“เกลียดมึงชิบ”
“อย่าบ่น หยิบหมวกให้หน่อย ใส่ให้ด้วย” ก็นึกว่าให้มานั่งดูสวยๆ นี่ไม่ต่างจากคนใช้เลย ใช้หยิบนั่นหยิบนี่จนเหนื่อย
“เหนื่อย”
“กับกูมึงบ่นเหนื่อย ทีคนอื่น” ทำเป็นพูดลอยๆ ไม่กล้าสบตา
“ใคร ใคร ไหนใคร”
“กูจะแข่งแล้ว เดี๋ยวออสตินก็มา”
“เออ” ฉันกระแทกเสียงใส่ ทำได้แค่นี้แหละเพราะสัวมันใกล้หูหนวกแล้ว
ฉันยืนรอออสติน สักพักก็ได้มานั่งข้างสนาม อากาศไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่เพราะตะวันตกดินแล้ว
“น้ำมั้ย ขนมก็มี” ออสตินยื่นน้ำเปล่าให้
“อือ ก็ดี แค่น้ำพอขนมไม่เอา คนอื่นล่ะ”
“เดี๋ยวตามมา” ฉันพยักหน้าแล้วยื่นมือไปรับขวดน้ำ
รถของเจ้าสัวอยู่ที่จุดออกสตาร์ทแล้วเรียบร้อย ผู้ชายกับความเร็วเป็นของคู่กันจริงๆ
“เห็นคันสีดำข้างๆ นั่นไหม”
“อืม ทำไมเหรอ” ออสตินชี้ให้ฉันดูรถคันสีดำที่จอดข้างๆ กับคันของเจ้าสัว
“ไอ้นั่นมันท้าไอ้สัว” อ่อ แบบนี้นี่เอง
“ท้าเพื่อ? หาเรื่องกันอีกแล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไปด่าไอ้สัวนู่น นี่ไม่เกี่ยว” หาเรื่องกันอีกแล้ว คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
“เออ ด่าแน่” ลึกๆ แล้วฉันเป็นห่วงไม่น้อย คนอย่างเจ้าสัวไม่ชอบถูกท้าทายแล้วก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
ฉันกลัวจังเลย กลัวไอ้คนท้าจะเล่นสกปรก ถึงว่าสนามแข่งนี้จะมีระบบป้องกันความปลอดภัยสูงก็ตาม อุบัติเหตุมันปุ๊บปั๊บจะตาย
“เป็นห่วงมันเหรอ อย่าห่วงเลยไอ้สัวดวงแข็งจะตาย”
“ซีเรียสอยู่” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เพราะซีเรียสจริงจัง
“สัวดีใจตายห่า”
“แข่งจบจะด่าให้หูดับเลย”
“ดุว่ะ”
เสียงสัญญาณดังขึ้น รถออกจากจุดสตาร์ทแล้ว ยังมองไม่ออกว่าใครเป็นคนนำ ฉันเงยหน้ามองจอยักษ์ที่จับภาพรถของเจ้าสัวและผู้ท้าชิงอย่างใจจดจ่อ สองคนนี้รีบตีคู่กันขึ้นมาอย่างสูสี
“มันกำลังจะเบียดไอ้สัว” ออสตินลุกขึ้นยืนเริ่มนั่งไม่ติด เห็นแบบนี้ฉันก็ยิ่งใจไม่ดี ถึงเจ้าสัวจะขับรถเก่งแข่งมาหลายครั้งก็วางใจไม่ได้
“แซงแล้ว” ฉันนั่งไม่ติดเหมือนกัน ดีที่โซนเราเป็นโซนวี หากเป็นโซนอื่นคงโดนขวดขว้างหัวแตกไปแล้ว
“ไอ้เหี้ยนี่เล่นตุกติกแน่นอน”
“ยังไง” ฉันร้อนใจมากอยากให้ครบรอบเร็วๆ ออสตินพูดแบบนี้ก็แสดงว่า
“ไอ้เหี้ย กูว่าแล้ว”
ฉันช็อก ยืนนิ่งแล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นมาปิดปาก รถของเจ้าสัวถูกเบียดลงข้างทางชนป้ายสปอนเซอร์จนเกิดเป็นเปลวไฟลุกท่วมคัน “เกี๊ยว! อยู่ตรงนี้ ไอ้เจดูเกี๊ยวด้วยกูจะไปดูไอ้สัว”
ฉันหันไปมองเจแล้วโผเข้ากอดมันทันที
“ใจเย็นๆ สัวไม่เป็นอะไรหรอก”
ฉันพยักหน้าแล้วหันไปมองหน่วยกู้ภัยที่เข้าไปช่วยเจ้าสัว ไม่นานเจก็ชวนฉันออกจากตรงนี้ไปโรงพยาบาลเพื่อไปดูอาการเจ้าสัวทันที
โรงพยาบาล
พอมาถึงเจ้าสัวก็ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินไม่ถึงกับไอซียูนั่นทำให้ฉันเบาใจมากๆ
“ไอ้เหี้ยนั่นแม่งต้องเจอ” ออสตินยังไม่หายหัวร้อน ส่วนฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สนแต่คนที่อยู่ในห้องฉุกเฉินว่าเจ็บมากแค่ไหน
“ป๊าไอ้สัวคงไม่ปล่อยไว้ มึงก็รู้ว่าป๊าไม่ชอบพวกตุกติก”
“เออ แต่กูอย่างซัดหน้ามัน”
“หยุดเก่งก่อนได้มั้ย เพื่อนจะตายอยู่ละยังไม่หยุด” ฉันปรามเจและออสติน ตั้งแต่มาถึงยังไม่หยุดพูดสักที
“ไอ้สัวไม่เป็นไรมากหรอก”
“ก็ดี มันจะได้โดนด่าแบบยังมีสติ”
ฉันโทรไปบอกม๊าเจ้าสัวเรียบร้อย ท่านตกใจมากรีบร้อนจะกลับไทยให้ได้ ฉันก็เลยรับปากอาสาเฝ้าเจ้าสัวให้จนกว่าทั้งสองท่านจะกลับมา มันจะรู้สึกอะไรบ้างมั้ยทำให้ทุกคนเป็นห่วง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะม๊า เกี๊ยวดูแลให้เองค่ะ ม๊ากับป๊าจัดการธุระให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยกลับก็ได้ค่ะ ทางนี้เกี๊ยวจัดการเอง”
“เกี๊ยวรับปากแบบนี้ม๊าก็เบาใจลูก นอกจากป๊าก็มีเกี๊ยวนี่แหละที่สัวยอมฟัง”
“ชีวิตขับเคลื่อนด้วยพลังด่าตลอดค่ะ” ม๊าหลุดขำแล้วขอตัววางสายก่อน ส่วนฉันพอคุยกับม๊าเสร็จก็กลับเข้ามาในห้องพักของคนไข้
“ม๊าว่าไงบ้าง”
“เขาจะตัดมึงออกจากกองมรดก แล้วก็รับกูเป็นลูกแทน”
“จริงปะ งั้นมึงก็เลี้ยงกูด้วย”
“สลดมั่งปะ ทำทุกคนวุ่นวายไปหมด” ฉันโกรธและโมโหมันมาก ตัวเองนอนเตียงสบายใจแต่คนอื่นวิ่งกันให้วุ่น ออสตินจัดการเรื่องในโรงพยาบาลเสร็จก็รีบกลับไปสนามแข่งอีก เจ เพทายด้วย ส่วนฉันยังใส่ชุดนักศึกษาตัวเหม็นหึ่งเพราะยังไม่ได้อาบน้ำมัวแต่คอยเฝ้าคุณชายหล่อเท่คนนี้ไม่ห่าง
“เป็นห่วงก็พูดมาสิ”
“กูแค่เป็นห่วงม๊ากับป๊าเท่านั้นที่มีลูกชายหัวดอแบบมึง”
“โอ้โหเกี๊ยว เดี๋ยวนี้มึงว่ากูขนาดนี้เลยเหรอ”
“ทำไม มึงจะทำไม ลุกมาเตะกูเลยมั้ยล่ะ เอาดิ” ฉันท้าทาย มันน่าด่าให้แรงกว่านี้ร้อยเท่า
“มึงอย่าท้ากูนะ”
“ลองลุกมาดิ” มันชอบให้ใครท้าทายที่ไหน “ถ้ามึงลุก กูกลับ โทรบอกให้ไอ้พวกนั้นมาเฝ้าแทนกูเลย”
“กลัวกูอะดิ” ”
“สภาพมึงตอนนี้น่ากลัวตรงไหนวะ” ดีที่ไม่ถูกไฟคลอกตายคารถ ทีมรักษาความปลอดภัยทำงานเร็วมาก ถ้าไม่เร็วฉันก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าเจ้าสัวจะมีสภาพยังไง
“เป็นอะไร ดึงดราม่าอะไรอีก กูยังไม่ตาย”
“ไม่ต้องพูด”
“มานี่มา กูขอโทษ” มันทำเหมือนฉันเป็นเด็กแต่ก็อีกนั่นแหละ ฉันโกรธมันจนร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง
“กูโกรธมึงมากไอ้สัว แต่กูก็ต้องนอนเฝ้ามึงเพราะรับปากป๊าม๊าไปแล้ว สลดบ้างดิวะทุกคนเป็นห่วงมึงแต่ดูมึงดิ กูเหม็นตัวเองจะแย่เพราะมัวจัดการเรื่องของมึงเนี่ย หิวก็หิว” ฉันยกหลังมือปาดน้ำตาลวกๆและระบายความในใจที่อัดอั้นออกมาให้มันได้ยิน
“ก็กูไม่อยากให้มึงเครียด”
“กูเครียดเพราะสิ่งที่มึงแสดงออกนี่แหละ”
“มานี่”
“ไม่” ฉันตอบกลับเสียงแข็ง ยังโกรธอยู่ ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อน
“เร็ว อย่าให้กูพูดมากดิเจ็บ” เจ้าสัวมีแค่รอยฟกช้ำและถลอกแค่นิดหน่อย ที่บ่นเจ็บคงเป็นตรงหน้าอกที่กระแทกกับถุงลมนิรภัย
“ใครให้มึงพูด”
“เกี๊ยว”
“กูจะอาบน้ำ” ฉันเดินไปหยิบผ้าขนหนูและถุงกระดาษที่มีเสื้อผ้าอยู่ในนั้นของทั้งหมดนี้คนของม๊าเป็นคนเตรียมให้ ฉันเลยไม่ต้องกลับบ้านให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นอีก
“เกี๊ยว”
“รำคาญ หุบปากแล้วหลับตานอนได้ละ”
“กูจะเปิดเดอะโกสฟัง”
กึก!
--------