บอสขา… เมื่อไหร่จะอิ่ม! ตอนที่ 1

2033 Words
    “มองตาค้างเชียวนะ นังโม” ต้นแขนของโมรีถูกสะกิดจากนิ้วเรียวของรำเพยเพื่อนสนิท โมรีรีบละสายตาจากผู้ชายในชุดสูทสีครีมพอดีตัวที่กำลังก้าวขึ้นไปบนรถสปอร์ตสีดำเงามามองเพื่อนตนเอง และก็ปั้นยิ้ม “มองอะไร เปล่าสักหน่อย” “แหม อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นว่าแกจ้องวิทยากรพิเศษตาเป็นมัน นี่ถ้าแกกินเข้าไปได้ พ่อรูปหล่อคงเหลือแต่กระดูกแล้วล่ะ” พวงแก้มนวลของโมรีแดงระเรื่อ และก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงได้แสดงความรู้สึกออกไปมากมายจนรำเพยสังเกตเห็น ถูกต้อง... รำเพยเข้าใจไม่ผิดหรอก หล่อนตกหลุมรักวิทยากรพิเศษคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขามาบรรยายในคลาสเรียนเมื่อสองเดือนก่อน และก็ไม่คิดว่าอาจารย์จะเชิญเขามาบรรยายอีกครั้งในเช้าวันนี้ พลศรุต อัครโยธิณ นักธุรกิจมือวางอันดับหนึ่งของเมืองไทย เขามาอายุอานามสามสิบหกปี แต่ใบหน้าของเขาดูอ่อนกว่าวัยมากนัก หล่อนแทบไม่ได้ฟังในสิ่งที่เขาพูดเลย เพราะมัวแต่จ้องหน้าเขา มองเขาด้วยความชื่นชม น้ำเสียงของเขาดังผ่านเข้ามาในหู และก็เลยผ่านออกไป แต่ความหล่อเหลาสมบูรณ์แบบที่เขามีอยู่มากมายกลับกระแทกตากระแทกใจและไม่ยอมจางหายไปเลย หล่อนชอบเขามากจริงๆ “ไม่ปฏิเสธ แสดงว่าแกชอบพ่อสุดหล่อนั่นจริงๆ สินะนังโม” “ก็...” หล่อนรู้ดีว่าโกหกรำเพยไม่มิด จึงต้องยอมรับความจริงออกไป “ก็เขาหน้าตาดีนี่” รำเพยหัวเราะร่วน ก่อนจะพูดติดตลกขึ้น “ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นเดียวกันมาตามจีบแก แต่แกไม่มอง ไม่สนใจ สรุปชอบคนแก่ว่างั้น” “ฉันก็ไม่รู้อ่ะเพย รู้แค่ว่าพอฉันสบตากับเขานะ หัวใจของฉันก็เต้นแรงมาก จน... จนฉันควบคุมมันไม่ได้เลย”          “ก็สรุปว่าชอบคนแก่นั่นแหละ” รำเพยยังคงหัวเราะขำขัน          “แต่แกน่าจะมีคู่แข่งเยอะนะ เพราะบรรดาเพื่อนในคลาสก็ทำท่าจะกินเขาหลายคน แล้วนี่ยังไม่นับผู้หญิงในแวดวงเดียวกับเขาอีก”          ใบหน้าของโมรีเจื่อนลง ถอนใจออกมาเบาๆ อย่างรู้ชะตากรรมดี          “ฉันก็แค่แอบรักน่ะ ไม่ได้คิดจะไปคว้ามาครอบครองอะไรหรอก และที่สำคัญ เขาโปรไฟล์ดีขนาดนั้น จะมาสนใจอะไรฉันล่ะ”          “แหม พูดไปได้” รำเพยทำเสียงสูง มองเพื่อนอย่างหมั่นไส้ “พูดยังกับตัวเองขี้เหร่อย่างนั้นแหละ เธอน่ะสวยพอๆ กับดาวคณะเลยนะ” “พูดไปนั่นนะเพย” โมรีหลุดหัวเราะออกมา เพราะรู้ว่าเพื่อนพูดให้กำลังใจเท่านั้น “แล้วเย็นนี้เอาไง ไปกินไหมหมูกะทะน่ะ” “ฉันก็อยากไปเป็นเพื่อนเธอนะเพย แต่แม่โทรมาหาเมื่อตอนอยู่ในคลาสเธอก็เห็นใช่ไหม” “เอ่อ ว่าจะถามว่าแม่โทรมาทำไม” “แม่บอกให้ฉันรีบกลับบ้านน่ะ วันนี้พี่มีนามีนัดไปดูตัว” “ดูตัว?” รำเพยอุทานตกใจ “ใช่แล้วล่ะ แม่บอกให้ฉันรีบกลับไปช่วยพี่มีนาแต่งตัวน่ะ” รำเพยหัวเราะอีกครั้งอย่างเหลือเชื่อ “พี่สาวเธอทั้งสวยทั้งเก่ง นี่ยังต้องไปดูตัวอีกเหรอนังโม” “พี่มีทำงานหนักมาก ก็เลยไม่มีเวลาหาแฟนน่ะ แล้วแม่ก็อยากให้พี่มีแต่งงานเสียที” โมรีบอกเพื่อนไปตามความเป็นจริง “แม่เธอทำเหมือนกับว่าพี่มีนาอายุจะสี่สิบแล้วอย่างนั้นแหละ” “ปีนี้พี่มีก็อายุจะยี่สิบแปดแล้วล่ะ แม่คิดว่าผู้หญิงแต่งงานช้าไม่ดีน่ะ” รำเพยพยักหน้ารับทราบ “ก็อย่างว่าล่ะ บ้านเธอมีเชื้อสายจีนนี่เนอะ”  โมรียิ้มบางๆ ให้เพื่อนสนิท และก็นั่งเหม่อลอยต่อไป เพราะสมองเอาแต่วนกลับไปคิดถึงเรื่องของผู้ชายคนนั้นไม่ยอมหยุด ไม่น่าเชื่อเลยว่า ผู้หญิงที่ไม่เคยสนใจจะมองชายใดมาก่อนอย่างหล่อน จะตกหลุมรักผู้ชายแก่กว่าเป็นสิบปีได้ง่ายดายแบบนี้ “นี่นังโม ตาลอยอีกแล้ว” “เอ่อ... เปล่าสักหน่อย” “อย่ามาโกหกเพื่อน แกนี่ถ้าจะเป็นเอามากนะยะ” รำเพยมองเพื่อนด้วยความขบขัน เพราะคบกันมาตั้งแต่ประถม หล่อนไม่เคยเห็นโมรีแสดงท่าทางคลั่งไคล้ผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย ตาแก่นี่คนแรก หลังจากช่วยพี่สาวแต่งตัวแต่งหน้าจนเสร็จ โมรีซึ่งมีอายุอ่อนกว่ามีนาถึงแปดปีกว่าก็อุทานออกมาด้วยความทึ่ง เมื่อเห็นใบหน้าของพี่สาวในกระจกเงา “พี่มีสวยจังเลยค่ะ” มีนาระบายยิ้มออกมา มองตัวเองในกระจกด้วยความพึงพอใจเช่นกัน “ขอบใจนะน้องรัก ที่แปลงโฉมให้พี่สวยขนาดนี้” “แหม พี่มีสวยอยู่แล้วต่างหากล่ะคะ โมไม่ได้ช่วยอะไรเลย” มีนามองน้องสาวที่มีใบหน้าละหม้ายคล้ายตัวเองมากจนแทบจะเรียกว่าฝาแฝดกันด้วยความเอ็นดู หล่อนกับโมรีคล้ายกันสุดๆ จนบางครั้งเพื่อนบ้านยังทักผิดทักถูก “ถ่อมตัวเสมอนะเราน่ะ” แต่โมรีต่างจากหล่อนในเรื่องของความมั่นใจในตัวเอง หล่อนมีความมั่นใจสูงปรี๊ด ในขณะที่โมรีค่อนข้างเป็นคนขี้เกรงใจ และยอมคนเสมอ หล่อนพยายามสอนให้โมรีเข้มแข็งแต่ก็ไม่เห็นน้องสาวจะทำตามเลย “เปล่าสักหน่อยค่ะ โมพูดความจริงต่างหาก” มีนาลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และหันมาหาน้องสาว “ถ้าคนนี้เวิร์ก พี่จะตบรางวัลให้โมอย่างงามเลยล่ะ” “สาธุค่ะ ขอให้พี่มีเจอคนที่ถูกใจสักทีเถอะ” ที่หล่อนพูดแบบนี้ก็เพราะมีนานัดบอดเจอกับหนุ่มๆ มาน่าจะเกินยี่สิบคนแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้พี่สาวของหล่อนตกหลุมรักได้เลยสักคน “ขอบใจจ้ะ งั้นพี่ไปก่อนนะ” “โมไปส่งที่รถค่ะ” โมรีเดินเกาะแขนพี่สาวออกไปจากห้องพัก เดินตรงไปยังห้องรับแขกที่อยู่ก่อนถึงประตูทางออก “มีไปก่อนนะแม่ เดี๋ยวจะรีบกลับค่ะ” “ขอให้คนนี้ถูกใจสักทีนะมีนา แม่สื่อบ่นแม่จนหูชาแล้วกับความเรื่องมากของแกน่ะ” “มีก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุดสิคะแม่ มีไปนะคะ” พี่สาวของหล่อนยกมือไหว้มารดา ก่อนจะเดินออกไปที่รถยนต์ “แล้วนั่นจะไปไหนล่ะโมรี” แม่เรียกหล่อน เมื่อเห็นหล่อนจะเดินตามมีนาออกไปนอกบ้าน “โมจะไปส่งพี่มีที่รถน่ะจ้ะแม่ เดี๋ยวโมกลับมาจ้ะ” หล่อนฉีกยิ้มให้มารดา ก่อนจะรีบวิ่งตามพี่สาวออกไปทันที “โชคดีนะพี่มี” “ขอบใจจ้ะ” พี่สาวของหล่อนโบกมือให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะขับรถยนต์ออกไปจากบ้าน หล่อนยืนมองตามท้ายรถของพี่สาวไปด้วยรอยยิ้ม ภาวนาให้พี่สาวสมหวังเสียที “โมรี” หล่อนเดินกลับเข้ามาในบ้าน แม่ก็กวักมือเรียก “จ๋าแม่” หล่อนเดินเข้าไปหาท่าน ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวข้างๆ “ปิดเทอมเมื่อไหร่ล่ะ” “อีกสองวันจ้ะแม่ ว่าแต่แม่มีอะไรเหรอจ๊ะ” หล่อนมองมารดาด้วยความแปลกใจ “พอดีจะไปถือศีลสักอาทิตย์น่ะ กลัวไม่มีคนเฝ้าบ้านตอนกลางวัน” “แหม บ้านเราไม่มีอะไรให้โจรขึ้นหรอกจ้ะแม่” แม่ของหล่อนมักจะเป็นห่วงบ้านเสมอ และไม่ว่าจะไปไหนก็จะต้องมีคนที่ไว้ใจได้เฝ้าบ้านทุกครั้ง “โจรเดี๋ยวนี้มันเลือกที่ไหนกันล่ะ เห็นบ้านไม่มีคนอยู่มันก็ปีนเข้าแล้วล่ะ” “จ้า งั้นแม่ไปถือศีลให้สบายใจนะจ๊ะ ช่วงแม่ไปโมก็ปิดเทอมพอดี” แม่ของหล่อนผงกศีรษะตอบรับ “ดีแล้วล่ะ แม่จะได้ถือศีลด้วยใจที่สงบ จะได้ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงบ้าน” หล่อนยิ้มตอบมารดา ก่อนจะเอ่ยขอตัว “แม่ โมขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะจ๊ะ” “จะปิดเทอมอยู่วันสองวันแล้ว ยังจะมีการบ้านอีกเหรอเนี่ย” “อ๋อ มันเป็นโครงงานที่ต้องส่งตอนปลายปีน่ะจ้ะ โมขอตัวนะแม่” “เออ ไปเถอะ แล้วหกโมงอย่าลืมออกมากินข้าวเย็นล่ะ แม่ขี้เกียจไปตาม” “จ้ะแม่” หล่อนยื่นหน้าไปขโมยหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินหัวเราะจากไปอย่างอารมณ์ดี เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นตอนสองทุ่มกว่าๆ หล่อนรีบกดรับ ก็พบว่าเป็นเบอร์ของพี่สาว หล่อนอมยิ้มก่อนจะกดรับสาย “สวัสดีค่ะพี่มี เป็นยังไงบ้างคะ” “คุณเป็นอะไรกับคุณมีนา เกิดวิจิตรครับ” เสียงของผู้ชายดังมาจากปลายสาย และมันก็ทำให้โมรีใจคอไม่ดี “เอ่อ... เป็นน้องสาวค่ะ” หล่อนตอบออกไปเสียงเบาหวิว หัวใจเต้นแรงมาก มือไม้ก็เย็นเฉียบ “ผมร้อยตำรวจโทมนัส กองสืบ จะโทรมาแจ้งว่าเจ้าของเบอร์นี้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วครับ” “พี่มี... ประสบอุบัติเหตุ?!” “ใช่ครับ” “แล้ว... ตอนนี้พี่มีเป็นยังไงบ้างคะ อาการหนักไหม และอยู่โรงพยาบาลอะไรคะ” น้ำตาแห่งความหวาดกลัวร่วงหล่นอาบแก้ม และทันทีที่รู้ว่าพี่สาวอยู่โรงพยาบาลอะไร หล่อนก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนในสภาพที่สวมชุดนอนลายคิตตี้สีชมพูขาสั้น “จะไปไหนน่ะโมรี” แม่ของหล่อนยังไม่นอน นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก หล่อนหยุดเดิน และกำลังชั่งใจว่าจะบอกแม่ดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่บอก “อ๋อ พอดีเพื่อนโมเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยจ้ะแม่ โมจะรีบออกไปดู” “ตายจริง แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าล่ะเนี่ย” “ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ เดี๋ยวโมส่งข่าวนะจ๊ะแม่” หล่อนรีบร้อนมาก “แล้วจะไปยังไงล่ะ แกขับรถไม่เป็นนี่” “โม... จะนั่งรถแท็กซี่ไปค่ะ” “ให้แม่ไปเป็นเพื่อนดีกว่าไหม นั่งรถคนเดียวตอนกลางคืนอันตราย” “ไม่เป็นไรจ้ะ แม่พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวโมมาจ้ะ” หล่อนไม่อยากให้แม่รู้ว่าพี่สาวประสบอุบัติเหตุ เพราะท่านแก่มากแล้ว อาจจะช็อกจนเป็นลมไปก็ได้ “แท็กซี่...” หล่อนวิ่งออกมาหน้าปากซอย และก็โบกรถแท็กซี่คันที่วิ่งมา แต่คันแล้วคันเล่าก็ไม่มีเจอเลย “บ้าจริง คนยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย” โมรีเต็มไปด้วยความร้อนใจ และทันทีที่เห็นรถแท็กซี่คันล่าสุดวิ่งมา และเปิดไฟว่าง หล่อนก็กระโจนออกไปขวางทางรถทันที แต่... เอี๊ยดดดดดด! มีรถยนต์อีกคันซึ่งสีดำมากวิ่งแซงขึ้นมาและแทบจะชนเข้ากับร่างของหล่อน เสียงเบรกรถดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของหล่อนล้มลงก้นกระแทกพื้น และเจ้าของรถที่เกือบประสบเหตุก็ลดกระจกรถลงมา พร้อมกับตะโกนต่อว่าเสียงหงุดหงิด “อยากตายหรือไงแม่คุณ!” เขานี่... พลศรุต อัครโยธิณ หล่อนช็อกอ้าปากค้าง หล่อนจำเขาได้ แต่เขาคงมองเห็นหน้าหล่อนไม่ชัดหรอก “ขะ ขอโทษค่ะ” “บ้าชิบ!” เขาสบถด้วยความโมโห ก่อนที่จะขับรถจากไปอย่างไม่ไยดีอะไรอีก หล่อนรีบขยับตัวลุกขึ้น พาตัวเองกลับมาที่ริมถนน พร้อมกับมองหารถแท็กซี่ต่อไป แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจไปใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่อยู่ถัดออกมาเกือบครึ่งกิโลแทน “ไปโรงพยาบาล...” หล่อนบอกชื่อโรงพยาบาลกับคนขับวิน รับหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมใส่ จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และมุ่งหน้าไปหาพี่สาวด้วยความร้อนใจ    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD