"คุณอัครคะ มีแขกมาขอพบค่ะ"
อัคราเงยหน้าจากหน้าจอแล็ปท็อป ดวงหน้าคมคร้ามมีทั้งแววสงสัยและไม่สบอารมณ์ที่ถูกรบกวนในเวลาที่ต้องใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับงานมากมายตรงหน้า
"ใคร"
"เธอบอกว่าชื่ออรพิม มากับลูกสาวคนหนึ่ง"
อัคราใช้ความคิดนึกไปถึงผู้หญิงที่ชื่อ อรพิม ในชีวิตของเขามีผู้หญิงกี่คนกันที่เขารู้จักด้วยชื่อนี้...หรือจะเป็นเธอ!
"ฉันไม่อนุญาตให้เธอมาพบ" ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงขรึมจัด ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาที่หน้าจอสี่เหลี่ยมสว่างจ้าตรงหน้าอีกครั้ง
"เอ่อ" สินี แม่บ้านของที่นี้มีท่าทางหนักใจ
ทำให้ชายหนุ่มเลื่อนสายตาขึ้นมาถามอีกครั้ง "มีอะไรอีก"
"เธอฝากป้ามาบอกคุณอัครอีกว่า เธอรู้อยู่แล้วว่าคุณอัครต้องปฏิเสธไม่ให้พบ เธอจึงบอกว่าจะไม่ไปไหน เธอและลูกสาวจะรอจนกว่าจะได้พบคุณอัครค่ะ"
แววตาของอัครามีสีเข้มด้วยความไม่พอใจ เขาระบายลมหายใจทิ้ง จากนั้นก็ไม่เอ่ยอะไรกับแม่บ้านอีก แล้วกลับมาสนใจกับงานที่ปรากฏตรงหน้าแทน
และเมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไร สินีจึงเป็นฝ่ายถอยออกจากห้องหนังสือนี้ไปเสียเอง
เมื่อไร้เงาแม่บ้านของที่นี่ อัคราก็อ่านรายงานที่ปรากฏตรงหน้าอีกเพียงครู่ ดวงหน้าของหญิงสาวหน้าตาสะสวยในวัยยี่สิบปีค่อยๆ ผุดขึ้นมาอย่างเลือนลาง และเริ่มแจ่มชัดขึ้นมาทุกขณะ จนเขาต้องส่ายหน้าไปมาอย่างไม่สบอารมณ์
อรพิม! ผู้หญิงที่ทรยศหักหลังเขา มาขอพบเขาพร้อมกับลูกสาวที่เป็นลูกของเธอและผู้ชายคนนั้น นี่เธอยังจะมีหน้ามาเจอเขาอีกหรือ เขาทั้งตัดขาด ตัดสวาทจากเธอไปนับตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอได้ตั้งท้องกับผู้ชายคนอื่น จากกันตั้งแต่วันนั้นเขาก็ทำเหมือนว่าเธอได้ตายไปจากเขาแล้ว
‘หมายความว่ายังไง พิมพ์’
ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาถามเสียงสั่นเครือเมื่อพบกับความจริงอันปวดร้าวตรงหน้า หญิงสาวอยู่ในชุดนักษาเหมือนกัน เธอกำลังก้มหน้าร้องไห้ แล้วบอกประโยคที่แสนจะโหดร้ายกับเขาว่า เธอกำลังตั้งท้อง ท้องทั้งๆ ที่กำลังคบหาอยู่กับเขา ที่สำคัญ ท้องทั้งที่ตลอดเวลาที่คบหาดูใจกันมา เขาไม่เคยล่วงเกินเธอไปมากว่าการจับมือ กอด และหอมแก้มเลย
ชายหนุ่มทำท่าไม่เชื่อ จับบ่าบางทั้งสองของเธอพร้อมกับเขย่าตัวเพื่อคาดคั้นให้เธอเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขาให้รู้เรื่อง “พิมพ์ท้องกับใคร บอกมานะ บอกมา!”
แล้วเธอก็เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาจึงปล่อยสองมือออกจากบ่าทั้งสอง หันหลังกลับไประงับความโกรธ ความเสียใจอย่างแสนสาหัส ตลอดเวลาเขาเฝ้าดูแลเธอแทบไม่ห่างสายตาในฐานะคนรัก คอยตามรับตามส่งถึงหอพัก พาไปดูหนังและกินข้าวตลอด แล้วเธอเอาเวลาไหนไปนอกใจเขาจนได้!
ภาพจำตรงสวนสาธารณะกลางกรุงเทพฯ ในยามหัวค่ำ กับชายหนุ่มที่กรีดร้องออกมาอย่างบ้าครั้ง ก่อนจะวิ่งไปต่อยต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าเพื่อระบายความโกรธแค้นผิดหวัง แทนการทำร้ายร่างกายผู้หญิงที่เขาทั้งรักและบูชาเธอมาตลอด!
อรพิมปล่อยตัวปล่อยใจให้กับผู้ชายคนอื่น เธอนอกใจ ทรยศ หักหลังเขา จากนั้นเขาก็แทบไม่อยากจะเห็นหน้าผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า สองใจพรรค์นั้นอีกแล้ว!
เสียงฟ้าร้องที่ดังก้องสะท้านไปทั่วท้องฟ้า ปลุกให้อัคราหวนกลับมาอยู่กับเหตุการณ์ปัจจุบัน กับหน้าจอคอมพิวเตอร์และเอกสารมากมายที่เขาต้องอ่านและเซ็นกำกับ
จากนั้นชายหนุ่มในวัยสามสิบสามปีก็ได้ปล่อยลมหายใจยาวเหยียด ขับไล่ภาพผู้หญิงสองใจคนนั้นไปให้พ้นๆ หน้า พยายามใช้สมาธิให้กลับมาจดจ่อกับงานอีกครั้งให้ได้
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องกับเสียงสายฝนโปรยปราย เวลานั้นประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดออกอีกครั้ง สินีแม่บ้านผู้รู้ใจได้เดินมาด้วยสีหน้าร้อนรน แล้วเอ่ยอีก
"คุณอัครคะ เธอยังไม่ยอมไปไหน ยังนั่งอยู่ที่เดิมค่ะ ฝนฟ้าตกหนักแบบนี้ น่ากลัวว่าจะปักหลักอยู่ตรงนั้นกันทั้งคืนแน่ค่ะ"
"ผู้หญิงแบบนี้ ทนได้ไม่นานหรอก ป้าไม่ต้องห่วง"
"ป้าไม่ได้ห่วงผู้ใหญ่ค่ะ" สินีบอกอย่างเหลืออด อัคราเงยหน้าขึ้นมาสบตาหล่อนอีกครั้ง
"ที่ป้าห่วงคือเด็กต่างหาก คุณอัครอนุญาตให้พวกเขาเข้ามาหลบฝนในบ้านก่อนเถอะนะคะ ไม่เห็นแก่แม่ ก็เห็นแก่ลูกสาวเถอะค่ะ ตัวเล็กผอมบาง หน้าตาซีดเซียว ขืนให้ตากฝนต่อไปอีก กลัวจะไม่สบาย นะคะคุณอัคร ป้าเวทนาเด็กคนนั้นเหลือ..."
"ตามใจ ป้าจะทำอะไรก็ตามใจ แต่พรุ่งนี้ก็ช่วยจัดการให้พากันออกไปจากบ้านนี้ด้วยก็แล้วกัน" อัคราตัดบทอย่างรำคาญ
สินียิ้มกว้างด้วยความดีใจ ตนไม่รู้หรอกว่าเจ้านายเคยมีเรื่องอะไรกับผู้หญิงที่ชื่ออรพิมคนนั้น แต่ดูท่าทางคุณอัครจะโกรธและใจแข็งมาก ถ้าตนไม่เอาเรื่องเด็กขึ้นมาพูด ท่าทางจะปล่อยให้ยืนตากฝนที่ประตูรั้วบ้านจริงๆ แต่ช่างเถอะ เป็นเรื่องของเจ้านาย ตนได้ช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้นไว้ก็พอแล้ว
เมื่อเจ้านายหนุ่มเอ่ยปากอนุญาต สินีจึงรีบเดินออกจากห้องทำงานนี้ไปทำหน้าที่ของตนต่อไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานสินีก็พาแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาส่งถึงห้องพักที่จะให้สองแม่ลูกคู่นี้พักอาศัยก่อนหนึ่งคืน ห้องนี้เป็นห้องพักของคนรับใช้คนหนึ่งที่เพิ่งลาออกกลับไปดูแลบิดาที่ป่วยติดเตียง ตนจึงพาทั้งสองคนมาพักที่นี่ก่อน
"คืนนี้ คุณกับลูกก็พักอยู่ที่นี่กันก่อนนะ" เอ่ยพร้อมกับเปิดประตูห้องพักให้
ทำให้อรพิมเห็นสภาพของห้องตรงหน้า ที่ภายในดูกว้างขวางและสะอาดสะอ้าน จนเหลือเฟือที่จะให้เธอและลูกสาวอยู่ที่นี่ แม้ว่าเขาไม่ได้ต้อนรับเธอและลูกด้วยห้องพักที่หรูกว่านี้ก็ตาม แต่แค่นี้ก็ทำให้อรพิมพอใจแล้ว
หญิงสาวรีบยกมือไหว้ผู้อาวุโสทันที “หนูขอบคุณป้ามากที่ช่วยคุยกับอัครให้”
สินีรับไหว้แล้วบอกอีก “รีบพาลูกสาวเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ดูสิเปียกหมดแบบนี้ปล่อยไว้เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้” แล้วก้มมองดูกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ผู้หญิงคนนี้ลากมาด้วย หวังว่าข้าวของเครื่องใช้ข้างในจะไม่เปียกไปหมดนะ “มีอะไรขาดเหลือก็เรียกป้าได้นะ ห้องของป้าอยู่ใกล้ๆ นี่เอง”
อรพิมบอกให้ลูกสาวยกมือไหว้ผู้อาวุโสตรงหน้าอีกครั้ง จากนั้นสินีก็เดินกลับออกไป
อรพิมพาลูกสาวเข้ามาในห้อง เปิดกระเป๋าค้นหาเสื้อผ้าให้ลูกสาว “แพรไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแม่นะ” แล้วยื่นชุดใหม่ให้ลูกสาวรับไป
‘คืนนี้คุณอัครอนุญาตให้คุณและลูกเข้ามาหลบฝนในบ้านก่อนได้ แต่พรุ่งนี้เช้าก็ต้องรีบพากันกลับไปนะ’
เสียงของป้าแม่บ้านดังขึ้น ตอนที่เดินไปรับตัวเธอและลูกสาวให้เข้ามาพักหลบฝนที่นี่ก่อนหนึ่งคืน ถ้อยคำที่เขากำซับผ่านป้าแม่บ้านผู้นี้มาทำให้อรพิมรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นอัคราไม่เคยลืมเรื่องที่เธอทำเอาไว้กับเขาเมื่อในอดีต และก็ไม่เคยให้อภัยเธอได้เลยสักครั้งด้วย ‘อัคร จนป่านนี้คุณยังโกรธ ยังเกลียดพิมพ์ไม่หายอีกหรือคะ’
อรพิมตัดพ้อพร้อมกับน้ำตาที่ทำท่าจะไหลรินอีกครั้ง เธอรีบปาดน้ำตาทิ้งด้วยกลัวว่า ลูกสาวจะหมุนตัวกลับมาเห็นเข้า แม้เขาจะโกรธ จะเกลียดเธอปานใด แต่อรพิมก็เชื่อว่า ไม่นานหรอก ความโกรธ ความเกลียดในใจของเขาจะมลายหายไปสิ้น อรพิมนึกพร้อมกับทอดมองไปทางด้านหลังลูกสาวที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำตรงหน้า
รถยูเอสวีสีดำคันหนึ่งได้จอดเทียบอยู่หน้ามุกของตึก ชายหนุ่มร่างสูงที่มีเสื้อนอกพาดแขนกำลังเดินอย่างเร่งรีบไปที่รถคันนั้น โดยมีสายตาของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนจับตามองเขาอยู่ทุกฝีก้าว ท่าทางเขาดูรีบออกจากบ้าน จะด้วยเพราะมีธุระหรือต้องการหลบหน้าเธอก็ไม่ทราบไม่
อัคราชายหนุ่มวัยสามสิบสามปีทายาทเจ้าของบริษัทน้ำผลไม้ชื่อดังของไทย เขาเป็นคนหนุ่มท่าทางภูมิฐานและมีใบหน้าคมคาย จึงเป็นที่หมายปองของผู้หญิงมากมาย และเมื่อสิบกว่าปีก่อน หากเธอไม่เป็นฝ่ายทรยศหักหลังเขาก่อน ป่านนี้ผู้หญิงที่กุมหัวใจของเขาคงยังเป็นเธออยู่
ขณะที่มัวแต่คิดถึงอดีต สำนึกหนึ่งก็เตือนเธอว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะพล่ามหาอดีตในฐานะคนรักเก่าของเขาอีกแล้ว เธอมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเพื่อแพรพิศลูกสาวคนเดียวของเธอ ช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว…
อรพิมรีบปาดน้ำตาออกจากแก้ม เดินออกจากพุ่มไม้ที่ใช้เป็นที่กำบังตัวแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาร่างสูงที่เตรียมจะก้าวเข้าไปนั่งในรถทันที
"อัครคะ! อัคร"
เสียงเรียกที่ดังพร้อมกับเสียงฝีเท้าตึกๆ ที่ใกล้เข้ามาทำให้อัคราชะงัก แต่เขายังทำท่าจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถอีก ทว่า...
“อัครคะ ฟังพิมพ์พูดก่อนได้มั้ย” เสียงที่ดังพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เข้ามาหยุดอยู่ด้านหลัง อัคราไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เป็นครั้งสุดท้าย พิมพ์ขอสัญญาว่า จากนี้ไปจะไม่กลับมาพบหน้าคุณอีกแล้ว”
เธอหมายความว่าอย่างไร เธอจะพูดกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะแฝงความนัยประหลาดๆ แต่ความหมายของคำพูดจากผู้หญิงคนนี้ ก็ทำให้อัครายอมหมุนตัวกลับไปหาเธออย่างช้าๆ ด้วยแววตาที่ว่างเปล่าเพียงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้งในรอบสิบสี่ปี ทำให้อัคราเห็นความแตกต่างของหญิงสาวตรงหน้าได้ชัดเจนเหลือเกิน
สภาพของอรพิมยามนี้ ดูทรุดโทรมลงอย่างน่าใจหาย จากกันคราวนั้น เธอกำลังตั้งท้องได้สี่เดือน ผิวพรรณจึงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ดวงหน้าหวาน ดวงตาเปล่งประสายสุกใส แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม เธอผอมแห้ง ผิวพรรณซูบซีด อีกทั้งแววตาทั้งสองก็ดูหม่นหมองลง ทำให้อัครายิ่งแปลกใจ
อรพิมพยายามยิ้ม แล้วเอ่ย “ฟังพิมพ์หน่อยได้มั้ยคะ”
“แล้วที่ผมทนยืนอยู่ตรงนี้ ยังไม่เรียกว่ายอมฟังอีกหรือ”
อรพิมเม้มริมฝีปาก สายตาเขาจ้องมองนิ่งๆ ไม่เท่ากับวาเชือดเฉือนที่เขามีให้ เธอพยายามยิ้มเพื่อเรียกกำลังใจของตัวเองกลับมา แม้มันจะเหือดแห้งไปก่อนหน้า เพราะท่าทีอันเย็นชาที่ชายหนุ่มคนนี้มีให้เธอ
“พิมพ์มาพบคุณที่นี่เพื่ออยากจะขอร้องคุณเป็นครั้งสุดท้าย พิมพ์ขอฝากยัยแพรให้คุณช่วยดูแลต่อได้มั้ย”