Chapter 5

2477 Words
แอ๊บบี้ วิลเลียมส์ เป็นผู้หญิงที่เคารพตนเองมาก แน่นอนว่ารูปถ่ายที่เธอส่งไปในกลุ่ม Facebook ของมหาวิทยาลัยนั้นมีไว้สำหรับฉัน แต่วันนี้ฉันทำให้เธอรู้สึกละอายใจต่อหน้าทุกคน เมื่อเธอโกรธจนตัวสั่น ฉันรู้สึกมีความสุขมาก ทันใดนั้นโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น น่าแปลกที่มันคือ คาลวิน สมิธ “คุณขับรถได้ไหม ลงมาชั้นล่างมารับผมหน่อยสิ” ฉันตกใจกับเสียงของเขา เกิดอะไรขึ้นกับเขา ฉันหันหลังกลับทันทีและกังวลเกี่ยวกับเขา เขาเมาหรอ ชั้นล่างเบนท์ลีย์ที่งดงามจอดอยู่ข้างถนนและสมิธกำลังสูบบุหรี่ “พระเจ้า เขาเป็นเจ้าของเบนท์ลีย์คันนั้นหรอ?” แอ๊บบี้ วิลเลียมส์ และคนอื่น ๆ ที่ติดตามฉันลงบันได จ้องมองเราด้วยสายตาที่อิจฉา มิสเตอร์สมิธมาหาฉันและกอดฉันไว้ในอ้อมแขน ด้วยแขนยาวอันอบอุ่นของเขา “ใครบอกว่าไม่มีใครต้องการอเล็กเซีย ผู้ชายคนนี้หล่อและรวยกว่าจอห์นนี่ อีแวนส์ ด้วยซ้ำไป” ฝูงชนหัวเราะเยาะ แอ๊บบี้ วิลเลียมส์ และหน้าเสียทันที มือของเธอกำแน่น เธอโกรธจนฉันได้ยินเสียงกัดฟันของเธอ “อเล็กเซีย บราวน์ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอมีชีวิตที่ดี” หลังจากขับรถมานานกว่าสิบนาทีฉันถามสมิธ “มิสเตอร์สมิธ บ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ” สมิธไม่ตอบสนอง ฉันหันไปมองและเห็นว่าดวงตาของเขาปิดสนิทและหายใจอย่างสม่ำเสมอ ดูเหมือนว่าเขาจะหลับไป ฉันโทรหา วอร์เรน วิลสัน แต่เขาไม่รับสาย ฉันต้องการส่งเขาไปที่โรงแรม แต่เขาไม่สามารถเช็คอินได้หากไม่มีบัตรประจำตัว ฉันสงสัยว่าเขากำลังนอนหลับจริงไหม แต่เขาไม่สามารถปลุกเขาและไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาเคยช่วยฉันมาก่อน ดังนั้นฉันไม่ควรทิ้งเขาไว้คนเดียว ดังนั้นฉันสามารถพาเขากลับไปที่บ้านของฉันเท่านั้น ฉันรีบลากเขาไปที่ห้องของฉันเขาตัวหนักเกินไป ฉันยังแข็งแรงพอที่จะไม่ปล่อยเขาไว้ที่พื้น เมื่อเขานอนลงที่เตียงฉันไม่กล้าเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันคลุมเขาด้วยผ้าห่มและไปที่อีกห้อง เพื่อนอนกับแอนนี่แต่เธอยังไม่กลับมา ทันใดนั้นแม่ของฉันก็โทรเข้ามา “เฮ้ ลูกสาว เดทกับคุณแจ็ค วิลเลียมส์ เป็นยังไงบ้างจ๊ะ” “โชคดีที่เขาอายุ 35 ปีฉันคิดว่าเขาแก่เกินไป” ฉันปวดหัวทุกครั้งที่ฉันพูดคุยกับแม่เกี่ยวกับนัดบอด “เขาบอกว่าลูกอายุ 26 ปีและเขาประทับใจในตัวลูกมาก ลูกสามารถสานต่อความสัมพันธ์นี้ได้ แม่กำลังรอข่าวดีอยู่นะลูก” แม่วางสายไปอย่างมีความสุข ฉันกำลังเปิดกระเป๋าเงินของสมิธแม้ว่ามันจะไม่สุภาพที่จะดูกระเป๋าเงินของคนอื่น แต่เมื่อฉันเปิดมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เจอรูปถ่ายอยู่ข้างใน “คุณกำลังทำอะไร” ทันใดนั้นสมิธก็ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันปิดกระเป๋าเงินของเขาอย่างรวดเร็วและซ่อนไว้ในกระเป๋าของฉัน “คุณมีน้ำสักแก้วไหม” ฉันรีบไปที่ห้องครัวแล้วเทน้ำหนึ่งแก้วให้เขา “เขาอายุ 35 ปีหรือเปล่า” อ่า เขาได้ยินการสนทนาของฉันกับแม่ “ถ้าคุณจะไม่ว่าอะไร ฉันจะกลับไปที่ห้องของฉันแล้วนอน คุณด้วย หลับฝันดีนะ” ฉันรีบวิ่งออกไปจากห้องนั่งเล่น อาหารเช้า สมิธอาบน้ำเสร็จแล้วและเขาปฏิเสธคำแนะนำของฉันในการสั่งกาแฟสักแก้วจากร้านกาแฟพร้อมอาหารเช้าและเขาอยากให้ฉันทำอาหารเช้าง่ายๆ ให้เขาแทน ฉันทำแซนด์วิชให้เขา เขาหยิบมันขึ้นมากินในครั้งเดียว แล้วฉันก็หยิบของฉันขึ้นมา หลังจากที่เขากินเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป จนลับสายตาและจากนั้นแอนนี่ก็กลับเข้ามาพอดี เธอตื่นเต้นที่จะบอกฉันว่า “ฉันเจอผู้ชายในลิฟต์ เขาหล่อม๊าก” ฉันรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงสมิธ “แอนนี่ ทำไมเธอถึงกลับมาตอนนี้ล่ะ” ฉันเปลี่ยนหัวข้อ “คุณรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่ของฉันนัดบอดและจากนั้นฉันก็อยู่กับเขาทั้งคืนที่โรงแรม” แอนนี่ดูไม่มีความสุข “จริงๆ แล้ว พวกเขานัดเจอฉันที่ร้านอาหารเมื่อวานนี้และให้ฉันหมั้นกับเขาเพียงเพราะฝ่ายชายมีเงิน เราพบกันครั้งแรก และพ่อกับแม่ไม่ชอบแฟนเก่าของฉัน เพราะเขาจนและบังคับให้เราเลิกกัน ตอนนี้แม้แต่การแต่งงานของฉัน ก็ต้องถูกควบคุมโดยพวกเขา มันเจ็บปวดมาก ฉันอยากตายจริง ๆ” คำพูดของแอนนี่ทำให้ฉันตกใจ “แอนนี่โปรดอย่าเป็นอย่างนั้น นี่คือการแต่งงานของคุณ คุณไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจได้ การแต่งงานไม่ใช่เกม คุณต้องตัดสินใจด้วยตัวเองจริง ๆ” “ใช่ ฉันบอกพวกเขาแล้วว่า ถ้าพวกเขาผลักฉันให้แต่งงานแบบนี้อีกครั้ง ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาและฉันจะหยุดเป็นตู้เอทีเอ็มของพวกเขา” แอนนี่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฉันจะไปเยี่ยมแม่ที่บ้านเกิดของฉัน เพื่อดูว่ามีวิธีแก้ปัญหาหรือไม่ ฉันกังวลเล็กน้อยว่าแอนนี่จะอยู่คนเดียว แต่ฉันไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้ว ฉันได้กำหนดแผนของฉันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันคิดถึงแม่มาก ดังนั้นฉันจึงเก็บกระเป๋าของฉันและกลับบ้านในวันเดียวกัน เมื่อฉันกลับถึงบ้านมันเป็นเวลาอาหารกลางวัน แม่ของฉันได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ดังนั้นฉันต้องทำอาหารให้เธอ “อเล็กเซีย ลูกทำอาหารเก่งมาก มันอร่อยมากเลยแหละ สามีของลูกจะต้องมีความสุขในอนาคตแน่ ๆ” แม่อุทาน “รีบคบใครสักคนซะ แม่จะได้สบายใจว่าแกจะไม่ต้องอยู่คนเดียว” แม่ของฉันประสบความสำเร็จในการทำให้ฉันรู้สึกว่ามีภาระหนักขึ้น “แม่คะ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของการซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต อย่าบังคับหนูนะ หนูจะรอคนที่ใช่ค่ะ” ฉันหวังว่าจะมีคนเช่นนี้ ด้วยวิธีนี้แม่ของฉันจะได้ไม่ต้องเข้ามายุให้ฉันแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้เลือก หลังอาหารเย็นแม่ของฉันพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตรักของฉัน “แจ็ค วิลเลี่ยมส์ เป็นเด็กดี คุณสองคนอยู่ด้วยกันได้ไหม” น้ำเสียงของแม่เป็นเรื่องเร่งด่วนมาก “แม่คะ เรายังไม่รู้จักกันเลย มันต้องใช้เวลาจริง ๆ” ฉันไม่ต้องการให้แม่ของฉันโกรธ “แม่เป็นห่วงลูกมาก ลูกสาวแม่หน้าตาดี จะแต่งงานเมื่อไหร่” แม่ของฉันตบมือของฉันและโยกไปมาเบา ๆ “โอ้ ที่รักแม่ต้องมาเป็นภาระให้ลูก ลูกไม่มีความสุขตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น แม่รู้” “แม่กำลังพูดเรื่องอะไรหนูมีความสุขมากที่ได้ดูแล” เมื่อฉันได้ยินเสียงแม่แบบนั้น ฉันรู้สึกเสียใจมาก “แม่ค่ะ จริงๆ แล้วพ่อโทรหาหนูเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หนูรู้ว่ามันไม่ค่อยดีที่จะพูดถึงพ่อ แต่หนูก็ยังอยากให้แม่ยอมรับเงินพ่อ และกลับไปผ่าตัดซะ แม่จะได้ไม่เจ็บปวดแบบนี้” ทำไมเขาถึงโทรหาลูก เขาต้องการให้ลูกโน้มน้าวให้แม่ลงนามในข้อตกลงการหย่าร้างไปหาเขาสิ ลูกคงเสียใจที่เลือกมาอยู่กับแม่แทนพ่อรวยๆ ของลูก” แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่อารมณ์ไม่ดีนัก “แม่คะ ขอให้ใจเย็น ๆ หน่อยนะคะ ทำไมไม่หย่าล่ะคะ ถ้าหย่าแล้วจะเป็นอิสระและมีความสุขนะคะ” “หนูไม่เข้าใจความคิดของแม่ แม่เกลียดคนที่เข้ามาแทรกแซงครอบครัวของเรา แม่เกลียดพ่อของลูก แต่แม่ไม่สามารถทำอะไรได้ และแม่ก็เจ็บปวดกับมันมาก ทำไมลูกถึงต้องติดต่อกับคนอย่างเขา” แม่ของฉันตบฉันและฉันก็ตกใจมาก “แกไปซะ” แม่พูดและไอ ฉันให้แม่สูดลมหายใจลึก ๆ ฉันกลัว ฉันปล่อยให้แม่ของฉันนอนลงและหยิบยาออกมา “แม่คะ หนูคิดผิดแล้ว ถ้ายังโกรธหนูอยู่ตีหนูเลยค่ะ” ฉันทำให้แม่ของฉันโกรธมาก ฉันรู้สึกผิด “อเล็กเซีย คุณไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะดูแลคุณแม่ให้เอง” เสียงของพี่เลี้ยงดังมาและฉันจึงเดินออกมา จากนั้นฉันก็ตระหนักว่าใบหน้าของฉันบวม “อยากดูหนังคืนนี้ไหมครับ” มันเป็นข้อความจาก แจ็ค วิลเลียมส์ อันที่จริงฉันอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อฉันคิดถึงน้ำตาของแม่ฉันก็เห็นด้วย “ฉันจะกลับไปบ่ายนี้ แล้วเจอกันตอนเย็น” หลังจากส่งข้อความโทรศัพท์ ก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามา ฉันไม่ได้ดูว่าเป็นใคร แต่ก็กดรับสาย “คุณอยู่ที่ไหน วันนี้จะมีงานเลี้ยงตอนเย็น ออกมาเป็นเพื่อนผมได้ไหม?” นั้นคือเสียงของสมิธ ฉันสับสน เข้าร่วมงานเลี้ยงกับเขาหรอ “ฉันอยู่ที่บ้านแม่ ฉันคงไปกับคุณด้วยไม่ได้” ฉันภาวนาว่าสมิธ ไม่ต้องการให้ฉันเป็นคู่ควงของเขา “ผมก็อยู่ใกล้ ๆ เหมือนกัน ไม่ต้องห่วงผมจะไปรับ แล้วเราจะกลับไปด้วยกัน” เขาไม่ทันให้ฉันตอบปฏิเสธเขาวางสาย แต่เมื่อฉันมองไปที่ใบหน้าที่บวมในกระจก ฉันอยากจะปฏิเสธจริงๆ เมื่อมองไปที่สถานะของแม่ของฉัน ฉันไม่สามารถเอาแต่ใจตัวเองได้ ฉันต้องอดทน ฉันส่งที่อยู่ให้เขา บางทีเขาอาจจะยอมแพ้หลังจากเห็นหน้าฉัน ฉันไม่ได้ส่งที่อยู่บ้านที่ถูกต้องให้เขา หลังจากจูบแม่ของฉัน ฉันไปรอเขาตรงจุดที่ฉันบอกเขาไว้ก่อนหน้านี้ ฉันโทรหาคุณปู่และบอกเขาว่าฉันจะไปหาเขาในครั้งต่อไป ฉันยังส่งข้อความถึง แจ็ค วิลเลียมส์ และปฏิเสธการออกเดทภาพยนตร์คืนนี้ ในไม่ช้ารถของสมิธก็มา และเมื่อฉันขึ้นรถ เขาจ้องที่ใบหน้าของฉัน “เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของคุณ” “พอดีฉันหกล้มน่ะ” ฉันไม่ต้องการบอกความจริง “นี่มันรอยตบรึเปล่า คุณถูกทุบตีมาใช่ไหม?” สมิธถามอย่างตรงไปตรงมา ฉันบอกความจริงกับเขา “ห้ะ อะไรนะ” ฉันไม่ตอบสนอง และมองเขาอย่างโง่เขลา “โดนแม่เธอทุบตีหรอ” สมิธมองจ้องมาที่ฉัน ฉันไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่เงียบไปซักพัก ทันใดนั้น แจ็ค วิลเลียมส์ ก็โทรมา แต่ฉันอยู่ในรถของสมิธ ฉันไม่ต้องการที่จะรับสายเขาตอนนี้ “คุณไม่รับสายหรอครับ ทำไมไม่หยิบมันขึ้นมาล่ะ” เขาสังเกตเห็นโทรศัพท์ด้วย เดี๋ยวก่อนเขาพูดถูก ทำไมฉันต้องสนใจเขา ฉันรับสาย และแจ็ค วิลเลียมส์ ไม่ได้ถามฉันว่าทำไมฉันถึงปฏิเสธการนัดหมายของเขาในทันที ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกดีกับเขา แค่อยากถามว่าพรุ่งนี้ว่างไหม ฉันบอกว่าฉันจะว่างทั้งวัน แต่ฉันคิดว่าฉันจะไปทำงานพาร์ทไทม์ตอนกลางคืน “งั้นปมจะโทรหาคุณพรุ่งนี้” แจ็ค วิลเลียมส์ วางสายอย่างมีความสุข หลังจากวางสาย ฉันรู้สึกว่าบรรยากาศในรถแปลกๆ ฉันพบว่าสมิธดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี “คุณสมิธ ใบหน้าของฉันบวมแบบนี้ ฉันไม่ควรไปงานเลี้ยงกับคุณใช่ไหมคะ” ฉันเตือนสมิธและฉันหวังว่าเขาจะไม่พาฉันไปงานเลี้ยงเพราะมันจะทำให้เขาอาย “คุณทาอันนี้สิ เขาส่งครีมบางอย่างให้ฉันและฉันรู้สึกดีขึ้นมาก” พระเจ้าครีมนี้มีประสิทธิภาพมากใบหน้าของฉัน มันไม่แสบร้อนอีกต่อไป ฉันประหลาดใจที่เห็นว่าครีมนี้มีประโยชน์จริง ๆ ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก “เพื่อนของผมส่งมาให้ใช้นะถ้าคุณต้องการ ผมจะซื้อให้นะ” เขาหมายความว่าฉันคงต้องโดนแม่ตบหน้าแบบนี้อีกหลายครั้งแน่ๆ ฉันคงต้องมีมากกว่าหนึ่งครั้งที่จะได้รับการตบหน้ามากขึ้นจากแม่ของฉันแน่ ๆ รถเบรกกระทันหันใดนั้นเขาก็ยื่นแขนออกมาและกอดฉันไว้รอบเอวของฉัน ด้วยมือทั้งสองและลูบผิวที่มือของฉัน ทันใดนั้นหัวใจของฉันก็เต้นเร็วขึ้น “วันนี้คุณไม่ได้หน้าแดง” เขาอยู่ใกล้มากจนฉันรู้สึกถึงลมหายใจของเขา ฉันกลั้นหายใจหลับตาและไม่ต้องการยอมรับความจริงที่ว่าเขานั่งใกล้มาก ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกถึงการสัมผัสเล็ก ๆ บนแก้มของฉันและจากนั้นเมื่อลมหายใจของเขาแพร่กระจายไปทั่วบริเวณนี้การสัมผัสนี้ก็ขยายไปถึงคอของฉัน หัวใจของฉันเต้นเร็วเกินไปและแม้แต่การบินของนกยังดูช้าเกินไป “คุณสมิธ ไฟเขียว” เมื่อฉันเห็นแสงเปลี่ยนเป็นสีเขียวฉันก็กรีดร้องทันที ฉันอยากจะขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยฉันในขณะนี้ เมื่อเขาจอดอยู่หน้าอาคารเขาพาฉันขึ้นไปชั้นบน โดยตรงไปที่ร้านขายผ้าแฟรนไชส์ เขาทักทายผู้หญิงคนหนึ่งอย่างอบอุ่น และขอให้เธอหาเสื้อผ้าสองสามชิ้นที่เข้ากับฉัน คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาพามาที่นี่เลยค่ะ ดีไซน์เนอร์บอกฉันด้วยความประหลาดใจ ฉันยิ้มได้เท่านั้น ในที่สุดฉันก็หยิบชุดหางปลาสีน้ำเงินที่อวดผิวและรูปร่างของฉันอย่างชัดเจน มันสวยงามมากและเปล่งประกายในสายตาของผู้ที่เห็นมันเป็นครั้งแรก “พระเจ้า ชุดนี้เหมาะสำหรับคุณมาก เราออกไปให้คุณสมิธดูกันเถอะ เขาจะต้องตะลึงแน่ ๆ” นักออกแบบพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เฮ้ เดี๋ยวนะ นี่มันเปิดเผยมากเลยนะคะ” ฉันหยิบกระโปรงขึ้นมาแล้วมองไปที่รอยแหวกลึกด้านหลังในกระจก ฉันอายมาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD