ตอนที่ 3

1262 Words
            น้ำตาลนั่งรออัคเรศอยู่หน้าตึกเรียน เพราะเขาสั่งให้รอ แต่นี่ก็เกือบจะห้าโมงเย็นอยู่แล้ว เจ้าของคำสั่งก็ยังไม่ยอมมาเสียที           “ยังไม่กลับอีกเหรอตาล”           เสียงของเพื่อนดังขึ้นข้างตัว หล่อนหันไปมอง และตอบคำถาม           “ยังจ้ะ รอเจ้านายมารับน่ะ”           “แต่นี่ก็เย็นมากแล้วนะ เจ้านายของตาลลืมหรือเปล่าเนี้ย”           “เอ่อ... คงไม่หรอกจ้ะ อีกประเดี๋ยวก็คงมา ว่าแต่กิ่งกำลังจะกลับบ้านเหรอ”           “อืม เพิ่งทำรายงานกับเพื่อนๆ เสร็จน่ะ งั้นเราไปก่อนนะ”           “จ้ะ บายจ้ะ”           น้ำตาลยิ้มและโบกมือลาส่งให้กับเพื่อนร่วมคลาส ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้กำลังมีฝนตั้งเค้าเขียวครึ้ม           หล่อนไม่กล้าที่จะโทรไปสอบถามอะไรอัคเรศ ทำได้แค่เพียงนั่งรอเงียบๆ ตามที่เขาสั่งเท่านั้น               ข้างนอกบ้านฝนตกหนักมาก ทำให้แม่สายอดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้ เพราะน้ำตาลยังไม่กลับมาบ้านเลย           “แม่สายมาทำอะไรตรงนี้เหรอ”           อมลวรรณที่เห็นแม่สายเดินกลับไปกลับมาอยู่ใกล้ๆ กับหน้าประตูบ้านเอ่ยถาม           “ตาลยังไม่กลับมาเลยค่ะคุณผู้หญิง”           สีหน้าของแม่สายเต็มไปด้วยความไม่สบายใจจนอมลวรรณก็พลอยใจคอไม่ดีไปด้วย           “ตายจริง ปกติแม่ตาลไม่เคยเหลวใหลไปไหนเลยนะ นี่ก็ฝนตกหนักด้วย อ้อ แล้วโทรหาดูหรือยังล่ะแม่สาย”           “โทรแล้วค่ะ แต่ตาลไม่ได้รับสาย” แม่สายเป็นห่วงลูกสาวจับใจ           “คงไม่มีอะไรหรอก แม่ตาลน่าจะติดฝนอยู่ที่ไหนสักที่นั่นแหละ” อมลวรรณให้กำลังใจคนรับใช้ของตัวเอง           แม่สายพยายามจะคิดในแง่ดี แต่ก็อดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้           “อ้าว นั่นพ่อกลางกลับมาพอดี” อมลวรรณเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับผกามาศ           “หนูผิงก็มาด้วย”           “สวัสดีค่ะคุณป้า” ผกามาศยกมือขึ้นไหว้อมลวรรณ           “สวัสดีจ้ะ หนูผิงมาก็ดีแล้ว จะได้ทานข้าวเย็นด้วยกัน”           ผกามาศยิ้มกว้างอย่างดีใจ และก็เกาะแขนของอัคเรศไม่ยอมปล่อย           “ป้าสายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าตาดูเป็นกังวล”           อัคเรศเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะปกติไม่เคยเห็นแม่สายมายืนอยู่หน้าบ้านแบบนี้มาก่อน           “ก็แม่ตาลยังกลับไม่ถึงบ้านน่ะสิ แม่สายก็เลยเป็นห่วงมาก” อมลวรรณเป็นคนตอบลูกชาย           อัคเรศพยายามอย่างที่สุดที่จะเก็บซ่อนอารมณ์แท้จริงของตัวเองเอาไว้           น้ำตาลก็แค่เด็กรับใช้ ที่เขามอบโอกาสดีๆ ให้มากกว่าเด็กรับใช้คนอื่นในบ้านก็เท่านั้น           หล่อนจะกลับบ้าน หรือไม่กลับก็ช่างหล่อนประไร แต่... ตอนนี้ฝนตกหนักมาก           “ยังไม่กลับอีกหรือครับ”           “ใช่ค่ะ โทรไปก็ไม่รับสาย ป้าเป็นห่วงมาก ฝนก็ตกหนักด้วย”           คำตอบของแม่สาย ทำให้อัคเรศหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาน้ำตาล แต่ปลายสายก็ไม่รับอยู่ดี           เขารู้สึกกังวลใจ ร้อนรน และรู้สึกผิด...           เขาเป็นคนสั่งให้น้ำตาลนั่งรอที่มหาวิทยาลัย แต่ในเมื่อเขาเปลี่ยนใจไม่ไปรับหล่อน หล่อนก็ควรจะกลับบ้านสิ           ‘เธอคงไม่โง่นั่งอยู่อย่างนั้นหรอกนะ น้ำตาล’           อัคเรศคิดในใจ และก็ภาวนาให้น้ำตาลกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย           “พี่กลางทำไมจะต้องดูเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวแม่บ้านด้วยล่ะคะ” ผกามาศเห็นอัคเรศเอาแต่กดต่อสายหาเบอร์ๆ หนึ่งก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้           “พี่เป็นห่วงทุกคนในบ้านนั่นแหละ ผิงไปนั่งรอในห้องรับแขกก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ตามเข้าไป”         ผกามาศหน้าหงิก และกำลังจะกระแทกเท้าเดินเข้าไปในห้องรับแขก แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงในชุดนักศึกษาที่เปียกโชนไปทั้งตัวปรากฏขึ้น           “ตาล...” แม่สายรีบวิ่งเข้าไปกอดลูกสาวที่เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน           “แม่ตาล เปียกปอนหมดเลย รีบไปอาบน้ำอาบท่าซะนะ เดี๋ยวไม่สบายเอา” อมลวรรณเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง           “ค่ะคุณผู้หญิง”                 น้ำตาลก้มหน้ารับคำสั่งของอมลวรรณ โดยไม่แม้แต่จะมองไปทางอัคเรศแม้แต่นิดเดียว           “ไปอาบน้ำสระผมเถอะตาล แม่พาไป”           แม่สายประคองลูกสาวให้เดินไปทางห้องพักของคนรับใช้ ในขณะที่อัคเรศรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่น้ำตาลไม่มองหน้าตัวเองเลย           หรือว่าหล่อนจะโกรธที่เขาไม่ไปรับ แต่ก็ช่างสิ หล่อนไม่ได้มีค่าอะไรให้เขาสนใจอยู่แล้ว           แม้จะพยายามคิดแบบนั้น แต่อัคเรศก็รู้ดีว่าลึกๆ ในใจแล้ว เขารู้สึกผิดแค่ไหน           “เด็กคนนี้หน้าตาดีจังนะคะ ขนาดไม่ได้แต่งหน้า” ผกามาศเดินมาหยุดข้างๆ ตัวของอัคเรศ และเอ่ยขึ้น           “พี่ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน น้องผิงไปนั่งเล่นในห้องรับแขกเถอะ”           อัคเรศพูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้ผกามาศอยู่กับอมลวรรณตามลำพัง           “คุณป้าคะ พี่กลางกับเด็กคนเมื่อกี้...”           “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ป้าไม่เคยเห็นพ่อกลางสนใจอะไรแม่ตาลเลย หนูผิงสบายใจได้” อมลวรรณเอ่ยตอบขึ้นอย่างรู้ทันความคิดของหญิงสาวตรงหน้า           ผกามาศถอนใจออกมาอย่างโล่งอกโล่งใจ “ผิงได้ยินแบบนี้ก็สบายใจค่ะ”           “ไม่มีอะไรหรอก เชื่อป้าเถอะหนูผิง”           “ค่ะคุณป้า” ผกามาศยิ้มหวาน ก่อนจะเดินตามอมลวรรณเข้าไปในห้องรับแขก                       น้ำตาลนั่งเช็ดผมเปียกหมาดของตัวเองอยู่บนเตียง โดยมีมารดานั่งอยู่ไม่ห่าง           “วันนี้เลิกค่ำเหรอลูก ทำไมกลับเย็นกว่าทุกวันเลย แล้วแม่โทรไปก็ไม่รับสาย”           หล่อนก้มหน้าไม่สบตากับมารดาเพราะเกรงว่าท่านจะเห็นหยาดน้ำตา           “ตาล... ติดทำรายงานกับเพื่อนน่ะค่ะแม่ แล้วโทรศัพท์ก็ปิดเสียงไว้ เลยไม่รู้ว่าแม่จะโทรเข้ามาน่ะค่ะ ตาลขอโทษนะคะ”           “ไม่ต้องขอโทษแม่หรอก แม่ก็แค่เป็นห่วงตาลมาก เพราะปกติตาลจะกลับบ้านเร็วทุกวัน แถมเย็นนี้ฝนยังตกหนักอีก”           หล่อนรู้สึกผิดกับมารดาเหลือเกินที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง         “คราวหน้าคราวหลังถ้าตาลจะกลับเย็น ตาลจะโทรบอกแม่ก่อนนะคะ”          มารดายิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ ก่อนจะช่วยหล่อนเช็ดเส้นผมให้         หล่อนก้มหน้าพยายามเก็บซ่อนน้ำตาเอาไว้ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะในที่สุดน้ำตาเม็ดโตๆ ก็หยดลงบนต้นขาของตัวเอง         อัคเรศใจร้ายเหลือเกิน...         เขาบอกว่าจะมารับ และบังคับให้หล่อนนั่งรอ แต่พอหล่อนรอ เขาก็ไม่มา...         หล่อนนั่งรอเขาจนมืดค่ำ จนกระทั่งสายฝนโปรยปรายเปียกชุ่ม        “ตาลเป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมตัวสั่นๆ”       “ปะ... เปล่าค่ะ ตาลแค่หนาว”       “งั้นเดี๋ยวเป่าผมให้แห้งนะลูก เดี๋ยวแม่ออกไปยกข้าวเข้ามาให้”       “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวตาลออกไปกินในครัวเองค่ะ”       หล่อนฝืนใจเงยหน้าขึ้นสบตากับมารดา และก็ปั้นยิ้มสดใส      “ขอบคุณแม่มากนะคะ”      มารดายกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนแผ่วเบา มองหล่อนด้วยความรัก     “ตั้งใจเรียนนะลูก เรียนจบแล้วจะได้ทำงานดีๆ ไม่ต้องมาเป็นคนรับใช้เหมือนแม่”    “ค่ะแม่”    รอยยิ้มที่ปั้นขึ้นมาค่อยๆ จางหายไป และก็มีหยาดน้ำตาไหลมาแทนที่    อัคเรศใจร้ายกับหล่อนเหลือเกิน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD