บทนำ///บีบคั้น

2302 Words
...เผียะ! ...  "ต้าเกอ...ฮือ...อย่าตีข้าเลยได้โปรดเถอะ...ฮือ...ข้ายังมิอยากออกเรือน...ศพท่านแม่เพิ่งฝังไปขอข้านั้นได้ไว้ทุกข์ให้ท่านแม่อีกสักหนึ่งหนาวเถิด...ฮือ...ต้าเกอเมตตาเฝิงซีด้วย...ได้โปรดเมตตาน้องสาวผู้นี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ..."  กายอวบอิ่มทว่ามิได้อ้วนกลม นางเพียงมีน้ำมีนวลสมวัยดรุณีแรกผลิเท่านั้น หาได้ถึงกับอ้วนตันเกินงาม นางกำลังก้มลงโขกศีรษะยังเท้าหนาของบุรุษที่นางเอ่ยเรียกเขาว่า ‘ต้าเกอ1’ ซึ่งนางนั้นเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด มิต่างจากลูกนกเปียกฝนจนหนาวสะท้าน สาวน้อยสวมอาภรณ์ไว้ทุกข์ตามประเพณีของชาวเทียนหนิงครบชุดใบหน้านั้นซีดขาวมีน้ำตาเต็มสองแก้ม  "อย่ามาดีดดิ้นมากมายากับข้าเฝิงซี! ...ข้ามิใช่ท่านพ่อที่จะหลงกลมารยาของพวกเจ้า แม่นังเด็กไร้ค่าท้ายจวน! "  ร่างสูงใหญ่ของบุรุษหนุ่มวัย 31 หนาว นามว่า 'กู้หยวนจิ้ง' เอื้อมมือลงไปจิกกระชากเส้นผมยาวสลวยของผู้ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวหากแต่ต่างมารดา ที่ดูแล้วเช่นไรวัยของนางย่อมไม่เกิน 16 หนาวอย่างแน่นอน ซึ่งนางก็แหงนเงยตามแรงกระชากจนเผยให้เห็นน้ำตาน้ำมูกเต็มใบหน้า เห็นแล้วช่างน่าสมเพชเวทนาอย่างยิ่ง  ทว่าคงมิใช่กับบุรุษผู้นี้ที่จะมีให้แก่ผู้เป็นน้องสาว ถึงตลอดมานับแต่นางจำความได้ ชีวิตของบุตรสาวที่กำเนิดจากอนุภรรยาคนที่ 4 ในจวนสกุล ‘กู้’ ส่วนนามของนางนั้นก็คือ 'กู้เฝิงซี' ดรุณีน้อยวัย 16หนาว ผู้แสนจะอาภัพ เพราะนับตั้งแต่นางจำความได้ชีวิตคุณหนูแปดกู้ กลับมิเคยสบาย ต้องทุกข์ยากเพราะถูกมารดาใหญ่และเหล่าพี่น้องร่วมบิดา รังแกโขกสับมาอย่างแสนสาหัส หากแต่กลับยังมิเคยจะมีครั้งใดมันจะหนักหนาเท่ากับในวันนี้ นางซึ่งนอกจากเด็กสาวจะถูกทุบตีจนแผ่นหลังปวดคล้ายจะหัก กลับยังไม่พอ หากแต่ยังมีบางสิ่งที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง!  ...เพราะสำหรับคุณหนูสกุลอื่น หากจะมีเรื่องมงคลเช่นการออกเรือนย่อมน่ายินดี ทว่าไม่ใช่ในเหตุการณ์ที่นางกำลังเผชิญ เพราะอันใดนะหรือ? …ก็เพราะพี่ชายคนโตของนาง ต้องการให้นางตกแต่งออกเรือนไปอยู่ต่างแคว้น เพื่อแลกกับสินสอดเป็นทองคำบริสุทธิ์เท่ากับน้ำหนักตัวของนางอย่างไรเล่า! ...  ...บัดซบ! ...  ด้วยเหตุว่าบิดาของนางมาด่วนจากไปตั้งแต่สองหนาวก่อน จวนกู้จึงตกเป็นของบุตรชายคนโต นั่นก็คือกู้หยวนจิ้งที่กำลังทุบตีทรมานนางอยู่ขณะนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นคุณชายใหญ่กู้แล้ว เขาก็ยังเป็นนายอำเภอกู้อีกด้วย ทว่าความโชคร้ายนี้นางกลับต้องยอมรับมันเพียงผู้เดียว ทั้งที่เพิ่งจะสูญเสียมารดาไป  ก็เพราะว่าในจวนสกุลกู้ นับจากบิดาตายลงเหล่ามารดาเลี้ยงและพี่น้องคนอื่น ล้วนแยกย้ายกันไปจนสิ้นแล้ว จะเหลือก็แต่นางกับมารดาที่ไม่มีญาติพี่น้อง หรือบ้านเดิมของฝ่ายมารดาที่ไหนให้ได้กลับไปอีกนอกจากจะต้องอดทนอยู่ให้ใต้เท้ากู้ผู้เป็นพี่ชายคนโตกับสะใภ้ใหญ่โขกสับจิกศีรษะใช้ไปก็เท่านั้น  ซึ่งต่อให้อยู่อย่างยากลำบากมิต่างจากสาวใช้ พวกนางสองแม่ลูกก็จำต้องอดทน ทว่าเมื่อสามวันก่อนมารดาของนางเกิดเป็นลมจนใบหน้าคว่ำลงไปยังถังซักล้างในขณะกำลังซักเสื้อผ้า ผ่านไปราวสามเค่อ กว่านางจะได้ไปพบท่าน แม่ของนางจึงถึงแก่ความตายมิคาด วันนี้พี่ใหญ่ของนางกลับจะบีบบังคับให้นางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวตกแต่งให้แก่อดีตคู่หมั้นของพี่สะใภ้ ทั้งที่ศพมารดาเพิ่งถูกฝังดินปากหลุมมิทันจะแห้งเช่นนี้  ...หากมิสบถว่าบัดซบแล้วจะสบถคำใดที่สาแก่ใจไปได้อีกกันเล่า? ...  "ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะต้าเกอ….ต้าซ้อ2…ขอเวลาให้ข้าได้ไว้ทุกข์ให้ท่านแม่สักหนึ่งหนาวก่อนจะได้หรือไม่เล่าเจ้าค่ะ แล้วหลังจากนั้นต้าเกอกับต้าซ้อจะส่งข้าไปที่ใดก็จะมิขัดขืนเลยเจ้าค่ะ....ได้โปรด...ฮือ...เมตตาเฝิงซีด้วย...เมตตาด้วย"  กายอวบอิ่มนางยังคงส่งน้ำเสียงวิงวอนขอความเมตตาไม่หยุด และกำลังพยายามอย่างยิ่งที่เก็บซ่อนเอาก้อนสะอื้นผสมกับน้ำมูกน้ำตาเอาไว้ แต่ทว่านางยิ่งพยายามมันกลับพาให้คำพูดจานั้นฟังไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย ไอ้น่าสงสารนั้นน่ะมันก็มีมาก แต่ก็ต้องแบ่งเอาไว้อีกส่วน ก็เพราะบัดนี้ความโลภกับความกลัวต่ออำนาจขององครักษ์หลวงป้ายทองคำที่ยิ่งใหญ่ในเทียนหนิง มันมีมากเกินจะเห็นใจเด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องที่เห็นนางมาตั้งแต่เกิดไปจนหมดสิ้น  “ท่านพี่”  สตรีในวัย 25 หนาว เกรงว่าสามีจะใจอ่อน แล้วสินสอดค่าตอบแทนที่อดีตชายคนรักหยิบยื่นให้ เป็นทองคำเท่าน้ำหนักตัวของนังเด็กโง่เง่าตัวอวบผู้นี้จะปลิวหาย ‘จ้าวอ้ายฉี’ นางจึงต้องส่งสายตาตักเตือนเขาเอาไว้ก่อน จากนั้นนางก็เร่งเป็นผู้ลงมือเสียเอง  "ช่างกล่าววาจาตอแหลได้จริงใจยิ่ง! มิใช่เจ้าคิดวางแผนจะลักลอบหนีไปกับเจ้าคนขับรถม้าผู้นั้นหรือไร…ถุย…จะไว้ทุกข์ให้ท่านแม่…ตอแหลทั้งเพ! "  นางเร่งสุมไฟเติมเชื้อทั้งที่มิมีมูลความจริง ก็นอกจากสินสอดของหมั้นจากสกุลอู๋ นางมิต้องส่งคืนเพราะตนเองดันผิดสัญญา แล้วกลับจะได้เพิ่มมาอีกเป็นทองคำมูลค่ามิใช่น้อย ด้วยน้ำหนักตัวของน้องสาวคนที่แปดของสามี นามกู้เฝิงซีผู้นี้ นางก็คงมิได้จะเบาบางดังสำลีเสียเมื่อใด จ้าวอ้ายฉีนางจะต้องสร้างเรื่องให้สามีเร่งส่งนังเด็กหน้าขาวซีดเซียว ราวกับซากศพผู้นี้ไปยังจวนสกุลอู๋แต่โดยเร็วที่สุด  …ยิ่งมองร่างอวบจ้าวอ้ายฉี นางก็ยิ่งแลเห็นแต่หีบที่บรรจุทองคำล้ำค่า ก็ดูจะมาเพิ่มในห้องเก็บสมบัติของนางมากกว่าหนึ่งหีบอย่างแน่แท้….  “ต้าซ้อ…ฮือ…ข้ามิเคยรู้จักคนขับรถม้าที่ท่านกล่าวถึงเลยนะเจ้าค่ะ”  ….เผียะ! ....เผียะ! ...  จ้าวอ้ายฉีเร่งฟาดฝ่ามือใส่ ด้วยเกรงว่าน้องของสามีจะปูดความจริงออกมาจนหมด เช่นนั้นทองคำ…ก็ลอยหายเสียแล้ว ที่สำคัญ...เจ้าคนขับรถม้าที่นางกล่าวอ้าง ที่แท้กลับเป็นชู้รักผู้หนึ่งของนางนั่นเอง...หาใช่ของน้องสามีแต่อย่างใด! ...  “นังคนวาจาแสนจะตอแหล! ...กินกับปากอยากอยู่กับท้องเจ้ายังจะมาโกหก!”  …ฉาด! ...  …ฉาด! ...  ….ตึ่ง! ...  "กรี๊ด! ...ต้าซ้อเมตตาด้วย…ต้าเกอ…เมตตาเฝิงซีด้วย…ฮือ…โอ๊ย!”  กู้เฝิงซีถูกตบแล้วตบอีกจนนางมึนเบลอไปหมด สุดท้ายร่างอวบอิ่มของนางก็ถูกเหวี่ยงโครมลงไปบนพื้นไม้เย็นเฉียบ ทั้งเจ็บและจุกจนไม่อาจกระเสือกกระสนหนีจากนางมารชั่วช้าที่มาในคราบของพี่สะใภ้ ซึ่งกำลังแทบจะเข้ามาฉีกทึ้งร่างกายของนาง จนเนื้อและกระดูกแยกออกจะกันเป็นชิ้น ๆ อยู่แล้ว โดยมีผู้เป็นพี่ใหญ่ของนางยืนมองด้วยสายตาเรียบเฉยไร้ปรานี  "ได้โปรดหยุดเถิด…ฮือ…อย่าตีข้าอีกเลย…อย่าตี...ฮึก...ฮือ...ข้าเจ็บ...ข้าเจ็บ...โอ๊ย!”  กู้เฝิงซีนางยังพยายามจะวอนขอความเมตตาทั้งที่นางย่อมรู้โอกาสแทบไม่มี แล้วสิ่งที่ตอบแทนคำวิงวอนไร้ค่าของเด็กสาว กลับเป็นปลายเท้าของพี่สะใภ้ที่กระทืบลงมาเต็มแผ่นหลังจนนางจุกน้ำตาหลั่งริน  "หึ! ...อยากให้ข้าปรานีเช่นนั้นหรือ….ได้! ...เพียงเจ้ายินยอมขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวในอีกเจ็ดวันต่อจากนี้แต่โดยดี…ข้าก็จะเมตตาเจ้า…นังซีดเฝิงซี! "  ร่างงดงามเฉิดฉายก้าวเข้ามาหา 'ตัวผลิตทองคำ' หลังจากที่ประเคนฝ่าเท้าลงบนแผ่นหลังจนสาแก่ใจ แล้วก็กระชากเส้นผมนางจนใบหน้าเชิดสูงแล้วเอ่ยวาจาเนิบช้าย้ำชัดเจน ดวงตานั้นหรือก็เหี้ยมโหดทั้งที่ในท้องของนางนั้นมีเด็กอาศัยอยู่ในครรภ์โดยแท้  …เช่นไรทองคำนางก็จะเอาให้ได้! ...ส่วนตัวของเจ้าของทองคำนั้น ขอให้นางคลอดเจ้ามารหัวขนในท้องออกไปเสียก่อน นางย่อมจะไปทวงคืนมิรอเวลาอีกเป็นแน่  ส่วนกายสูงใหญ่ของผู้เป็นพี่ชายคนโตที่กำลังก้าวเข้ามายืนย้อนแสง จนเกิดเงาที่น่ากลัวจนกู้เฝิงซีที่ถูกทุบตีมากว่าสามชั่วยาม นางถึงกับตัวสั่นเทา ยิ่งนางเห็นเขารับเอาต้นหวายขนาดเท่านิ้วโป้งกับความยาวมิใช่น้อยมาถือ แล้วแสร้งตวัดมันแหวกไปในอากาศ เด็กสาวก็ยิ่งขวัญเตลิดตื่นกลัวยิ่งกว่าได้พบเห็นปีศาจร้ายที่เริ่มผุดขึ้นมาจากขุมนรก เพื่อสังหารพรากเอาดวงวิญญาณของตนเองก็ไม่ปานกระนั้น!  "ท่านพี่ช้าก่อน..."  จ้าวอ้ายฉีเร่งห้ามสามีเพราะหากเขาลงมือเฆี่ยนย่อมบังเกิดรอย เพราะนางดูก็รู้ว่าอู๋เหล่ยนั้นถูกตาต้องใจ ชมชอบนังเด็กอ้วนอัปลักษณ์เฝิงซีนี้มาก นางยังมิอยากเสี่ยงมีเรื่องขัดใจกับคนอำมหิตเช่นองครักษ์หลวงผู้นั้น โดยเฉพาะคนผู้นั้นย้ำหนักแน่นว่านังเด็กขี้ริ้วผู้นี้จะต้องไร้รอยขีดข่วน ปลอดภัยในวันที่ส่งตัวนางไปยังจวนสกุลอู๋ เช่นนั้นแล้วจ้าวอ้ายฉีจึงยังมิอยากเสี่ยงจะสูญเสียทองคำที่มารออยู่ถึงปากประตูจวนไป  “ข้ามีวิธีที่ดีกว่าซึ่งจะทำให้นางบอบช้ำจนเสียราคานะเจ้าค่ะท่านพี่”  ถึงกู้หยวนจิ้งจะสอบจนได้เป็นนายอำเภอ ทว่าเบื้องหลังก็ล้วนมีบิดาผู้ล่วงลับคอยสนับสนุน ถึงไม่เข้าขั้นโง่ ทว่าด้วยนิสัยรักการพนัน บัดนี้ทรัพย์สินที่บิดาทอดทิ้งเอาไว้ให้มากมาย ถึงยังไม่หมดทว่าก็เหลือไม่มากแล้วเช่นนั้น ที่ผู้เป็นภรรยารักเสนอเอาน้องสาวที่ไร้ค่าเก็งกำไร เขาจึงเห็นดีเห็นงาม ก็ผู้ใดจะมิชมชอบสินสอดของหมั้น ที่เขาต้องชดเชยให้แก่อดีตคู่หมั้นของภรรยาก็มิต้องจ่าย แถมยังจะได้ทองคำเท่ากับน้ำหนักตัวของเจ้าสาวมาอย่างโชคดีดังกับเล่นพนันชนะเช่นนี้ หากเขามิเร่งคว้าเอาไว้นั่นจึงเรียกว่าเขาโง่เง่าแท้จริงแล้ว  ...เขามิได้โหดร้ายต่อน้องสาวร่วมสายเลือด ทว่าเขาเพียงรู้จักแปรเปลี่ยนสิ่งของไร้ค่าในจวน ให้มากค่าราคาสูงก็เท่านั้น...  ก็ดูเอาเถิด น้องสาวผู้นี้ถึงมิได้นับว่าขี้ริ้วขี้เหร่มากนัก ทว่าก็ยังห่างไกลคำว่าเป็นสาวงามเช่นนั้น ต่อให้เขาส่งนางไปขายให้แก่เถ้าแก่ที่หอนางโลม ยังมิอาจทราบได้ว่าจะมีราคาถึงร้อยตำลึงทองหรือไม่ แล้วนี่เจ้าคนโง่แซ่อู๋จ่ายค่าสินสอดเป็นทองคำเท่าน้ำหนักตัวของนาง ก็นับว่าเขายิ่งกว่าเขามีโชคแล้ว  “ทุบตีไปนางก็มีแต่จะบอบช้ำ หากแต่…”  จ้าวอ้ายฉีนางขยับไปหยิบเข็มที่บังเอิญวางอยู่ในสายตาของนางขึ้นมาชูให้สามีตนเองดู กู้หยวนจิ้งเห็นเข้าก็ยิ้มเย็นทันใด  “ดี! ...”  เขาพูดออกมาคำหนึ่งแล้วสะบัดมือสั่งการบ่าวชาย ให้จับร่างของน้องสาวตรึงไว้จนศีรษะแนบไปกับพื้นเรือนต่อจากนั้นผ่านไปสองเค่อ เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจากเข็มอันแหลมคมก็จึงสงบลง เด็กสาวดูสภาพบอบช้ำอย่างยิ่ง นอนหายใจแผ่วเบาที่พื้น ดูสิ้นหวังไปแล้วจนสิ้น  “ก็เท่านี้เอง…หากเจ้ายินยอมเสียแต่แรก…ก็ไม่ต้องเจ็บตัวมากถึงเพียงนี้หรอกเฝิงซี”  กู้หยวนจิ้งเอ่ยแล้วตบแก้มของน้องสาวเบา ๆ ก่อนจะสั่งให้สาวใช้กับบ่าวชายอีกสิบกว่าคน เฝ้าเรือนหลังเล็กนี้เอาไว้ให้ดี รอคอยส่งตัวนางไปแลกกับทองคำจากจวนสกุลอู๋ในอีกสามวันข้างหน้า  กู้เฝิงซีที่เจ็บปวดร้าวระบมไปทั้งร่าง พยายามจะพยุงกายลุกขึ้นนั่งให้ดี ทว่าสุดท้ายก็มิอาจทานทนต่อความเจ็บปวดได้ จึงต้องทรุดลงนอนแน่นิ่งกองอยู่กับพื้นไปเช่นเดิม เพราะ...หนึ่งนางสิ้นแรงแล้วจริงแท้  กับสองนางก็ยิ่งสิ้นแรง…เพราะสุดท้ายไม่ว่านางจะยอมในวันนี้หรือจะยอมในวันหน้า นางก็มีสิทธิ์ทำได้เพียงต้องจำทนยินยอมเท่านั้น สตรีในห้องหอเช่นนางจะหนีไปที่ใดได้กัน เพราะสิทธิ์ในกายของนางเมื่อสิ้นบิดาก็มีแต่พี่ชายคนโตที่จะชี้ขาดอนาคตสามีให้ตนเองเท่านั้น  ก็บุตรสาวที่กำเนิดจากอนุภรรยาในเทียนหนิงมีสิทธิ์มีเสียงมิได้ หากมีบิดาให้อาศัยใบบุญจนได้ออกเรือนก็ดีไป ทว่าหากสิ้นบิดาไปเร็วเช่นนาง ชีวิตจะดีหรือร้ายก็อยู่ที่พี่ชายคนโตเท่านั้น ซึ่ง...นางนั้นแสนจะช่างโชคร้ายอย่างยิ่งที่มีพี่ชายเช่นกู้หยวนจิ้ง! .. 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD