Chapter 1. บทนำ

1461 Words
     “แม่ว่าไงนะครับ”            “โทรศัพท์สัญญาณไม่ดีหรือไง แม่บอกให้ไปรับน้องข้าวจี่”            “ข้าวจี่ไหนหนอ”  ลูกชายบ่นพึมพำแล้วจอดรถข้างทางเพื่อคุยโทรศัพท์ให้รู้เรื่อง            “น้องข้าวจี่ ลูกสาวของวรรณาเพื่อนของแม่ไง”            “อ้าว... แล้วยัย เอ่อ น้องข้าวจี่ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ เหรอครับแม่”            “น้องเรียนมหาวิทยาลัยแล้วตอนนี้เรียนที่มหาวิทยาลัย M นั้นแหละ ไม่งั้นแม่จะบอกให้ไปรับน้องเรอะ!” คนเป็นแม่เริ่มเสียงแข็ง            “อ้อ...”            “เข้าใจแล้วก็ไปรับน้องข้าวจี่หน่อย แม่ส่งที่อยู่ไปทางไลน์แล้วนะ”            “แล้วทำไมผมต้องไปรับ”            “ไม่ได้ดูข่าวหรือไง หอพักแถวนั้นน้ำท่วม เขาอพยพนักศึกษาออก มาแล้ว”            แม้จะไม่ค่อยชอบหน้ายัยเด็กข้าวจี่ที่มารดาเอ่ยถึงนัก แต่สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้เดือดร้อนกันไปทั่ว ตัวเขาเองยังโชคดีที่บ้านพักอยู่ในตัวเมืองไม่โดนภัยพิบัติครั้งนี้ แต่จะทำเป็นไม่สนใจคนที่ลำบากก็ทำไม่ได้            “ได้ครับแม่ แล้วให้ไปส่งที่ไหน”            “ก็พักบ้านเราก่อนสิ”            “หา!”            “หาอะไร? บ้านเราห้องว่างตั้งหลายห้อง หรือแกแอบซ่อนผู้หญิงในบ้านแม่”            “ไม่มีเสียหน่อย” เขาโอดครวญ “แล้วทำไมต้องให้มาพักบ้านเราล่ะครับ”            “แล้วตอนนี้มันหาที่พักได้ที่ไหน ยัยวรรณาเพื่อนแม่ก็โทรเช็คโรงแรมหลายที่ก็เต็มหมด จะไปรับลูกสาวเองก็ไม่ได้ ตอนนี้ไปดูงานที่สิงคโปร์ เพื่อนแม่ก็เลยโทรมาขอร้องให้แม่ช่วยพูดกับแกไปรับน้องให้หน่อย”            “โอเค.ครับแม่ ผมทราบแล้ว พรุ่งนี้ผมจะไปรับ แม่ส่งเบอร์ติดต่อน้องมาให้ด้วยแล้วกัน”            “เออ ว่าง่ายๆ ให้มันน่ารักหน่อย”            “แม่ก็พูดเหมือนผมไม่ใช่ลูก...”            “แล้วนี่เข้าบ้านหรือยัง”            “ใกล้ถึงบ้านแล้วครับ”            “ขับรถดีๆ ล่ะไอ้ตุลย์”            “ครับแม่”            “พรุ่งนี้ไปรับน้องแล้วรายงานมาด้วยน”"            “คร๊าบ”            สัญญาณโทรศัพท์ตัดไปแล้ว ชายหนุ่มหยิบมือถือมาจากที่วางโทรศัพท์หน้ารถแล้วเลื่อนอ่านข้อความในไลน์ หอพักที่แม่ส่งที่อยู่มาให้นั้น เขาเห็นในเพจข่าวของจังหวัดอยู่เหมือนกัน ข่าวยังรายงานอีกว่า ยังมีการระบายน้ำจากเขื่อนอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำคงไม่ลดลงง่ายๆ ในตอนนี้แน่นอน            “ข้าวจี่...”            ‘ตุลา’ หรือ ‘ไอ้ตุลย์’ ของคุณรัศมีกับนายเผ่าทองเคาะปลายนิ้วกับพวงมาลัยรถกระบะ 4 ประตูสีดำสนิท เขาพยายามนึกหน้า ‘ข้าวจี่’ ที่แม่พูดถึง เจอกันไม่กี่ครั้ง เท่าที่จำได้คือเด็กอ้วนๆ แก้มกลมๆ ที่มักจะแหงนหน้ามองเขาแล้วแลบลิ้นใส่ แต่ที่จำได้ดีคือคุณวรรณาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและเป็นเพื่อนสนิทของแม่ตั้งแต่เรียนมัธยม ได้ยินเรื่องราววรีกรรมของแม่กับเพื่อนสนิทจนชินหู และไม่แปลกใจที่แม่ไหว้วานหรือจะพูดให้ถูกคือบังคับให้ไปช่วยรับลูกสาวของเพื่อนสนิท             ช่างเถอะ พรุ่งนี้วันหยุดของเขาอยู่แล้ว แค่ขับรถไปรับลูกสาวของเพื่อนแม่จะเป็นอะไรไป. ตอนที่1. ลูกสาวของเพื่อนแม่          ชายหนุ่มตื่นเช้าเช่นทุกวัน เขาอ่านข้อความในไลน์ที่แอดกับ ‘ลูกสาวเพื่อนแม่’ นัดหมายจุดที่จะไปรับเรียบร้อย โชคดีหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เพราะตัวเองเป็นพวกเด็กค่ายอาสามาก่อน และมีเพื่อนผองน้องพี่เป็นจิตอาสา ซึ่งวันนี้มีการลงพื้นทีไปช่วยอพยพนักศึกษาที่ติดอยู่ที่หอทยอยออกมาในพื้นที่ปลอดภัย เขาจึงประสานงานกับเพื่อนสนิทขอติดเรือตามไปรับคนต้นเรื่องถึงที่            “นึกว่าจะมารำลึกความหลัง” อาร์ม- ชายหนุ่มทีมอาสากู้ภัยอดหยอกเพื่อนซี้ไม่ได้            “งานเยอะหน่ะ แต่ก็ตามข่าวอยู่เรื่อยๆ” ตุลาพูดไปตามจริง สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขากับอาร์มและกลุ่มเพื่อนซี้อีก5-6คน ชื่นชอบการออกค่ายและทำกิจกรรมจิตอาสาเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าแทบเห็นพวกเขาเกือบทุกงาน แต่เมื่อเรียนจบ ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตนเอง เขาเองก็เข้าทำงานที่โรงงานน้ำตาลในตำแหน่งวิศวกรโรงงานตามที่ตกลงกับพ่อไว้               “บางช่วงน้ำท่วมถึงอกเลยนะ” เพื่อนซี้หัวเราะร่วนยื่นเสื้อชูชีพส่งให้ตุลา แม้น้ำช่วงที่พวกเขาไประดับแค่เอว แต่ตามระเบียบแล้วอย่างไรก็ต้องใส่เสื้อชูชีพ             “ปีนี้น้ำมากจริงๆ” ตุลารับเสื้อสีส้มมาสวม รถกระบะบรรทุกเรือมาจอดที่หน้าปากซอย พวกเขาปลดเรือลงไปในถนนที่ตอนนี้กลายสภาพเป็นคลองไปแล้ว เขาขึ้นเรือพร้อมเพื่อนและเจ้าหน้าที่มุ่งหน้าไปหอพักที่ต้องเข้าไปรับนักศึกษาซึ่งอยู่เกือบท้ายซอย            “ปริมาณน้ำมากที่สุดในรอบสี่สิบสี่ปี” อาร์มพูดแล้วทำสัญญาณมือบอกเพื่อนอีกลำว่าพร้อมเดินทาง หน่วยกู้ภัยได้รับการขอความช่วยเหลือให้เข้าไปรับคนที่ติดอยู่ในซอย พวกเขาทยอยอพยพชาวบ้านและนักศึกษาออกมาสองวันแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดก็คือผู้สูงอายุที่ ‘ติดบ้าน’ แทบไม่ยอมออกจากบ้านหากไม่เพราะทางการประกาศเตือนว่าทางเขื่อนยังมีการระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีข่าวลือว่าเขื่อนจะแตก นั้นแหละ... คนเฒ่าคนแก่จึงยอมออกมากันได้            “ได้ยินว่าน้ำท่วมครั้งนี้หนักกว่าปีพ.ศ.2521”            “ได้ยินมาเหมือนกัน แต่เกิดไม่ทันวะ” อาร์มหัวเราะ เขาเอาอาหารสุนัขใส่ถุงพลาสติกใบย่อมๆ มาหลายถุง เผื่อเจอหมาแมวที่ติดอยู่ตามบ้านจะได้ให้ไว้พอประทังชีวิต  “คนพิเศษละสิถึงต้องมารับด้วยตัวเอง”            “หือ?” ตุลามัวแต่ถ่ายรูปสภาพน้ำท่วมหนัก เขาเห็นในภาพจากเพจข่าวท้องถิ่นแต่ไม่คิดว่าจะหนักหนาถึงเพียงนี้ “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”            “คนที่จะมารับไง คนพิเศษเหรอ”            “เปล่า” ตุลาส่ายหน้าไปมาแล้วหยิบมือถือขึ้นส่งข้อความอย่างเพิ่งนึกได้ “ลูกสาวของเพื่อนแม่”            “น่ารักไหม?”  อาร์มถามยิ้มๆ            “ไม่รู้สิ ไม่ได้เจอตั้งหลายปี” ตุลาพยายามนึกถึงใบหน้ากลมๆ กับผมเปียสองข้าง เจอกันตอนนั้น...อายุเท่าไรกันนะ            “ถ้าน่ารักกูจีบนะ มึงไม่โสดก็อย่าขวางทางกูล่ะ”            “ใครว่ากูไม่โสด กูโสดแล้ว”  ตุลาหัวเราะขณะพิมพ์ข้อความส่งไปทางไลน์ว่า ‘ใกล้จะถึงแล้ว’            “อ้าว! กูตกข่าวเหรอ นึกว่ามึงคบกับน้องมัดหมี่อะไรนั้น”            “คบเชี้ยอะไร กูเป็นได้แค่คนคุย” ตุลาส่ายหน้าไปมาไม่อยากนึกถึงเรื่องแผลสดที่ยังเจ็บจิ๊ดๆ เขาจริงจังกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับมองเขาเป็นแค่ตัวเลือก และเมื่อมีตัวเลือกที่ดีกว่า เธอก็โบกมือลาเขาในทันที  ชายหนุ่มแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าเสื้อ สายตามองไปยังหอพักนักศึกษา บริเวณชั้นล่างแทบกลายเป็นทะเลสาบ มีนักศึกษาอยู่สามคนที่ชั้นสอง เรือของพวกเขาไปใกล้แล้ว ทุกคนก็โบกมือไปมาส่งสัญญาณให้กัน ตุลามองหญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม เขาหรี่ตามองอย่างไม่มั่นใจ            “ข้าวจี่?” เขาตะโกนเรียก แล้วหญิงสาวผอมบางเจ้าของชื่อก็ชูมือขึ้นอย่างขลาดๆ            “คนนี้นะเหรอ ที่จะมารับ” อาร์มหันมาถาม ดวงตาวิบวับ “น่ารักวะ”            “เชี้ย! ช่วยคนก่อน” ตุลาหันมาดุเพื่อน แล้วค่อยหันไปดุคนที่จะมารับ น้ำท่วมระดับนี้แล้วทำไมเพิ่งอพยพนะ! นี่จะรอให้น้ำท่วมถึงชั้นสองเลยหรือไงถึงจะยอมออกมา            “น้องครับ ลงมารอที่บันได้นะ พวกพี่จะเข้าไปรับ มีของอะไรโดนน้ำไม่ได้ไหม”  อาร์มตะโกนถามน้องๆ สามคนที่รอลงเรือ เขาชี้นิ้วไปยังทางบันไดทางขึ้นตึกซึ่งพอจะเอาเรือเข้าไปเทียบให้น้องๆ ขึ้นเรือมาได้            “มีค่ะ” หญิงสาวรีบพูดแล้วยกตะกร้าสีเขียวสดขึ้น            “นั่นอะไร” ตุลาขมวดคิ้ว ลำพังขนคนก็เยอะแล้ว ยัยเด็กนี้ขนอะไรมาอีก            “แมวค่ะ”            “แมว!”             “พี่จะทำเสียงตกใจทำไมคะ แค่แมวเอง” หญิงสาวทำหน้ามุ่ย            “ครับๆ มันก็แค่แมว” อาร์มหันมาหัวเราะให้เพื่อนซี้ที่ทำหน้ายุ่ง สมองเริ่มคำนวณน้ำหนัก  เรือท้องแบนที่พวกเขาใช้อยู่ น่าจะรับน้ำหนักได้หมดนะ นักศึกษาสามคน เจ้าหน้าที่สามคน แมวหนึ่งตัว 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD