ตอนที่ 6 / 2

1797 Words
 ชายหนุ่มเดินไปอีกด้านของรถ เห็นเธอยังยืนนิ่งคล้ายไม่แน่ใจว่า เธอได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย ว่าเขาก็เป็นคนสอนเธอขับรถเอง อัคราเปิดประตูรถแล้วสั่งอีกครั้ง                                                                        "เร็วสิ วันนี้ฉันจะสอน แล้วให้เธอฝึกขับอยู่แต่ในบ้านนี้ไปก่อน"           "ค่ะ" แพรพิศพยักหน้า ก่อนจะรีบเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งตามเขา                                                                                                 อัครา กำลังถอยรถออกจากโรงเก็บ ขณะนั้นคนข้างตัวก็ทำท่า ยุกยิกอยู่ไม่สุข สลับกับมองเขาคล้ายเกรงใจไปด้วย ทำให้เขาหันกลับไปถามอีก "มีอะไรอีก" "คือ แพรอยากเข้าห้องน้ำก่อนได้มั้ยคะ" จู่ๆ เธอก็เริ่มปวดปัสสาวะขึ้นมา และขืนไม่ไปตอนนี้ เกิดเขาสอนๆ อยู่ เธออั้นไม่ไหวแล้วขอไปเข้าห้องน้ำกลางคัน เขาจะบ่นเธออีก                                          อัคราถอนหายใจ แล้วจำพยักหน้า "ไปทำธุระของเธอให้เรียบร้อย"                                                                                แพรพิศดีใจ เธอเผลอวางโทรศัพท์มือถือไว้บนเบาะ รีบเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านโดยเร็ว ปล่อยให้อัครายังนั่งรอในรถเหมือนเดิม   เพียงหญิงสาวลงจากรถไม่ทันไร ก็มีสายโทรศัพท์โทร.เข้ามา เป็นเสียงเมโลดี้เพลงการ์ตูนดังเรื่องหนึ่ง พร้อมกับการปรากฏรูปของผู้ชายที่เป็นเจ้าของเบอร์นี้บนหน้าจออีกด้วย                                     อัคราไม่ได้อยากจะดู แต่เขาแค่ก้มมองตามเสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาข้างตัวเท่านั้น                                                                  แล้วหัวคิ้วเข้มทั้งสองของเขาก็ขมวดเข้าด้วยกันอย่างแปลกใจ ผู้ชายคนนี้ เขารู้จักดี 'ภัทร' ทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังนั่นเอง            แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มยามฉายความแปลกใจออกมา   เขามองโทรศัพท์หญิงสาวที่ยังมีเสียงเรียกเข้าและรูปของชายหนุ่มคนนั้นอยู่ สลับกับมองไปในบ้าน แพรพิศยังไม่มีท่าทีจะกลับมาง่ายๆ                                                                                                แล้วสายนั้นเงียบลงไป แต่ไม่นานกลับมีเสียงแจ้งเตือนพร้อมกับข้อความในกรอบสีเขียวปรากฏขึ้นมาแทน                                     ติ๊ง! 'วันนี้แพรหยุดรึเปล่า'                                                 ติ๊ง! 'แผลที่เข่าเป็นยังไงบ้าง หายซ้ำหรือยัง'                               ติ๊ง 'ถ่ายรูปส่งมาให้ผมดูหน่อยสิ ผมจะได้ไม่ต้องกังวล'       ติ๊ง! แล้วส่งสติ๊กเกอร์ที่ทำท่าห่วงใยมาอีกครั้ง                         อัคราลูบคางตัวเองแผ่วเบา ขณะกวาดสายตาดูข้อความที่ปรากฏติดๆ กันนั้น ชวนให้เขาสงสัยขึ้นมาทันทีว่า       'แพรพิศรู้จักกับผู้ชายคนนี้ด้วยหรือ แล้วไปรู้จักกันตอนไหน' ขณะนั้นแพรพิศก็วิ่งกลับมาที่รถพอดี ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าหนีเหมือนไม่ได้สนใจหรือไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอเลย                              แพรพิศกลับมานั่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกคำสั่งทันที "คาดเข็มขัด ด้วยเดี๋ยวฉันจะขับให้เธอดูก่อน" หญิงสาวก้มหน้าทำตาม ก่อนจะเห็นว่าโทรศัพท์ของเธอมันวางด้านที่อยู่ติดกับเขา หญิงสาวช้อนตาขึ้นมามองเขาทันที แล้วก็รีบทำการย้ายโทรศัพท์มาไว้อีกด้าน แน่นอนทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของอัคราตลอด                                                                                         หลังจากขับรถให้หญิงสาวดูพร้อมกับแนะนำขั้นตอนต่างๆ จนเป็นที่พอใจแล้ว อัคราก็เป็นฝ่ายให้เธอขับ เขากลับมานั่งเป็นผู้โดยสาร และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มขับได้ก็ปล่อยให้เธอฝึกขับตามลำพังบนถนนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ขณะรถเก๋งคันสีขาวขับผ่านหน้าเขาไปอย่างช้าๆ อัคราที่ยืนสังเกตอยู่ไม่ห่างก็ได้ยินเสียงของคนสองคนคุยกันอยู่ด้านหลัง            "ท่าทางหนูแพระจะขับรถเป็นแล้วนะป้า ดูสิคล่องปรื๋อเลย" "อือ หนูแพรหัวไวนะ ไม่อย่างนั้นจะสอบเทียบได้ตอนอายุสิบหกเหรอ" สินีรับคำไม่ลืมจะชมหญิงสาวอีกด้วย ก่อนจะรีบก้มหน้าลงเมื่อเจ้านายหันกลับมามอง                                                   รถยนต์เกียร์ออโต้ ขับไม่ยากหรอก เขาให้แพรพิศขับวนอยู่ในบริเวณบ้านนี้ก่อนให้ เธอให้เข้าเกียร์ ถอนเกียร์ ถอยหลังให้คล่อง แล้วค่อยพาเธอไปสอนขับนอกชานเมือง                                     เขาไม่ได้พูดคำพูดเหล่านี้ออกมา แค่คิดขึ้นมาในหัวเท่านั้น ก่อนจะถามคนทั้งสองแทนว่า "แล้วนี่ไม่มีอะไรทำกันหรือ"                        เขาแค่ถาม แต่เพราะเป็นคนบุคลิกอย่างที่แพรพิศว่าตลอด จึงทำให้แม่บ้านทั้งสองของเขา เข้าใจผิดว่าเขากำลังตำหนิพวกตน                   "มีค่ะ คุณอัคร จะไปทำกันเดี๋ยวนี้แหละค่ะ" จากนั้นก็พากันเดินกลับไปทำงานต่อในบ้าน                                                   อัคราหันกลับมามองหญิงสาวที่ขับรถผ่านตรงหน้าอีกครั้ง คราวนี้นัยน์ตาดำมืดลงด้วยความคิดวกวนที่ติดอยู่ในหัวมาตั้งแต่เช้า          แพรพิศรู้จักผู้ชายที่ชื่อภัทรได้อย่างไร                                           ทำให้เขานึกถึงข้อความที่ปรากฏบนโทรศัพท์ของเธอว่า 'แผลที่เข่าของแพรหายหรือยัง' แล้วก็นึกถึงวันที่พิมานถามเรื่องอาการบาดเจ็บที่เข่าของหญิงสาวอีก                                                                                    อัคราพยายามปะติดปะต่อเหตุการณ์เงียบๆ แพรพิศบอกพิมานว่าได้ไปทำ 'ธุระสำคัญ' ในตอนเย็นวันหนึ่ง แล้วเธอก็ได้แผลนั้นกลับมา จากนั้นผู้ชายคนนี้ก็ส่งข้อความมาถามเธอเรื่องอาการบาดเจ็บที่เข่าอีก                                                                                                ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่! แพรพิศรู้ด้วยใช่หรือไม่ ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคบหากับศรุตา ซึ่งก็คือน้องสาวต่างมารดาของเธอนั่นเอง              อัคราเผลอเท้าสะเอว ทอดสายตามองเด็กในความปกครองของตัวเองด้วยความเคลือบแคลงใจมากขึ้น     วันนี้เป็นอีกวันที่อัคราให้เธอฝึกขับรถให้คล่องขึ้น เขาบอกว่าจะพาเธอออกไปหาถนนแถบชานเมืองที่โล่งกว่าถนนในเมืองเพื่อให้เธอขับในระยะยาว โดยมีเขานั่งประกบไปด้วยเหมือนเดิม                               แพรพิศไม่ได้อิดออดเหมือนเมื่อวาน เพราะเขาดูจริงจังกับเรื่องการขับรถของเธอมาก เขาคงคำนึงถึงเรื่องงานมากกว่าเรื่องอื่นใด เลยต้องเคี่ยวเข็ญให้เธอขับรถให้คล่องให้ได้ อีกอย่างเธอก็ไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระเขามากมาย เมื่อรับงานเป็นเลขาฯเฉพาะกิจให้เขาแล้ว หญิงสาวก็ต้องทำออกมาให้ดีที่สุด                                                                         ขณะที่ขึ้นมานั่งในรถ หญิงสาวพลิกตัวกลับมาจ้องเขาตาเป๋ง       ชายหนุ่มถามทันที "มีอะไรรึเปล่า"                                                 "ไหนๆ เราจะออกไปแถวนอกเมืองเพื่อหาที่ฝึกขับรถ แพรอยากให้คุณพาแพรไปที่บ้านสวนได้มั้ยคะ พอใกล้จะถึงแพรจะเป็นขับเอง แพรยังจำทางไปบ้านสวนได้"                                                                        อัคราเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมา เธอไม่ได้บอกเขาไว้เมื่อวาน เลยไม่ได้อยู่ในแผนที่ที่เขาจะพาเธอไปหัดขับรถให้คล่อง แล้วน้ำเสียงเว้าวอนน่าสงสารนั้นยังเอ่ยมาให้เขาใจอ่อนอีก               "นะคะ แพรจากบ้านสวนตั้งแต่แม่พาออกมาในวันนั้น เราทิ้งทุกอย่างที่นั่นให้ป้าแก้วกับลุงสมัยดูแล แพรอยากกลับไปดูบ้าน ไปเยี่ยมป้าแก้วกับลุงหมัย"                                                              "ได้สิ" เขาอนุญาต ไหนๆ พวกเขาจะหาที่ให้เธอฝึกขับรถแล้วก็พาเธอแวะไปดูบ้านเลย อาจจะเปลี่ยนเส้นทางไปจากเดินกับที่เขาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก แพรพิศยิ้ม พลิกตัวกลับไปนั่งท่าทางเธอตื่นเต้นที่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน อัคราเองก็พลอยใจอ่อนในท่าทางที่ยังเหลือคราบเด็กแบบนั้น  ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง เมื่อใกล้จะถึงบ้าน แพรพิศก็เป็นคนขับเอง เธอลัดเลาะเลี้ยวไปตามถนนเส้นเล็กๆ ภายในหมู่บ้าน การตัดสินใจโดยไม่ลังเลบ่งบอกว่าเธอยังจำถนนทุกเส้นสายที่พาเธอกลับบ้านได้อยู่เสมอ ไม่เหมือนอัครา เขาไม่ได้มาที่นี่นานยี่สิบกว่าปี ตั้งแต่ที่ตัดขาดกับอรพิมตอนที่หญิงสาวอุ้มท้องเธอที่นั่งข้างๆ เขานี้เอง                              ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว แต่ก่อนถนนแถวนี้ยังเป็นแบบโรยด้วยกรวด สมัยที่ตามบิดามาติดต่อซื้อผลผลิตของขาวบ้าน  อัครานิ่งปล่อยให้ภาพอดีตซ้อนทับภาพปัจจุบันไปเรื่อยๆ กระทั่งเธอเลี้ยวรถเข้าถนนเส้นเล็กที่เป็นถนนส่วนบุคคล ผ่านสวนผลไม้ ทั้งมะพร้าว ลิ้นจี่ สวนกล้วย แต่ละสวนจะมีร่องน้ำกว้างประมาณสองเมตรล้อมรอบ ภายในบริเวณนี้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ปกคลุม แล้วถนนเส้นนี้ก็พาพวกเขาเข้ามาภายในบริเวณบ้านหลังหนึ่ง                เป็นบ้านสองชั้นครึ่งไม้ ครึ่งปูน สมัยนั้นที่เขามาบ้านหลังนี้ยังเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่มีใต้ถุนสูงไว้สำหรับยกของหนียามน้ำท่วมอยู่เลย   หญิงสาวจอดรถแล้ว เมื่อเห็นบ้านน้ำตาก็คลอขังขึ้นมา เธอคิดถึงบ้านจับใจเลยทีเดียว                                                                 มีเสียงสุนัขเห่าดังระงมไปทั่ว สุนัขพันธ์ไทยหลังอานวิ่งออกมาเห่าเหมือนพากันคุมเชิงไม่ให้ใครเข้ามาในบริเวณนี้ได้ ก่อนที่หญิงชราวัยหกสิบกว่าปี รูปร่างผอมสูงจะวิ่งออกจากในบ้านมา ทำท่าเมียงมองมายังรถเก๋งคันสีขาว แพรพิศรีบเปิดประตูรถลงไปทันทีด้วยรอยยิ้ม อัคราก็ลงจากรถติดๆ กัน   หญิงชราผู้นั้นมองที่หญิงสาว ด้วยความพิศวง คับคล้ายว่าจะใช่แต่ก็ไม่แน่ใจนัก กระทั่งเธอเรียกขานว่า                                          "ป้าแก้ว หนูเองแพรจ้ะป้า"                                               "หนูแพร!" แล้วรีบเดินเข้ามาหา แล้วลูบเนื้อลูบตัวหญิงสาวราวกับไม่เชื่อสายตา "ตายแล้วโตเป็นสาวจนป้าจำไม่ได้" ก่อนจะหยุด มองไปที่ชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวดีอีกคน "แล้วนั่น...ผัวหนูเหรอ"     "ไม่ใช่ค่ะ ป้าแก้ว!" หญิงสาวปฏิเสธลั่น พร้อมกับหันไปมองเขาด้วยความเกรงใจเล็กน้อย "ไม่ใช่ เขาเอ่อ เป็นเจ้านายแพรค่ะ" คนแก่ทำหน้าตาอมยิ้มพราว ราวกับไม่ค่อยอยากเชื่อ เพราะเห็นมาว่ากันสองต่อสองคิดว่าหญิงสาวอาจจะอาย เลยไม่บอกตนตรงๆ แล้วผู้อาวุโสก็ตัดบทว่า "ไป เข้าไปในบ้านก่อน หนูมาวันนี้ก็ดีแล้ว ป้ามีเรื่องจะปรึกษาหนูด้วย"                                                                                    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD