Sinful Passion :: CHAPTER 1 [30%]

1445 Words
= EP01 = “พะแพง วันนี้ไปกินติมกัน” “เอางั้นเหรอ?” ตอบกลับคนตรงหน้าที่ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะจับมือฉันและพยักหน้ารัวเหมือนตุ๊กตาใส่ถ่าน “อืม วันนี้กิจกรรมรับน้องเลิกเร็วนี่นา นะๆ” ฉันถอนหายใจก่อนจะตกปากรับคำอย่างเสียไม่ได้ให้กับเพื่อนสนิทอย่าง ‘ใบเตย’ ที่เวลานี้เธอคือเพื่อนเพียงคนเดียวของฉันที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็อยู่ข้างฉันเสมอ แม้ว่าตอนสมัยเรียนฉันจะไม่ได้เรียนจบไปพร้อมกับเธอในระดับชั้นมัธยมปลายเพราะมีเหตุจำเป็นให้ต้องย้ายจากโรงเรียนเดิมกลางคัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันกับใบเตยก็ติดต่อหากันเสมอ ไปมาหาสู่กันจนฉันที่เคยปิดตายตัวเองเรื่องเพื่อนจำต้องเปิดใจรับใบเตยที่พยายามก้าวเข้ามาเป็นเพื่อนกับฉัน “หืม?” จำต้องเงยหน้าสบตากับเพื่อนหลังจากที่ก้มหน้าเล่นมือถือที่เป็นดั่งพื้นที่ส่วนตัวเพราะว่าใบเตยเอื้อมมือมาช้อนปลายคางฉันขึ้น “ไม่ต้องแคร์นะ ปล่อยๆ ไปเหอะ” พอจะเข้าใจถึงคำพูดของใบเตยและมองตามสายตาของเพื่อนที่จับจ้องไปยังร่างบอบบางหุ่นดีและเซ็กซี่ ซึ่งแน่นอนว่าเธอคนนั้นเปลี่ยนไปมากพอควรจนฉันจำแทบจะไม่ได้ด้วยซ้ำ “เปล่า” ถอนหายใจและเก็บสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่ได้เป็นของขวัญจากน้าสาว เนื่องจากฉันสอบติดมหาลัยเอกชนแห่งนี้และคณะบัญชีตามที่หวัง “ไม่คิดว่าจะเจอต่างหาก” “โลกมันกลมอะ” ใบเตยเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเท้าคางมองฉันอีกครั้ง “ใครจะไปอยากเจอคนที่ไม่ชอบหน้ากันล่ะ” “...” “ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหน สุดท้ายโลกก็หมุนคนพวกนั้นมาเจอเราอยู่ดี” อันนี้ฉันเห็นด้วยกับใบเตยนะ มันถูกอย่างที่เธอพูดเลย โลกใจร้ายกับคนอย่างพวกเรามากและเห็นใจคนแบบนั้นเสมอ “อือ” ตอบได้แค่นั้นฉันก็หลบสายตาของคนที่ถูกพูดถึงคือเพื่อนสาวที่เคยสนิทกันมาก่อน แต่เพราะมีเรื่องบางอย่างระหว่างเราทำให้ฉันกับเธอกลายเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพราะเหตุการณ์นั้นทำให้ฉันเริ่มเก็บตัวและเริ่มแสดงตัวตนที่ถูกปิดกั้นจากข้างในเอาไว้ ภายนอกฉันดูเหมือนเป็นคนที่หยิ่งจองหองไม่สนใจใครและไร้ซึ่งความรู้สึกต่างๆ ปิดตายตัวเองไม่ให้ใครเข้ามา ฉันระวังตัวเองอยู่เสมอเพราะเธอทำให้ฉันเป็นแบบนั้น แต่ก็ได้ใบเตยที่คอยพูดคุยกับฉัน เข้าอกเข้าใจฉันมาเสมอ จากที่เคยมองคำว่า ‘เพื่อน’ ในทางที่ไม่ดี ฉันกลับเปลี่ยนความคิดนี้เพราะใบเตย และฉันก็หวังว่าใบเตยจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังเหมือนกับเธอคนนั้น เพราะฉันให้ใจกับเพื่อนไปฉันให้เต็มร้อยแม้ว่าจะได้กลับมาแค่ไม่กี่เปอร์เซ็น แต่ฉันก็คิดว่าเพื่อนคือเพื่อนที่สามารถเชื่อใจและไว้ใจกันได้ในทุกเรื่อง ทว่าสำหรับฉันกับเธอคนนั้นมันคงเป็นข้อยกเว้น “ฉันอยากให้แกกลับมาร่าเริงแบบเก่าจัง” เมื่อมาถึงร้านไอศกรีมที่นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปสองสถานีก็ถึง ฉันนั่งมองไอศกรีมรสชาติที่เคยชื่นชอบพลางเลื่อนสายตาและชี้นิ้วไปยังเมนู “เอาไอติมมะนาวอ่อ?” “อือ” ตอบกลับก็ส่งเมนูคืนให้กับพนักงาน “อะไรที่เดิมๆ ฉันไม่อยากจำแล้ว” “ก็ดีนะ บางอย่างลืมได้ก็ลืมไปเหอะ” พอมานึกถึงคำพูดของใบเตยเมื่อกี้ฉันก็เท้าคางมองสบตากับเพื่อน “กลับมาร่าเริงเหรอ?” “แกว่าไงนะ” อาจจะเพราะฉันพึมพำกับตัวเองใบเตยถึงได้ไม่ยินในสิ่งที่ฉันเอ่ยปาก กระทั่งใบเตยเลิกคิ้วขึ้นเมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะเรา ชายหนุ่มที่สวมเครื่องแบบนักศึกษาแบบเราสองคนกำลังฉีกยิ้มให้ฉันกับใบเตย อันที่จริงใบเตยมีแฟนอยู่แล้วนะชื่อพี่ต่อ อายุห่างกับใบเตยมากเลยล่ะพี่เขาเป็นหมอด้วย เป็นหมอที่อยู่แผนกอายุรกรรมเป็นผู้ชายที่สุขุม อ่อนโยนมาก เหมาะกับยัยใบเตยเพื่อนตัวแสบของฉันมากทีเดียวล่ะ “มีอะไรเหรอคะ?” “จะขอเบอร์น้องหน่อยครับ” ยื่นสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวกับฉันแต่ละคนสีมาตรงหน้า ฉันทำได้เพียงส่งสายตาเรียบนิ่งไปให้เขาและดันสมาร์ทโฟนคืนกลับไป เขาก็มึนงงไม่น้อยกับการกระทำของฉันที่เบือนหน้าหนีออกไปยังด้านนอกโดยไม่สนใจว่ามีเขายืนอยู่ตรงนี้ “เออ พี่คะเพื่อนหนูเขามีแฟนแล้วค่ะ” ใบเตยเป็นฝ่ายพูดไล่ให้ ฉันก็ไม่ได้สนใจเท้าคางมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาในยามเย็น ทว่าฉันกลับได้ยินเสียงบ่นพึมพำไล่หลัง “ก็บอกมาดิวะ จะหยิ่งเพื่ออะไร” ฉันเลิกสนใจผู้ชายพวกนี้ไปนานแล้ว ผู้ชายที่เข้ามาไม่มีใครจริงใจสักคน... สำคัญคือฉันเกลียดผู้ชายแบบนี้ เกลียดที่พวกเขาไม่ซื่อสัตย์และรักเดียวใจเดียวไง “มีแฟนแล้วนี่หว่า ไอ้บ้าห้าร้อยเอ๋ย!” ใบเตยทำหน้าหงุดหงิดทันทีเมื่อเห็นผู้ชายคนที่มาขอเบอร์ฉัน เดินควงกับผู้หญิงอีกคนออกจากร้านไป “รู้งี้ด่าให้หนักก็ดีอะ” ฉันปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเหมือนกับลมเท่านั้นล่ะ ไม่ได้มีตัวตนผ่านมาก็ผ่านไปไม่คิดจะใส่ใจอยู่แล้ว เมื่อกินไอศกรีมกับใบเตยเรียบร้อยดีแล้วพี่หมอแฟนของใบเตย (ฉันมักจะเรียกเขาแบบนี้แทนชื่อเล่นจริงๆ ของเขา) ก็ขับรถมาส่งที่หน้าบ้านของฉันซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็ก “ขอบคุณพี่หมอมากนะคะที่มาส่ง” ยกมือไหว้คนตัวสูงที่นั่งอยู่ตรงส่วนคนขับ “ยินดีเลยครับน้องพะแพง” “พรุ่งนี้บ่ายโมงเจอกันนะ” ใบเตยโบกมือให้ฉันที่ลงจากรถพลางมองแสงไฟสุดท้ายที่เลี้ยวออกซอยไป ก็เปิดประตูรั้วเข้ามาภายในบ้านที่เงียบสงบ ทว่าประตูกับแสงไฟตรงมุมรับแขกกลับทำให้ฉันฉงนใจว่าน้าพิม น้าสาวแท้ๆ ของฉันไม่ได้ไปทำงานหรือยังไงกัน? “กลับมาแล้วเหรอพะแพง” ฉันพยักหน้ารับและมองน้าพิมซึ่งกำลังเก็บของลงกระเป๋าเดินทางหลายใบ ดูๆ แล้วของที่อยู่ภายในบ้านก็ดูโล่งยังไงชอบกล จึงหย่อนตัวนั่งบนโซฟาพลางสบตากับน้าพิมที่เป็นน้องสาวของแม่ หลังจากที่พ่อกับแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และมีแค่ฉันเท่านั้นที่รอดชีวิต เพราะไม่มีญาติที่ไหนนอกจากน้าพิมเนื่องจากญาติทางพ่อก็ปฏิเสธที่จะรับฉันไปเลี้ยงดู น้าพิมจึงขอรับฉันมาดูแลตั้งแต่อายุสิบขวบจนถึงตอนนี้ที่ฉันอายุสิบเก้าพอดี “วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ?” ถามด้วยความสงสัย เพราะน้าพิมทำงานเป็นผู้จัดการร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งร้านนี้เป็นร้านอาหารชั้นนำโด่งดังในหมู่พวกคนดังไฮโซด้วย “เปล่าจ๊ะ” ตอบกลับพลางส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ น้าพิมอายุสามสิบสามปีแต่ก็ยังคงความสวยราวกับหญิงสาวยี่สิบปลายๆ อาจจะเพราะว่าน้าพิมดูแลตัวเองดีถึงได้ยังสวยสดใสอยู่แบบนี้ “แพงเองก็ไปเก็บของส่วนตัวสิ” “...” “พรุ่งนี้เราจะย้ายไปบ้านคุณชนะทิศกัน” คิ้วขมวดเข้าหากันทันทีด้วยความมึนงง แต่ชื่อของคุณชนะทิศที่น้าพิมเอ่ยถึงคือชายหนุ่มที่อายุห้าสิบต้นๆ ทว่าเขากลับดูยังหนุ่มแน่นและหล่อเหลาถ้าหากไม่บอกอายุก็คงจะคิดว่าอายุเพียงแค่สี่สิบด้วยซ้ำไป เขาคือนักธุรกิจดังรวยระดับติดท็อปด้วยซ้ำ เขารู้จักกับน้าพิมที่ร้านอาหารจากนั้นก็ทำความรู้จักกันมาสักพักซึ่งน้าพิมดูมีความสุขมากด้วยซ้ำที่ได้คบหากับคุณชนะทิศ ฉันไม่เคยเห็นน้าพิมมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เธอเสียสามีที่ทอดทิ้งเธอไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นที่มีฐานะมากกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD