เขียน